ไวย์แอท เอิร์บ มือปืนผู้คงกระพัน

ในครั้งก่อนผมได้เกริ่นถึงมือปืนที่ผมเชื่อว่าน่า จะได้รับตำแหน่งพระเอกยอดนิยมตลอดกาลสำหรับวงการนักเลง
หนังคาวบอยและลูกทุ่งตะวันตก เป็นผู้ที่มีตัวตนจริงๆและมีชีวิตบู๊โลดโผนผ่านการดวลแบบหูดับตับไหม้มา
หลาย ครั้งแต่ไม่เคยต้องบาดเจ็บสักครั้งเดียว แถมอายุยืนที่สุดในบรรดามือปืนยุคเดียวกันเสียด้วยโดยแก่ตาย
ไปเองเมื่อตอนอายุ 81 มีคนนำประวัติไปสร้างเป็นหนังหลายเรื่อง ทั้งจริงบ้างโม้บ้าง (ส่วนใหญ่ก็คงจะโม้นั่น
แหละครับ มากบ้างน้อยบ้างเท่านั้นเอง แต่ก็หลอกเอาตังค์ฝรั่งด้วยกันเองไปได้โข รวมทั้งคนไทยอย่างผมและ
อีกหลายๆท่านแถมไปด้วย) นอกจากหนังแล้วยังมีหนังสือและบทความต่างๆทั้งในเชิงสาระและบันเทิงอีก
มาก มาย (ทั้งในภาคภาษาฝรั่งและภาษาไทยด้วยอีกเช่นกัน) คงไม่ต้องชักแม่น้ำให้ยืดยาวเกินไปนะครับ ขอ
แนะนำให้ท่านรู้จักกับ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป กันอีกครั้งนึง

ว่ากันตามจริงแล้วประวัติชีวิตทั้งหมดของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป สามารถดูจากหนังเรื่องล่าสุดที่ใช้ชื่อเรื่องเดียวกัน
สร้างเมื่อปี 1994 มี เควิน คอสท์เนอร์ เล่นเป็น วายแอ็ท เอิ๊ร์ป เคยลงโรงแล้วในบ้านเราและมีฉบับวิดีโอด้วย
ทุก วันนี้ยังพอหาเช่าดูได้ หนังทำได้ละเอียดดีครับถึงจะมีหลายประเด็นที่ไม่ตรงหลักฐานจริงบ้าง แต่โดยรวม
ก็ถือว่าเป็นหนัง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่บรรยายประวัติได้ครบถ้วนที่สุดตั้งแต่มีการสร้างกันมา

พูดถึง เรื่องจริงไม่จริง ตรงไม่ตรงแล้วนี่ คงไม่มีใครรู้จริงทุกอย่างหรอกนะครับ ผมว่าต่อให้ลองเรียกวิญญาณ
วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มาเข้าทรง หรือเล่นผีถ้วยแก้วเชิญแกมาสัมภาษณ์ แกก็จำเรื่องราวในชีวิตของแกทั้งหมดไม่
ได้ หรอก หรือถึงบอกว่าจำได้ได้เราก็ไม่รู้ว่าแกโม้อีกหรือเปล่าอยู่ดี ต่อให้ลงทุนไปหอสมุดค้นคว้าหนังสือพิมพ์
หรือจดหมายเหตุต่างๆมาดู ก็ยังขึ้นอยู่กับว่าคนเขียนบันทึกได้แม่นแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นหนังสือพิมพ็แล้วละก็เราๆ
ท่านๆก็พอรู้กันอยู่นะครับ แม้แต่นักเขียนชีวประวัติของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป คนแรกที่ชื่อ สจ๊วต เล้ค ในหนังสือเรื่อง
Wyatt Earp : Frontier Marshal ที่เคยขายดิบขายดีเมื่อพิมพ์ครั้งแรกในปี 1931 นั้น ก็ยังยอมรับทีหลังว่า เมื่อ
แกไปสัมภาษณ์ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่เวลานั้นอยู่ในวัย 70 กว่าแล้ว แกก็ดำน้ำ และใช้วิธี Put words in a mouth of
the aging lawman หรือแปลเป็นไทยว่า ยัดคำพูดใส่ปากมือปราบแก่ๆ หลายครั้งเหมือนกัน ดังนั้นที่ผมจะคุย
ต่อไปนี้ก็คงจะมีทั้งจริงโม้บ้างเช่นเดียวกัน แล้วแต่ว่าได้ข้อมูลมาจากแหล่งใด คงไม่ถือสากันนะครับ เพราะ
ตั้งใจจะให้ เป็นเรื่องบันเทิงคดีที่เกี่ยวข้องกับปืนมากกว่าการชำระประวัติศาสตร์ บางตอนฟังดูแล้วก็จะปรากฏ
อิทธิฤทธิปาฏิหารย์ค่อนข้างเหลือเชื่อเอาการอยู่

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป นั้นตอนเกิดมีชื่อเต็มๆว่า วายแอ็ท เบอร์รี่ สแต๊ป เอิ๊ร์ป (Wyatt Berry Stapp Earp) มีเชื้อสายเป็น
ชาวสก๊อต ปู่และพ่อเป็นนักกฎหมายที่แต่เดิมตั้งรกรากอยู่ในรัฐ เคนตั๊คกี้ แต่ นิโคลัส เอิ๊ร์ป ผู้เป็นพ่อหันมาบุก
เบิกเรื่องเกษตรกรรมในภายหลังและได้ ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ หลังจากนั้นได้เข้าร่วมรบในสงคราม
แม็กซิกัน เมื่อสงครามเลิกกลับมาบ้านก็ตั้งชื่อลูกชายคนใหม่ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1848 ตามชื่อผู้บังคับการ
ของตัวเองเมื่อครั้งไปรบนั้นด้วยความภูมิใจอย่างที่สุดว่า วายแอ็ท เบอร์รี่ สแต๊ป ส่วนลูกชายจะภูมิใจด้วยหรือ
เปล่านั้นก็น่าสงสัยอยู่

วายแอ็ท มีพี่ชาย3คนได้แก่ นิวตั้น, เจมส์ และ เวอร์จิล มีน้องชาย 2 คนได้แก่ มอร์แกน และ วอร์เรน น้องสาว
อีก 1 คนชื่อ แอดีเลีย พี่ชายคนหนึ่งคือ เวอร์จิล และน้องชายที่ชื่อ มอร์แกน นั้น เมื่อโตแล้วก็ยังใกล้ชิดกันและ
ใช้ชีวิตผจญภัยดวลปืนกับเหล่า ร้ายอย่างดุเดือดร่วมกันอีกด้วย โดยได้เข้าร่วมแจมกับวายแอ็ท ในการดวล
ครั้ง ประวัติศาสตร์ที่คอกสัตว์ชื่อว่าโอเค คระราล (OK Corral) เมืองทูมบ์สโตนในรัฐอริโซนา เมื่อปี 1881 อัน
จะได้กล่าวถึงในภายหลังอีกทีนึง

พ่อ ของวายแอ็ทได้ย้ายนิวาสถานอีกหลายหน เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในปี 1861 นั้น พี่ชายทั้ง 3 ได้
ออกรบ ส่วน วายแอ็ท ถึงจะไม่ได้ไปเนื่องจากเพิ่ง12 ขวบ (คงเพราะสมัยนั้นยังไม่มีกองกำลังก๊อดอาร์มี่กระมัง
ครับ) แต่ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ตอนเย็นเมื่อเสร็จงานในไร่แล้วก็จะนำทั้งปืนสั้นและยาวของพ่อมาฝึกฝนจนแม่น ยำ
โดยใช้อีแร้งกับกระต่ายป่าเป็นเป้า พออายุ 17 ก็ไปรับจ้างขับรถม้าโดยสารระหว่างเมือง ลอส แองเจลีส กับ
ซาน เบอร์นาร์ดิโน ความที่ฝีมือดีและขยันขันแข็งก็ได้รับความไว้วางใจให้ไปขับรถสายอริโซนา ที่ต้องเสี่ยงกับ
โจรและอินเดียนแดงเผ่าอปาชี อีก ปรากฏว่าวายแอ็ทใช้ฝีมือแม่นปืนทั้งสั้นและยาวคุ้มครองรถม้าให้อยู่รอด
ปลอดภัย มาได้ตลอด หลังจากนั้นก็ก้าวหน้าในอาชีพไปเรื่อยๆ จนเมื่ออายุยังไม่ถึง 20 ก็ได้เป็นถึงหัวหน้า
กองสอดแนมในการรบกับอินเดียนแดงให้กับกองทหารม้าประจำเขตตะวันตกเฉียงใต้

หลัง จากย้ายกลับไปอยู่มิสซูรี่ และโชคร้ายต้องสูญเสียภรรยาสาวไปเพราะโรคไทฟอยด์ วายแอ็ทก็ตัดสินใจ
ออกผจญภัยในทุ่งกว้างอีกครั้ง สมัครเข้าเป็นอาสาล่าควายเดินทางไปกับคณะสำรวจของรัฐบาลที่กำลังทำ
แผนที่ ในแถบรัฐ แคนซัส ค่าจ้างในขณะนั้นคือปี 1870 ว่ากันว่าตกวันละ 35 เหรียญ บวกด้วย 10 เซ็นต์ต่อ
ปอนด์สำหรับเนื้อควาย นับว่าไม่เบาทีเดียวเลยนะครับ หลังจากโปรเจ็คท์ทำแผนที่จบลง วายแอ็ทก็พบว่าตัว
เองติดใจอาชีพล่าควายเสียแล้ว และได้เพื่อนสนิทจากการล่าควายมาด้วยคนหนึ่ง เพื่อนสนิทคนที่ว่านี้ชื่อ
แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน (Bat Masterson) ทั้ง 2 ยังไม่หายมันตกลงจับมือกันเป็นฟรีแลนซ์ออกล่าควายกันแค่ 2
คนต่อไป

     

ไวย์แอท เอิร์บ เมื่ออายุ 21 ปี

 

การล่าควาย ในสมัยนั้นปกติจะทำเป็นทีมกันอย่างน้อย 8 คน เพื่อแบ่งกันทำหน้าที่ออกตามรอย ยิง ถลกหนัง
แล่เนื้อ ตากแห้ง และบรรทุกเกวียนขับรถไปส่งตลาด วายแอ็ทกับแบ๊ทตัดสินใจแบบ out of the box คือนอก
คอกทำทุกอย่างกันเองแค่ 2 คน ตอนแรกก็มีแต่คนหัวเราะเยาะว่าจะไปได้สักกี่น้ำ แต่ในที่สุดก็หยุดหัวเราะ
เมื่อพบว่านอกจากทั้งคู่จะทำสำเร็จแล้ว ยังส่งเนื้อควายเข้าตลาดได้มากกว่าทีมอื่นถึง 3 เท่า ร่ำรวยขึ้นแทบจะ
ข้าม คืน

วายแอ็ทไม่ได้เพียงคิดแบบนอกคอกแต่เพียงอย่างเดียว ยังได้กระทำสิ่งที่ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องใช้คำว่า รีเอนจิเนียริ่ง
ด้วย ปกติทีมล่าควายจะขี่ม้าไล่ตามฝูงควายซึ่งทำให้แตกตื่นหนีไปหมดได้ง่าย นักล่าส่วนใหญ่จะใช้แต่ปืน ไรเฟิล
ช้าร์ป ซึ่งหนักและถีบมาก วายแอ็ทกับ แบ๊ทเปลี่ยนเป็นใช้วิธีย่องเท้าเข้าหาให้ได้ระยะยิงใกล้ที่สุด และใช้ปืน
ลูกซองซึ่งเบาและยิงได้คล่องตัวกว่า สามารถส่องตูมๆล้มได้หลายตัวกว่าควายที่ยังไม่ถูกยิงจะเริ่มได้กลิ่นเลือด
แล้วหนีไป อธิบายเพิ่มนิดนึงว่าควายอเมริกันไม่ตกใจเสียงปืนนะครับ จะตกใจต่อเมื่อมีอะไรมาวิ่งไล่หรือได้กลิ่น
เลือดเท่านั้น ส่วนควายบ้านเรานั้นสงสัยต้องไปถามนายฮ้อยเคนดูก่อน

เมื่อล่าควายด้วยกันจนรวยแล้ว ทั้งคู่ก็บอกลากัน ตอนนั้นเป็นปี 1873 วายแอ็ทอายุย่างเข้า 25 ชักคิดอยาก
จะ ทำอย่างอื่นบ้าง จึงออกเตร็ดเตร่ไปตามเมืองต่างๆในแถบแคนซัส และมิสซูรี่ ระหว่างที่วายแอ็ทพักอยู่ที่
เมืองแคนซัสซิตี้ ก็ได้แรงบันดาลใจที่จะฝึกฝนฝีมือในการใช้ปืนสั้น โดยได้ครูดีอย่าง เจมส์ บั๊ทเลอร์ หรือ ไวลด์
บิล ฮิกค็อก (Wild Bill Hickok) ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดแห่งวิทยายุทธ์สำหรับปืนลูกโม่บรรจุ 6 นัดในเวลานั้นเป็น
ผู้ฝึกฝน วายแอ็ทลงแข่งได้รางวัลหลายหน เป็นที่ชื่นชมของครูมาก แต่เมื่อวายแอ็ทจะออกเดินทางต่อ กลับไม่
ยักหาปืนไว้พกติดตัว ทั้งๆที่ก็เริ่มปิ๊งปืนโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ ขนาด .45 หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม
ว่าพี้ซเมคเก้อร์เข้าแล้ว แต่ไม่ยอมซื้อ มิไยครู ไวลด์ บิล จะเตือนว่า ออกจากที่นี่ไปแล้วจะพบแต่บ้านป่าเมือง
เถื่อน ทั้งนั้น ควรจะต้องมีปืนติดตัว ก็ไม่เชื่อ บอกว่าจะไปหางานประเภทโลว์โพรไฟล์ ที่เรียบๆสงบๆทำเท่านั้น
แต่แล้วก็รู้ตัวว่าคิดผิดตั้งแต่ย่าง แรกที่มาถึงเมืองเอลสเวิร์ธ (Ellsworth)

     

ปืน โคลท์ ซิงเกิล แอ็คชั่น อาร์มี รุ่นมาตรฐาน
พบได้ในหนังคาวบอย ฮอลลีวู้ดทุกเรื่อง

 

ยุคนั้น เป็นยุคที่ธุรกิจปศุสัตว์กำลังเฟื่อง ตลาดรับซื้อส่วนใหญ่อยู่ตามเมืองต่างๆหลายเมืองในรัฐแคนซัส เมื่อ
เงินเดินสะพัด ธุรกิจต่อเนื่องก็เริ่มตามมา โดยเฉพาะสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับคาวบอยอกสามศอกทั้ง
หลาย มีบาร์ บ่อน เป็นหลัก (ที่จริงก็มีอย่างอื่นด้วยแหละครับไม่ได้ต่างจากสมัยนี้สักเท่าไหร่หรอก จะขาดก็
คงแค่ตลกคาเฟ่เท่านั้น) บ้านป่าเมืองเถื่อนที่ดังๆประจำรัฐ แคนซัส เวลานั้นก็ได้แก่เมือง แอ๊บบิลีน (Abiliene),
วิชิต้า (Wichita), ด๊อดจ์ ซิตี้ (Dodge City) แล้วก็เอลสเวิร์ธ นี่แหละครับ

เมืองนี้มีนายอำเภอชื่อ ชอนซี่ บี วิธนี่ กับผู้ช่วย 2 คนทำหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย อยู่มาวันหนึ่งมีนักเลงโตจาก
เท็กซัส ชื่อว่า เบ็น ธอมป์สัน กับน้องชายชื่อบิล ทั้งคู่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในทางแม่นปืนและดุร้ายโหดเหี้ยม
ยิงคนตาย ไปแล้วกว่า 20 คน เข้ามาเล่นไพ่ในซาลูนสักพัก เกิดมีปากเสียงเอะอะทะเลาะกันอย่างดุเดือดกับ
คู่เล่น เนื่องจากมีการจับได้ว่าโกงกัน พอนายอำเภอวิธนี่ จะเข้ามาจับแยก บิลก็ชักปืนลูกซองแฝดออกมาจาก
ใต้โต๊ะ จ่อหน้าอกนายอำเภอ แล้วก็ลั่นไกยิงนายอำเภอคว่ำลงไปทันที ผู้คนพากันแตกตื่น รวมทั้งผู้ช่วยนาย
อำเภอทั้งสองด้วยที่วิ่งหนีไปซ่อนอยู่หลังประตูไม่มีใครกล้าเข้าไปตอแย จากนั้นบิลก็เดินทอดน่องออกไปจาก
ซาลูน ขึ้นม้าขี่ออกนอกเมืองไปหน้าตาเฉย ส่วนเบ็นนั้นยังไม่ไป อยู่สั่งเหล้ากินต่อแถมยังกวักมือเรียกผู้ช่วย
นายอำเภอทั้งสอง ซึ่งยังอยู่ในอาการอุจจาระหดผายลมหาย และบรรดาคาวบอยมุงที่ยังเหลืออยู่นั้นว่า ใคร
แน่ก็ออกมาจับซิ

ปรากฏ ว่ามีไอ้หนุ่มแปลกหน้าแปลกตาคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา ติดดาวนายอำเภอหรา มีปืนเหน็บติดเอว
เตรียมพร้อมโดยขอยืมมาจากนายกเทศมนตรีซึ่งเผอิญอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แน่นอนครับไอ้หนุ่มแปลกหน้า
นี้ย่อมไม่ใช่ใครอื่น เชื่อไหมครับว่า วายแอ็ท แค่เดินเข้าไปจ้องตากับเบ็น (นึกภาพฉากจ้องตากันที่ชอบใช้
บ่อยๆในหนังคาวบอยสปาเก๊ตตี้ที่ คลิ้นท์ อี๊สท์วู้ด เล่นด้วยนะครับ) แล้วก็ถามว่าจะยิงกันหรือจะยอมแพ้ให้จับ
เท่า นั้นเองนักเลงโตที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายโหดเหี้ยมนักหนาฆ่าคนมาเยอะแยะนาม เบ็น ธอมป์สัน ก็ยอมให้จับเข้า
คุกไปโดยดีเสียเฉยๆ ไม่มีการยวนยี ยอกย้อน หรือยึกยักแต่อย่างใดทั้งสิ้น นี่เป็นการแสดงอภินิหารครั้งแรกครับ

อภินิหารฉากต่อไปเกิดขึ้นในปีต่อมาที่เมืองวิชิต้า ที่ผมเอ่ยถึงไปแล้วว่าในเวลานั้นจัดอันดับเป็นเมืองเถื่อน
อีกเหมือนกัน วายแอ็ทเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยนายอำเภอ ท่ามกลางความหมั่นไส้ของบรรดานักเลงโตประจำ
ท้องถิ่นทั้งหลายหลังจากได้ยินเรื่องราวที่เมืองเอลสเวิร์ธ ต่างก็ฮึ่มฮั่มยากจะลองของกันทั้งนั้น ในบรรดานักเลง
โตที่ว่ากันว่าร้ายนักก็มี จ๊อร์จ เปชอร์ คนหนึ่ง กับเพื่อนซี้อีก 2 คนชื่อ เอ๊ด มอริสัน และ เซี่ยงไฮ้ เพี้ยร์ซ ทั้ง 3
ผลัดกันพยายามคอยหาเรื่องด่าทอยั่วยุวายแอ็ทให้มาดวลกันอยู่เสมอ ฝ่ายวายแอ็ทซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษา
ความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มตัวแล้ว พกปืนพี้ซเม้คเก้อร์ ติดตัวตลอดก็พยายามอดกลั้นและระวังตัวอยู่

จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่วายแอ็ทกำลังเดินสายตรวจประจำวันอยู่ดีๆ ก็เห็นนักเลงโตทั้ง 3 พร้อมลูกสมุนอีก
ไม่ต่ำกว่า 1 โหล ยืนปิดถนนอยู่ข้างหน้า สีหน้าท่าทางบอกว่าคราวนี้อย่าหนีไปไหนไม่รอดแน่ วายแอ็ทแกล้ง
เดินเลี้ยวเข้าอีกซอยหนึ่ง ล่อให้ฝูงเหล่าร้ายเดินตามมา พอเดินถึงร้านโชว์ห่วย General Store ก็หลบเข้าร้าน
คว้าปืนลูกซองแฝดได้กระบอกนึง บรรจุกระสุนง้างนก เปิดประตูกลับออกมาจากร้านก็ได้จังหวะที่เหล่าร้าย
ทั้งฝูงเดินตามมาทันพอดี คนที่ไม่นึกว่าตัวเองจะเจอแจ๊คพอทเข้าก็คือ เอ๊ด มอริสัน ที่ดันผ่าเดินกร่างนำหน้า
คนอื่นไปก่อนจนถึงหน้าประตูร้าน ฝ่ายวายแอ็ทไม่ยอมให้เสียเวลา เอาลูกซองแฝดจิ้มเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูก
ของเอ๊ด นิ้วอยู่ในโกร่งไกรตะโกนว่า สนุกกันมากพอแล้วไอ้หนู! เท่านั้นเองที่เหลือก็โยนปืนทิ้งลงพื้นกันหมด
ปล่อย ให้วายแอ็ท ต้อนเข้าคุกแต่โดยดี นับทั้งหมดได้ 21 คนไม่ขาดไม่เกิน

ถึงตอนนี้ชื่อเสียงก็เริ่มโด่งดังยิ่งขึ้น ในปี 1876 ปศุสัตว์ย้ายไปค้าขายกันที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ มากขึ้นเรื่อยๆจน
เลื่อน ลำดับขึ้นนำหน้าเมืองอื่นๆในเรื่องความไร้ระเบียบและอาชญากรรม นายกเทศมนตรีจึงว่าจ้างวายแอ็ท
มาทำงานร่วมเป็นทีมมือปราบโดยให้เงินเดือน 250 เหรียญ เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ วายแอ็ทก็เลยต้องชวน
ผู้ที่ฝีมือดี และไว้วางใจได้มาช่วยกันหลายคน หนึ่งในนั้นคือ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน บั๊ดดี้เก่าที่เคยล่าควายด้วยกัน
กลับมาเจอกันหนนี้ทั้งคู่เริ่มคิดใหม่ว่าจะดูแลเมืองที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์ กระทิงแรด ทั้งขาจรและขาประจำอย่าง
ไรดี ว่าแล้วก็ตัดสินใจลงมือทำใหม่จริงๆโดยไม่ต้องอาศัยทั้งเสียงสนับสนุนจากคน รุ่นเก่าหรือรอฟังประชามติ
ประกาศ 'เขตปลอดอาวุธ' บังคับคาวบอยทั้งหลายให้ฝากปืนทิ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ก่อนจึงจะเข้าไปทำธุระ หรือเที่ยว
เตร่ในเมืองได้โดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่เลือกว่าเป็นกุ๊ยหรือไม่กุ๊ยทั้งสิ้น

แน่นอนครับว่าเกิดความหมั่นไส้และฮึดฮัดกันขึ้นมาทันทีทั้งในหมู่นักเลงโต และนักเลงกระจอกทั้งรุ่นใหม่และ
รุ่นเก่า จึงมีการลงขันกันว่าจ้างมือปืนอาชีพมาจัดการกับวายแอ็ท เสีย มือปืนที่จ้างมานี้ชื่อ เคลย์ อัลลิสัน มี
พื้นเพเดิมมาจากเท็กซัส เคยเป็นทหารฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง มีชื่อเสียงในทางแม่นปืนและดุร้าย
ชอบ เมาสุราอาละวาดหาเรื่องยิงคน ที่สำคัญที่สุดคือชอบลบหลู่อำนาจรัฐเป็นงานอดิเรก ตอนที่ตกลงรับว่า
จ้างนั้น เคลย์ เพิ่งยิงนายอำเภอของเมือง ลาส แอนิมัส ใน นิว แม็กซิโก ตายไปหยกๆ แต่สามารถข่มขู่ลูกขุน
ทั้งคณะจน รอดจากคดีออกมาได้ทั้งๆที่พยานหลักฐานมัดเหนียวแน่น เกิดความฮึกเหิมเหมือนลูกใครไม่รู้
เป็นอันมาก

ก่อนจะลงมือก็ต้องมีการหยั่งเชิงกัน เคลย์ อัลลิสัน ส่งเพื่อนที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า จ๊อร์จ ฮ็อย เข้าไปก่อน
เพื่อนคนนี้ใช้วิธีขี่ม้าลุยฝ่าด่านเก็บปืนเข้าไปในเมืองโดยไม่ยอมปลดอาวุธ ก่อความไม่สงบยิงทุกอย่างที่ขวาง
หน้าจนถึงกลางเมืองเจอเข้ากับวายแอ็ท ซึ่งยืนคอยดูอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน พอได้ระยะวายแอ็ทก็ยิงโป้ง
สวนเข้าให้นัดเดียวโดน จ๊อร์จ ฮ็อย ตกลงจากหลังม้าตายไปในที่สุด ส่วนวายแอ็ทนั้นเหมือนอภินิหารอีกเช่น
เคย คือแคล้วคลาดไม่โดนกระสุนขีดข่วนหรือเฉียดฉิวแต่อย่างใด

เคลย์ อัลลิสัน จึงต้องตามมาคิดบัญชีให้เพื่อน และก็ได้เผชิญหน้าจะๆกับวายแอ็ทที่หน้า ลอง แบร๊นช์ ซาลูน
(Long Branch Saloon) มีผู้คนมามุงดูมากมาย แต่ก็ผิดหวังเพราะไม่มีการจ้องตากันให้ลุ้นและไม่มีการ
ดวลกันให้ต่อรอง มีเพียงการพูดจาอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครได้ยิน หลังจากนั้นมือปืนผู้ดุร้ายและชอบลบหลู่
อำนาจรัฐนาม เคลย์ อัลลิสัน ก็ถอยกลับขึ้นม้าขี่ออกนอกเมืองไปเสียเฉยๆ หนนี้ไม่ได้เป็นเพราะอภินิหาร
อะไรหรอกครับ เป็นเพียงเพราะว่าเคลย์มองเห็น แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ในมือถือปืนลูกซอง
จ้องใส่ตัวอยู่เท่านั้น

และที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ นี่เองที่วายแอ็ทได้เพื่อนใหม่อีกคนซึ่งจะร่วมเป็นร่วมตายกันอีกหลายหนในวัน ข้างหน้า
เป็นอีกคนที่จะได้เข้าร่วมแจมกับวายแอ็ท ในการดวลที่ คอกสัตว์โอเค คระราล (OK Corral) ด้วย ใช่แล้วครับ
เขาคือ จอห์น เฮนรี่ หรือ 'ด๊อค' ฮอลลิเดย์ (Doc Holliday) อดีตหมอฟันชาวจอร์เจีย ผู้ป่วยเป็นวัณโรคไม่รู้ว่า
จะตายวันตายพรุ่ง เลยออกตระเวณใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมายและหันมาเอาดีทางการพนัน ด๊อคเป็นนักเลงปืน
ที่ทั้งไวและแม่น แถมยังถนัดมีดสั้นอีกด้วย มีชื่อเสียงโด่งดังว่าฆ่าคู่ต่อสู้ตายไปแล้วหลายคนกลางวงไพ่ทุกครั้ง
ที่ มีการกล่าวหาท้าทายกันเรื่องโกง

เหตุการณ์ที่นำมาสู่มิตรภาพเกิดขึ้นเมื่อ เอ๊ด มอริสัน คู่ปรับเก่าจากเมืองวิชิต้า ตามมาเพื่อจะแก้มือกับวายแอ็ท
หลังจากได้ข่าวว่ากำลังรุ่งอยู่ที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ เอ๊ดพาลูกสมุนมาด้วย 50 คน ลุยด่านเก็บปืนเข้ามาส่งเสียงดัง
ยิง ปืนขู่ขวัญพังร้านรวงมาตลอดทาง พอถึงหน้า ลอง แบร๊นช์ ซาลูน ก็ลงจากหลังม้าพากันบุกเข้าไปข้างใน พัง
ข้าวของแล้วก็ข่มขู่ลูกค้าไปด้วย วายแอ็ทไม่ทันได้ตั้งตัววิ่งตามเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอผลักบานประตูเข้าไป
ก็เจอปากกระบอกปืนเป็นตับจ้องรออยู่ ตัวเองพกปืนอยู่ก็จริงแต่ขืนแค่เพียงทำท่าว่าจะสู้ก็คงเละอยู่ตรงนั้นแน่
ได้แต่ยืนคุมเชิงกันอยู่ไม่ยอมถอย เหมือนกัน ในใจก็คิดว่าถ้าต้องตายละก็จะพาพวกนี้ไปร่มทัวร์เมืองผีด้วย
อย่าง น้อยซักสี่ห้าคน

ท่ามกลางลูกค้าอื่นๆในร้านมากมายที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนนั้น เอ๊ด มอริสัน ซึ่งนั่งกินเหล้ารออยู่ลุกขึ้นเดิน
ออกมา ท่าทางมั่นใจเกินร้อยบอกกับวายแอ็ทอย่างเย้ยหยันว่า นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วซะ แล้วรีบชัก(ปืน)ออกมา

แต่แล้วแทนที่ฝันจะกลายเป็นจริงเสียที กลับมีเสียงใครไม่รู้พูดมาจากข้างหลังว่า ม่ายช่ายหรอกเพื่อน แกนั่น
แหละ ที่ต้องชัก(ก็ปืนอีกนั่นแหละครับ) หรือม่ายงั้นก็ยกมือขึ้นซะ แล้วนักเลงโตผู้ฝันอยากจะเก็บนายอำเภอชื่อ
ดัง ก็รู้สึกว่ามีปืนอีกกระบอกมาจ่ออยู่ตรงขมับตัวเองพอดี

ถูกแล้วครับ ด๊อค ฮอลลิเดย์ คือเจ้าของเสียงนั้น ด๊อคกำลังเล่นไพ่อยู่ในอีกห้องหนึ่ง ถูกรบกวนสมาธิจากเสียง
เอะอะโครมครามก็เลยออกมาดู เห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็ย่องเข้ามาข้างหลังตอนที่เอ๊ดกับลูกสมุนกำลังมัว
แต่ สนใจอยู่กับ วายแอ็ท จากนั้นด๊อคก็ตะโกนบอกบรรดาลูกสมุนของเอ๊ดที่ยังคงจ้องปืนอยู่ที่วายแอ็ทว่า หน้า
ไหนเหนี่ยวไกละก็ รับรองลูกพี่มันหัวเป็นรูแน่ และแล้วปืนกว่า 50 กระบอกก็ลงไปกองอยู่กับพื้น

เหตุการณ์ นี้ทำให้วายแอ็ท ระลึกถึงบุญคุณของด๊อคไปนาน ส่วนด๊อคเองนั้นก็ชอบในความกล้าหาญและ
ความเป็นนักเลงจริงของวายแอ็ท และติดสอยห้อยตามสนับสนุนวายแอ็ทไปทุกที่เช่นกัน บรรดาผู้คนที่ไม่
ทราบ ถึงที่มาก็ค่อนข้างจะงงๆอยู่ว่า ทำไมนายอำเภอของตัวถึงได้ลดตัวลงมาคบหาสมาคมกับนักเลงการ
พนันผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร ที่ทั้งขี้โรคแล้วก็ขี้เหล้า (เป็นที่รู้กันว่าทั้งๆที่ไอโขลกๆ ตลอดเวลาเพราะวัณโรค
พี่แกยังสามารถดื่มได้ถึงวันละเกือบ 4 ลิตร เริ่มตั้งแต่อาหารเช้าไปจนก่อนนอนโดยไม่มีอาการเมา) แต่วายแอ็ท
คง จะเห็นรูปทองของด๊อคซ่อนอยู่ภายใน เข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของปรัชญาชีวิตและหลักจิตวิทยาว่า ที่จริง
แล้วด๊อคเป็นผู้มีการศึกษา รักความยุติธรรม และไม่ได้มีสันดานเป็นโจรผู้ร้าย แต่เพราะความที่รู้ตัวว่าจะต้อง
ตายไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้อยู่แล้วก็เลยไม่แคร์กับอะไรทั้งสิ้น ขอใช้ชีวิตโลดโผนดุเดือดให้สะใจไปวันๆ ในขณะที่ฝีมือ
และไหวพริบนั้นไม่ เบาทีเดียว เอาเป็นว่าไม่จัดอยู่ในพวกยี้ก็แล้วกันนะครับ

ในช่วงเวลา 2 ปีที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ วายแอ็ทไม่ได้เป็นแต่ผู้รักษากฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้ริเริ่มเป็น
นัก พนันกับเขาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ด๊อค ฮอลลิเดย์ ซึ่งเป็นนักพนันตัวฉกาจอยู่แล้วมาเป็นเพื่อน
แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน คู่หูเดิมก็เข้าร่วมวงด้วย ทั้งวายแอ็ท และแบ๊ทจะใช้เวลานอกราชการอยู่ที่ อัลฮัมบร้า
ซาลูน (Alhambra Saloon) เป็นส่วนใหญ่เพลิดเพลินกับการเป็นเจ้ามือและรายได้เสริมจากไพ่ฟาโร ผู้คนทั่ว
ไปก็ชอบให้ทั้งสองมานั่งเล่นด้วยเพราะช่วยไล่กุ๊ยไปในตัว ส่วนด๊อคก็ให้ความนับถือวายแอ็ท ไม่สร้างปัญหา
ให้ใคร ในที่สุดที่นี่ก็เป็นที่ชุมนุมของบรรดาคนดัง พ่อค้าวาณิชและนักการเมืองที่เดินทางผ่านไปมามากมาย
เขาว่ากันว่าในสมัยนั้นการพนันถือเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติอาชีพหนึ่ง และการโกงไพ่แต่พองามอย่างมีศิลปะม
ีชั้นเชิงไม่โจ๋งครึ่มจนน่าเกลียดก็ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีนะครับว่าเมื่อ 120 ปีมาก่อน
เขาคิดกันอย่างไร ถ้าเป็นสมัยนี้คงต้องหมายถึงการเมืองกับการเลือกตั้งในประเทศไหนสักแห่งนึง แน่ๆเลย

       

เมือง Dodge City ถ่ายโดยผู้เขียนเมื่อปี 1980 ส่วนนี้ทำขึ้นมาใหม่
เพื่อจำลอง สถานที่และบรรยากาศสมัยยุคเคาบอย

ที่ ด๊อดจ์ ซิตี้ นี่อีกเหมือนกันครับ ที่ว่ากันว่านักเขียนนิยายเล่มละ10 ตังค์ หรือ Dime Novel ชื่อดังในยุคนั้น
นามปากกาว่า เน็ด บั๊นท์ไลน์ ได้มอบปืนโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ รุ่นพิเศษลำกล้องยาว 12 นิ้ว สั่งทำโดย
ตรงจากโรงงานโค้ลท์ เรียกกันว่ารุ่น บั๊นท์ไลน์ สเปเชี่ยล ให้กับวายแอ็ทและผู้ช่วยทั้งหลายโดยเฉพาะ เรื่องนี้ใน
ปัจจุบันยังถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจริงหรือไม่ ต่างฝ่ายต่างก็มีหลักฐานมาอ้างอิงกันทั้งนั้น ซึ่งผมจะไม่
ฝักใฝ่ฝ่ายใด ละนะครับ แต่ถ้าหาปืนรุ่นนี้ได้หรือท่านใดมีอยู่จะนำมาโชว์หรือทดสอบกันก็จะได้ทั้ง สาระและ
ความสนุกสนานยิ่งขึ้น

     

ปืนโคลท์ ซิงเกิล แอ็คชั่น อาร์มี รุ่นพิเศษ "บันท์ไลน์ สเปเชี่ยล"
ลำกล้องยาว 16นิ้ว ต่อพานท้ายแบบโครงเหล็ก เพื่อยิงในลักษณะ
ปืนยาวคาร์ไบน์ได้

 

เมื่อ ถึงปี 1879 ด๊อดจ์ ซิตี้ เริ่มเข้าสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย วายแอ็ทจึงบอกลาไปผจญภัยต่อ ตามคำ
ชวนของเวอร์จิลพี่ชาย ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่ผู้ช่วยนายอำเภอ และเป็นหัวหน้าตำรวจอยู่ที่เมืองทูมบ์สโตน
(Tombstone) ในอริโซนา หลังจากที่น้องชายคือมอร์แกน ได้รับคำชวนเช่นกันและล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
ทูมบ์สโตนขณะนั้นเป็นเมืองที่กำลังบูมสุดขีด เพราะนอกจากรอบๆเมืองจะมีปศุสัตว์เป็นจำนวนมากแล้ว
ยังมีการขุดพบแร่ เงินอีกด้วย วายแอ็ทเข้าลงทุนร่วมกับพี่ๆน้องๆเป็นหุ้นส่วนใน โอเรียนเต็ล ซาลูน แล้วก็
รับงานเป็นผู้คุ้มกันรถม้าของบริษัท เวลส์ ฟาร์โก ด้วย และจากงานผู้คุ้มกันรถม้านี่เองที่ทำให้วายแอ็ทต้อง
เหยียบ เท้ากลุ่มอิทธิพลประจำท้องถิ่นเข้าอีก

กลุ่มอิทธิพลที่ว่านี้คือพวกตระกูลแคลนตั้น (Clanton) เป็นผู้กว้างขวางทำอาชีพปศุสัตว์ในเขตนี้อยู่ก่อนแล้ว
หลายปี เป็นแก๊งใหญ่มากนำโดย นิวแมน เฮนส์ ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เฒ่าแคลนตั้น กับลูกชาย 3 คนได้
แก่ ไอ๊ค์, ฟิเนียส และ บิลลี่ แถมด้วยลูกสมุนนักเลงปืนฝีมือดีอีกมากมายได้แก่ จอห์นนี่ ริงโก้ อีกคนได้แก่ บิล
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า บิลผมลอน โบรเชียส จากนั้นก็มีสองพี่น้อง แฟร้งค์ กับ ทอม แม็คลอรี่ ตามด้วย ฟลอเรน
ทีโน่ ครุซ ที่ชาวบ้านเรียกว่า อินเดียน ชาร์ลี แล้วยังมี พีท สเป๊นซ์ อีกทั้ง แฟร้งค์ สติลเวลล์ เป็นอาทิ คาวบอย
แก๊งนี้ไม่ได้ค้าขายปศุสัตว์ด้วยวิธีสุจริต แต่ใช้วิธีทั้งขโมยและปล้นเอามาจากฝั่งเม็กซิโก อาศัยที่พื้นที่อยู่ติดกับ
รอย ต่อพรมแดน ทำให้ติดตามหาหลักฐานได้ยาก นอกจากนั้นยังปล้นรีดไถรถม้าด้วย ที่สามารถทำธุรกิจนอก
ระบบอยู่ได้ก็เพราะมีเชอร์ริฟที่ชื่อ จอห์น บีแฮน เป็นพวก

เหตุที่ทำให้วายแอ็ทต้องเหยียบเท้าพวกนี้เริ่ม ต้นด้วยอยู่ดีๆม้าของตัวเองหายไป หลังจากเพิ่งมาถึงทูมบ์สโตน
ได้ไม่กี่วัน พอมีคนมากระซิบบอกว่าลองไปหาแถวๆไร่ของพวกแคลนตั้น ดูซิ วายแอ็ทก็ตามไปดูและพบว่าม้า
ของตัวอยู่กับบิลลี่ แคลนตั้น หลังจากมีปากเสียงกันอยู่พักใหญ่ บิลลี่ก็ยอมให้วายแอ็ทเอาม้าคืนไปอย่างไม่
ค่อย สบอารมณ์

จากนั้นก็มีฬ่อตัวหนึ่งของกองทหาร ม้าหายไปอีก ทางทหารได้ขอแรงให้ฝ่ายสืบสวนของบริษัท เวลส์ ฟาร์โก
ร่วม มือกับทางตำรวจของเมืองทูมบ์สโตนช่วยค้นหาร่องรอย วายแอ็ทจึงได้ติดตามเวอร์จิลพี่ชายออกแกะรอย
ตามไปจนถึงบ้านของพวกแม็คลอรี่ ก็พบฬ่อตัวนั้น แถมพบอีกว่าที่บ้านดังกล่าวมีอุปกรณ์สำหรับตีตราเปลี่ยน
ตรา เดิมที่ตีไว้แล้วด้วย ทางทหารมานำฬ่อคืนไป แล้วลงประกาศหนังสือพิมพ์ให้รางวัลใครก็ตามที่สามารถหา
หลักฐานมาจับพวกแม็คลอรี่เข้าคุกได้ ทำให้พวกแม็คลอรี่ โมโหและเจ็บแค้นว่าพวกเอิ๊ร์ปเป็นตัวการทำให้เสีย
ชื่อ เสียง

   
Credit: http://www.thailandoutdoor.com/CowboyAndWestern/CowboyGun/Cowboy2/cowboy2.html
#คาวบอย
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIPสมาชิก VIP
14 มิ.ย. 53 เวลา 15:18 3,103 1 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...