ฮาราคีรีเซ็ปปุกุ
มีถึง 3 รูปแบบ แบ่งประเภทตามลักษณะของตัวคันจิ เลขหนึ่ง เลขสิบ แล้วก็ เลขสาม คือตัดเป็นรูปตัวอักษรคันจินั่นเอง
一 十 三
いち じゅう さん
หนึ่ง สิบ สาม
แค่แทงเข้าท้องอย่างเดียวก็เสียวแล้ว นี่ต้องลากมีดจากซ้ายไปขวาให้เป็นเลขหนึ่งอีก เลขหนึ่งอาจจะพอลุ้น แต่ถ้าเป็นรูปเลขสิบกับเลขสามนี่ คงต้องแทงท้อง ปักเข้าถอนออกกันหลายเที่ยวทีเดียวกว่าจะตายสมใจ ...ซวบ! เอ้า...ซวบอีกที ยังไม่พอ ขออีกที ซวบ! ฮือ... ขนลุก
จริงๆแล้วในการประหารชีวิตด้วยวิธีนี้ จะมีเพชรฆาตรอตัดหัวอยู่ด้านหลังเพื่อไม่ให้ทรมาน หลายคนบอกว่า มันเป็นเรื่องยากมากที่จะดึงมีดที่อยู่ในท้องขึ้นๆลงๆ เพราะมนุษย์เราคงทนพิษบาดแผลไม่ไหว ถ้าไม่ตายก่อนก็คงไม่มีกําลังเหลือพอที่จะทําเรื่องที่เหนือมนุษย์ ทําได้หรือไม่ได้...ความจริงเป็นอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าเป็นจริง ก็ต้องทึ่งกับความเป็นเลือดซามุไรของคนญี่ปุ่นในอดีตจริงๆ
ในสมัยเอโดะ (江戸時代) ก็เปลี่ยนรูปแบบเป็นแค่พิธีการอย่างเดียว คือ คนที่จะถูกประหารชีวิตจะนั่งบนเสื่อตาตามิ ข้างหน้าจะมี มีด หรือไม่ก็ พัด วางอยู่ แต่มีดนั้นก็ไม่ใช่มีดจริง เป็นมีดไม้ พอผู้ที่จะถูกประหารหยิบมีดหรือพัดขึ้นมา เพชรฆาตที่เตรียมตัวอยู่ด้านหลังก็ลงมีด ตัดหัวทันที คือ ฮาราคีรีในสมัยหลังๆเป็นเพียงแค่พิธีการเท่านั้น จริงๆแล้วก็คือการตัดหัวประหารชีวิตเหมือนบ้านเรานั่นเอง
ฮาราคีรี ผู้ที่จะทำได้จะต้องเป็นซามูไรเท่านั้นสามัญชนคนธรรมดา ห้ามกระทำ การทำฮาราคีรีนั้นจะถูกสืบทอดกันเฉพาะในครอบครัวซามูไรเท่านั้น โดยที่เด็กผู้ชาย เมื่ออายุครบ7ปี(รึ8-9ปีนี่หละ จำไม่ค่อยได้แล้ว)จะได้รับดาบสั้นหรือวาคิชิชิ(Wakichichi)ไว้เพื่อป้องกันตัวเอง และพออายุครบ15ปี จะได้รับทั้งดาบสั้นและดาบยาว เด็กที่เกิดในตระกูลซามูไรนั้น จะต้องผ่านพิธี เกมปุคุ(Gempuku) ซึ่งกระผมไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ทราบแค่ว่า คล้ายๆกับการโกนจุกในบ้านเรานี่เอง และพอโตขึ้นอีกหน่อย ก็จะผ่านการสอนการทำ เหตุผลที่ว่า ทำไมต้องคว้านท้องนั้นก็คือ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า ท้องเป็นที่ที่จิตวิญญาณอาศัยอยู่นั่นเอง ฮาราคีรีนั้น เป็นภาษาสามัญนะครับ ซึ่งค่อนข้างหยาบคายสำหรับพวกซามูไรด้วยซ้ำ ส่วนคำที่ใช้อย่างเป็นทางการนั้นก็คือ เซปปุคุ อย่างที่ท่านยูริบอกนั่นหละครับ ฮาราคีรี แปลตรงตัวได้ว่า ตัดกระเพาะ หรือ ตัดท้องน้อย จะกระทำก็เพื่อ หยามเหยียดศัตรู ประท้วงความอยุติธรรม หรือ ช่วยเหลือผู้อื่น(เช่น การรับบาปตายแทนลูกน้องที่กระทำผิด) เมื่อทำแล้ว เชื่อกันว่าจะบรรลุธรรมขั้นสูงสุดตามนิกายเซน ซึ่งก็คือ บรรลุอรหันต์เลยทีเดียว ถือว่าเป็นการชำระบาปให้หมดสิ้น
การกระทำนั้นก็มักทำกันในลานกว้าง เช่นในวัดพุทธ ไม่ใช่วิหารของชินโต เพราะว่าลัทธิชินโตถือว่าศพเป็นของควรประณาม หรือไม่ก็สวนในปราสาทของพวกขุนนางพื้นที่บริเวณที่กระทำฮาราคีรี จะต้องปูด้วยเสื่อทาทามิขอบสีขาว2ผืนแล้ววางเบาะรองนั่ง หรือ ฟุตอง มี4เสาล้อมรอบข้างหน้ามีซุ้มสูง9ฟุต กว้าง7ฟุต ทำคล้ายทางเข้าวิหาร ใช้ไม้ไผ่(สด) คลุมด้วยผ้าขาว พร้อมปักธงเพื่อใช้คลุมศพระหว่างขนไปที่หลุม
การทำฮาราคีรีให้ครบเครื่องนั้น จะต้องมีผู้ช่วย(Kaichaku)ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคนที่จะทำ มีไว้เพื่อที่จะตัดคอคนที่ทำฮาราคีรี(เผื่อคว้านท้องแล้วดันไม่ตาย จะได้ไม่ทรมาน) จะยืนอยู่ที่ซุ้มทางทิศใต้ของผู้กระทำ ก่อนจะทำการคว้านนั้น ซามูไรจะต้องดื่มสาเกที่นำมาเสิร์ฟทางซ้าย ทั้งหมด4ครั้ง สาเหตุที่ต้องเป็น4 คงไม่ต้องอธิบายนะครับ คงรู้ๆกันอยู่
การกระทำฮาราคีรีนั้น จะต้องมีโฆษก มากล่าวประกาศความผิดของผู้กำลังจะตาย จากนั้นก็ เอ่ยคำขอบคุณผู้ที่มาร่วมงาน เอาผ้าขาว5พับ มาวางไว้บนเสื่อเพื่อรองเลือด หลังฉากขาวก็จะมีโลงศพรออยู่ ก่อนทำนั้นจะต้องอาบน้ำชำระร่างกายก่อนที่จะใส่ชุดกิโมโน พร้อมตราประจำตระกูล มีเสื้อคลุมและเกราะใส่ไว้ในถาด รอบๆจะมีซามูไร6คนนั่งล้อมอยู่(สงสัยจะกันเปลี่ยนใจแล้วหนี)และก่อนวินาทีที่จะทำการคว้านนั้น จะต้องเปลี่ยนใส่ชุดขาวอีกหนึ่งรอบ(ยุ่งยากจริ๊ง)
ที่กล่าวไปนั่นก็คือ การฮาราคีรี อย่างถูกต้องเต็มยศพิธีการ ซึ่งผู้กระทำมักจะยินยอมและยินดีกระทำ ถือเป็นเกียรติอันสูงส่งของซามูไร การกระทำฮาราคีรีอีกแบบหนึ่งก็คือ การกระทำในสนามรบเช่นเวลาถูกข้าศึกจับได้หรือล้อมกรอบ ซามูไรทุกคนก็พร้อมที่จะคว้านทองตนเองเพื่อไม่ให้ขึ้นชื่อว่าถูกฆ่าโดยศัตรูและเพื่อรักษาความลับของประเทศ
ปัจจุบันนี้ การฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น ส่วนมากจะนิยมแขวนคอกันซะมากกว่า พูดว่านิยมคงไม่ดีเท่าไหร่คงต้องบอกว่าเป็นสถิติ เดี๋ยวนี้คนที่อยากตายจะไม่ทําอะไรที่มันหวาดเสียวเหมือนแต่ก่อน แต่...เมื่อหลายปีที่แล้วช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในช่วงทรุดหนัก พนักงานที่มีอายุในหลายๆบริษัทถูกบังคับให้ลาออก....แล้วก็มีคดีที่น่าหวาดเสียวเกิดขึ้น
พนักงานคนหนึ่งของบริษัทแห่งหนึ่ง ทําฮาราคีรี แทงท้องตัวเองต่อหน้าผู้จัดการ คําพูดที่พนักงานคนนั้นทิ้งเอาไว้คือ....
ผมอุทิศทั้งกายและใจเพื่อบริษัทมาตลอด ทําไมต้องทํากับผมแบบนี้ เป็นคดีที่ดังมากในญี่ปุ่นตอนนั้น แน่นอนวิธีที่ชายคนนั้นฆ่าตัวตายก็เป็นอะไรที่คนญี่ปุ่นฟังแล้วต้องทึ่ง แต่เรื่องที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ คดีนี้ได้บอกว่า ระบบการว่าจ้างตลอดชีพ ระบบการดูแลพนักงานตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาในบริษัทจนกระทั่งเกษียร และความรู้สึกของพนักงานต่อบริษัท ระบบหลายๆอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมญี่ปุ่น ...
กําลังเริ่มสั่นคลอน ถ้าเป็นเมืองไทยคดีอาจจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้ อาจจะเป็น
...ไล่กูออกทําไม..........ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
การฆ่าตัวตายนั้นบาปนักหนา... แต่การฆ่าคนนั้นซิบาปมากกว่า
皆さん、平和的に暮らしましょうね!
">
คลิปประกอบจากมื้อดึกสยองขวัญ
ที่มา: http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=185624&chapter=9