ที่มา : ที่มา : catdumb.com ข้อมูลจาก : brightside

โลกของเรามีสิ่งที่น่าตื่นเต้นและสวยงามอยู่มากมาย สถานที่ที่น่าสนใจและน่าไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ภูเขาที่สวยงามหรือ ภูเขาไฟ แม่น้ำที่มหัศจรรย์ทั้งหลาย และที่อื่นๆอีกมากมายก่ายกอง แต่ธรรมชาติที่สร้างออกมาสวยงามนั้นบางทีก็มีความอันตรายเช่นกัน วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำ 10 สถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก ที่หากคุณคิดจะไปล่ะก็เราขอให้คุณคิดดีดี

10.ทะเลสาบ Natron ประเทศแทนซาเนีย

อาจจะดูสีเหมือนเข้าโปรแกรมแต่งภาพ แต่นี่เป็นสีจริงของทะเลสาบที่มีความอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและทำให้สิ่งมีชีวิตแถวนั้นต้องตายหมด ถูกปกคลุมไปด้วยเกลือและด่างบนพื้นผิวของทะเลสาบ ซึ่งแน่นอนว่าการว่ายน้ำในทะเลสาบแห่งนี้เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด และนอกจากนี้มันยังมีกลิ่นไฮโดรเจนซัลไฟด์มาจากพื้นผิวของทะเลสาบ แม้มันจะสวย แต่ก็แฝงด้วยอันตรายสูงมาก

9.Afar Depression ประเทศเอธิโอเปีย

ภูเขาไฟในภูมิภาค Afar ของเอธิโอเปีย เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่อันตรายที่สุดในโลก และยังมีทะเลสาบลาวาในปล่องภูเขาไฟอีกด้วย ปริมาณลาวาในที่แห่งนี้มีการไหลเวียนตลอดเวลา และนั่นก่อให้เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆต่อเนื่องมาตลอดเช่นกัน

8.เกาะปะการัง Bikini หมู่เกาะ Marshall

เกาะที่ดูเหมือนกับสวรรค์แต่แท้จริงแล้ว เป็นที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ยังคงมีสารกัมมันตภาพรังสีหลงเหลืออยู่ เห็นสวยงามแบบนี้แต่แน่นอนว่ามันเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต…

7.หุบเขาแห่งความตาย Kamchatka ประเทศรัสเซีย

คาบสมุทร Kamchatka ในตะวันออกไกลออกไปจากรัสเซียมีหุบเขามรณะอยู่ ซึ่งมันมีก๊าซพิษที่มีความเข้มข้นสูง และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ทั้งพืชและสัตว์สามารถตายได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนจะมีอาการเป็นไข้ วิงเวียนศีรษะได้

6.อุทยานแห่งชาติ Madidi, ประเทศโบลิเวีย

แรกเห็นนั้นสถานที่นี้เป็นสถานที่ที่มีความงดงามอย่างมาก แต่ความจริงแล้วนั้นมันอันตรายมาก ทำไมน่ะหรอ? เพราะมันคือบ้านของเหล่าสัตว์มีพิษและดุร้ายทั้งหลายอาศัยอยู่มากที่สุด และพวกพืชที่เจริญเติบโตในสวนแห่งนี้อาจทำให้เกิดอาการคันรุนแรง มีผื่นและเวียนศีรษะ มองดูเหมือนกับเป็นป่าลึกลับที่คอยจ้องจะเอาชีวิตนักเดินทางเลยว่าไหม…

5.lha da Queimada Grande (เกาะงู) ประเทศบราซิล

เป็นเกาะที่ซ่อนอยู่นอกชายฝั่งของบราซิลได้รับการยอมรับว่าเป็นเกาะที่อันตรายที่สุดในโลก เหตุผลน่ะเหรอง่ายมาก…. เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยงูพิษมากที่สุดในโลก นักวิจัยบอกว่าจะเจองู 5 ตัวได้ทุกๆ 1 ตารางเมตร เคยมีเรื่องเล่าว่ามีผู้ดูแลประภาคารถูกงูกัดและเสียชีวิต และตั้งแต่เหตุการณ์นั้นทำให้รัฐบาลบราซิลห้ามเข้าชมสถานที่นี้ตั้งแต่นั้นมา

4.ภูเขาไฟ Sinabung ประเทศอินโดนีเซีย

เป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย มีการระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้มีผู้คนหลายพันคนต้องออกไปเพราะไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเมืองและหมู่บ้านรอบๆ นั้นก็ถูกลาวากลืนกินไปหลายแห่ง ซึ่งนับว่าเป็นที่ที่เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นเลยจริงๆ

3.Mount Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นสถานที่ที่ถูกบันทึกว่ามีลมบนพื้นผิวที่เร็วที่สุดในโลก มีความเร็วประมาณ 327 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเป็นที่ที่มีอุณภูมิต่ำสุดอยุ่ที่ -40 องศา จนหนาวเป็นน้ำแข็งได้ มีหิมะตกหนyกอย่างต่อเนื่องทำให้มันเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก แม้จะมีความสูงไม่มากนักเพียง ราว 1,917 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

2. ทะเลทราย Danakil, ประเทศ Eritrea

ทะเลทรายที่มีอุณหภูมิราว 50 องศาเซลเซียส และมีปล่องภูเขาไฟจำนวนมากที่ค่อยพ่นก๊าซพิษออกมา หลายคนบอกว่าที่นี่มันคือ ‘นรกบนโลก’ แต่ก็ยังเป็นที่ดึงดูดสำหรับนักผจญภัยทั้งหลาย ซึ่งการที่จะมาที่นี่ควรศึกษาและต้องมีประสบการณ์พอสมควรเลยล่ะ

1. ทะเลทราย Danakil, ประเทศ Eritrea

ถ้าโลกนี้คือบ้านของเรา หุบเขาแห่งความตายก็เปรียบเสมือนเตาอบในครัวไปด้วยความร้อนแบบสุดๆ ทะเลทรายแห่งนี้ถูกบันทึกว่ามีอุณหภูมิที่สูงที่สุดในโลกนี้ประมาณ 56 องศาเซลเซียส หากคุณไปที่นี่มันจะทำให้คุณรู้สึกกระหายน้ำอย่างรวดเร็ว และไม่มีน้ำให้คุณดื่มและคุณจะอยู่ที่นี่ได้เพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้น

**หมายเหตุ

ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชน ทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.toptenthailand.com จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป