Béla Kiss จับคนมาดอง

 

 

ในฮังการีในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 ชายชาวฮังการีคนหนึ่งชื่อเบล่า คิส ย้ายมาอยู่บ้านเลขที่ 9 ถนน Kossuth ในชานเมืองซินโกตาเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบใกล้ๆ เมืองหลวง บูดาเปสต์

เบล่า คิสเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลา ผมบลอนด์ หนวดงามและดวงตาสีน้ำเงิน มีหน้ามีตาทางสังคม แม้เขาจะมีอาชีพเป็นช่างสังกะสี แต่เขาก็เป็นคนชอบอ่านเขียน ชำนาญในศิลปะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวรรณคดี ประวัติศาสตร์ ทำให้เขาสามารถให้ข้อคิดเห็น คำปรึกษาแก้ปัญหาด้านใดๆ ก็ได้ให้แก่ผู้เดือดร้อนที่มาหาขอความช่วยเหลือแก่เขา เพื่อนบ้านทุกคนต่างชอบเบล่า คิส และต่างรู้จักเขาในฐานะเพื่อนบ้านที่น่าคบและมีภรรยาสวย ซึ่งเขาต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะสาวสวย

เนื่องจากบ้านของคิสนั้นค่อนข้างกว้าง เขาเลยออกประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เพื่อตามหาผู้หญิงสาวมาสมัครเป็นสาวใช้ ซึ่งตาชาวบ้านก็เริ่มสังเกตว่าหญิงสาวที่สมัครเป็นสาวใช้ เมื่อเข้าไปในบ้านคิส หญิงสาวเหล่านี้ไม่ปรากฏออกมาให้เห็นเลย จนกระทั่งไม่นานพวกเขาก็ได้ทราบว่าซะตากรรมที่น่าขนหัวลุกของผู้หญิงเหล่านั้น

เบล่า คิส (Béla Kiss)

 

ประวัติและเรื่องราวของเบล่า คิสนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากประเทศฮังการีเป็นประเทศพึ่งเปิดให้โลกรู้จักไม่นานนี้ และสำนวนการสอบสวนฮังการีสมัยนั้นก็ยังล้าหลัง ทำให้เราไม่สามารถทราบประวัติชีวิตของฆาตกรรายนี้ได้ ว่าเขาโตมาอย่างไร ถูกเลี้ยงดูอย่างไร

จากที่อ่านมารู้เพียงว่า เบล่า คิส เป็นช่างสังกะสี อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ใน เขาอาศัยอยู่ที่นั้นมาตั้งแต่ปี 1900 ฐานะดีสมควร นอกจากนี้ยังเป็นโหรสมัครเล่น เป็นนักสะสมแสตมป์ เขียนบทความเกี่ยวกับโหราศาสตร์เป็นบางครั้ง และชอบเรื่องลี้ลับ คาถาอาคม จนถึงขั้นพยายามเรียนรู้จริงจัง

ในปี 1912 คิสได้ซื้อบ้านหลังใหญ่และเริ่มจ้างแม่บ้านมาดูแลบ้านหลายคนทางหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งผู้หญิงหลายคนต่างดึงดูดใจ เมื่อเห็นเงินค่าจ้างราคางามที่คิสตั้งเอาไว้ บางคนมาจากบ้านใหญ่เพื่อทำงานที่ซินโกตา โดยไม่รู้ว่าซะตากรรมของพวกเธอ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

เรื่องราวของคิสถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาโดย ช่วงฤดูร้อน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1ในเดือนกรกฎาคม 1916 คิสถูกเกณฑ์เป็นทหาร และเขาได้ทิ้งบ้านให้นาง ทราเบอร์แม่บ้านเคยดูแลบ้านให้ วันหนึ่งทหารได้เข้ามาซินโกตา และต้องหาน้ำมันเพื่อใช้ในสงคราม ซึ่งทราเบอร์จำได้ว่าเขามีน้ำมันที่คิสฝากไว้ในถังโลหะขนาดยักษ์(ใช้สำหรับใส่น้ำมันเบนซิล) 7 ถัง และเขาก็เปิดน้ำมันทั้ง 7 ออก แทนที่จะเป็นน้ำมันกลับกลายเป็นศพที่น่าขนลุกของหญิงสาวเปลือยเปล่าที่ดองในแฮลกฮอล์และพวกเธอเหล่านั้นเคยเป็น สาวใช้ของเบล่า คิส

ดร. ชาร์ลส นากี หัวหน้านักสืบประจำบูดาเปสต์ ได้รับโทรศัพท์น่ากลัวในวันนั้น ว่าเจ้าของที่ดินในซินโกตาผู้กว้างขวางเป็น ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด นากีและเจ้าหน้าที่หลายนายมา ณ ที่เกิดเหตุทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ บ้านของคิสเป็นบ้านชั้นเดียว และมีถังโลหะหลายใบที่นอกบ้าน เมื่อพวกเขาเปิดกลองหนึ่งในนั้นก็พบกลิ่นคลื่นเหียน มันเป็นกลิ่นของมนุษย์ที่เน่าเปื่อย ที่ถูกดองด้วยแอลกฮอล์ ซึ่งทำให้ร่างยังคงมีสภาพเหมือนเดิมครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่ ทำให้สามารถระบุตัวได้บางคนที่ใช้ชื่อ มาสมัครงาน

จากนั้นก็มีรายงานอีกว่าคิสได้ให้คนในหมู่บ้านหลายคนดูแลถังโลหะหลายใบ ทำให้ตำรวจต้องตามเก็บ ถังต่างๆ จากคน ในหมู่บ้านและบางส่วนพบในสวนถูกเปิดออก ก็พบศพผู้หญิงดองด้วยแอลกฮอล์ทั้งสิ้น ศพทั้งหมดถูกนำมาออกจากถัง มีนับรวมกันแล้วได้ 24 ร่าง หนึ่งในนั้นมีมาเรียภรรยาคนแรกของคิสและปอล ไบฮารีชู้รักของเธอรวมอยู่ด้วย

 

เมื่อสอบถาม นางทราเบอร์ เธอกล่าวว่าเธอเองก็ งง กับสิ่งที่เห็นเหมือนกัน บ่อยครั้งที่คิสจะขับรถไปทำงานที่เมืองหลวงบูดาเปสต์และเขามักกลับมาพร้อมกับถังถังโลหะ เขามักพูดว่าถังเหล่านี้ไว้ใส่น้ำมัน เพื่อเก็บไว้ในสถานการณ์ที่เชื้อเพลิงขาดแคลน

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมภรรยาของคีสมาเรียถึงมาอยู่ในถังดองนี้ล่ะ นางทราเบอร์ตอบว่าชาวบ้านแถวนี้รู้กันทั่วแหละว่ามันมีชู้กับ ปอล ไบฮารี ศิลปินหนุ่ม ในช่วงที่คิสไปทำงานในเมืองนะมันชอบมาตีท้ายครัวเป็นประจำ ซึ่งสังคมฮังการีรับไม่ได้กับเรื่องนี้มากๆ วันหนึ่งมีเพื่อนบ้านหวังดีเขียนจดหมายมาบอกคิสรู้ว่า “ภรรยาของเขามีชู้”

หลังจากคีสได้จดหมายฉบับนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งมาเรียและชู้รักก็ไม่มีใครเห็นอีกเลย….

 

จากนั้นเป็นต้นมาจากหนุ่มน่าคบหาก็กลายเป็นหนุ่มเก็บตัว เขามักอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน จนกระทั้ง 1914 เขาก็เริ่ม ออกไปทำงานนอกเมือง และกลับมาพร้อมถังถังโลหะมาด้วยทุกครั้ง เนื่องจากประเทศฮังการีในช่วงนั้นเกิดภาวะสงคราม ทำให้การล่าตัวเบล่า คิสของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สะดวกนัก ทำให้สิ่งที่พวกเขาทำได้คือหาหลักฐานและคำให้การของ ทราเบอร์เท่านั้น

เมื่อสืบค้นที่มาของหญิงสาว 24 ศพ ตำรวจพบห้องลับที่เต็มไปด้วยหนังสือจำพวก ยาพิษและรัดคอ ภายในห้องมีโต๊ะทำงาน และเก้าอี้ขนาดใหญ่ ภายในโต๊ะเจ้าหน้าที่พบจดหมายจำนวนมากที่คีสโต้ตอบผู้หญิง 74 คนพร้อมภาพถ่าย ฉบับเก่าที่สุด คือจดหมายในปี 1903 เมื่ออ่านเนื้อหาก็รู้ว่าเป็นจดหมายโต้ตอบระหว่างผู้หญิงที่สมัครเป็นสาวใช้และขอเป็นภรรยา ซึ่งเบล่า คิสเลือกพวกเธอจากหน้าคอล์มในหนังสือพิมพ์หลายๆ เล่ม และเลือกผู้หญิงที่ไม่มีญาติและเพื่อน ซึ่งไม่มีใครสนใจว่าพวกเธอหายไป

นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าผู้หญิงเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ และเข้ากระบวนการของศาลด้วย แต่สุดท้ายทั้งศาลและตำรวจทำอะไรไม่ได้ ทำให้คดีจบลงโดยไม่สามารถเอาผิดเขาได้

 

และจากหลักฐานในห้องลับของเบล่า คิส เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวศพได้บางราย คือเคทเธอรีน วาร์กัส แม่ม่ายจากเมืองหลวง ที่ได้มีหน้าที่การงานดี และเธอหลงเชื่อโฆษณาตามหาคู่ของเบล่า คิส เธอไปหาเขาถึงบ้าน และหายตัวไป โดยที่ญาติๆ ไม่สนใจกับการหายตัวของเธอ และมาร์กาเรต ท็อธ หญิงสาวที่ต้องการแต่งงานกับเบล่า คิส มีคนพบเธอไปบ้านเขาในปี 1906 และ ไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย

ทั้งสองเป็นแม่ม่ายที่ตอบรับการลงประกาศหาคู่ในหนังสือพิมพ์โดยชายที่ชื่อปลอม(ก็ตัวเบล่า คิสนั้นแหละ) ทั้งคู่เบิกเงินจำนวนมากออกไปจากบัญชี ก่อนที่จะหายสาบสูญไป และทั้งคู่ถูกพบอีกทีในถังดองศพ และทั้งหมดไม่สามารถระบุได้ว่าถูกฆ่าเมื่อไหร่ ตายเมื่อเมื่อไหร่

หลังจากมีการพบศพ นากีรับแจ้งให้คนในกองทัพทำการจับกุมเบล่า คิส ทันที แต่หากก็สายไปแล้ว เพราะเขาหายตัวจากกองทัพทหาร โดยไม่รู้เขาหายไปไหน บางทีเขาอาจตายในสงคราม หรืออาจโดนจับเป็นเชลยในกองทัพของฝ่ายศัตรู

เหมือน เบล่า คีส หายสาบสูญจากโลกอย่างไรอย่างงั้น

ใน 4 เดือนตุลาคม 1916 นากีรับจดหมายจากพลเมืองดีให้เบาะแสว่า เห็น เบล่า คีสเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลเซอร์เบีย และเมื่อ นากี ไปถึงก็สายไปเสียแล้ว เมื่อคีสรู้ตัวก่อนและหลบหนี เขาขโมยและเปลี่ยนชื่อทหารที่ตายแล้วที่นอนข้างเตียง ข้างๆ นากี เตือนตำรวจฮังการีทั้งหมดให้ทราบ แต่การค้นหาเบล่า คีสก็มืดแปดด้าน เขาหายจากฮังการีอย่างสมบูรณ์แบบ

ในปี 1920 ทหารในกองทัพม้าประเทศฝรั่งเศสรายงานแจ้งว่าเห็นเบล่า คิสในกองทัพ เขาใช้ชื่อปลอมว่า ฮอฟมานน์แต่ไม่ทัน ที่จะได้ตรวจสอบ เบล่า คิสก็หายตัวไปอีกครั้ง

 

จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครเห็นเบล่า คิสอีกเลย เหมือนกับว่าเขามีเวทมนต์มนต์ลึกลับสามารถกำบังกายจากผู้คน หรือทำให้หายตัวได้ทุกครั้ง เขายังคงความลึกลับ และมีข่าวลือต่างๆ แจ้งว่ามีการพบเขาทั่วโลก บ้างก็ว่าเขาถูกจับคุกในข้อหาขโมยในโรมาเนีย หรือตายด้วยไข้เหลืองในตุรกี รายงานล่าสุดคือปี 1932 จากรายงานนักสืบ Henry Oswald เขาเห็นคนที่เหมือนเบล่า คิส (อายุ 60 ปีเศษ)เดินจากสถานนีรถไฟใต้ดิน เมื่อมีการสอบสวนพบว่าเขาทำงานเป็นภารโรงในอพาร์ตเมนต์ย่านถนนสายที่ 6 ในนิวยอร์ก แต่กระนั้นก็ไม่มีการพิสูจน์ว่าเขาเป็นฆาตกร 24 ศพแห่งฮังการีจริงหรือไม่

และเมื่อมีคนไปสัมภาษณ์ภารโรงคนนี้ก็ไม่ให้คำให้การใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าเขาคือเบล่า คิส

จนบัดนี้ก็ไม่ใครรู้ซะตากรรมของภารโรงที่คาดว่าเป็นเบล่า คิส ฆาตกร 24 ศพแห่งฮังการี ว่าเขามีชีวิตอย่างไรหลังจากนั้น และยังคงความลึกลับจนถึงปัจจุบัน

">

 

ที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?PHPSESSID=ip78jq437d9lb6tsbigf27o301&topic=133101.0

อ้างอิง http://www.trutv.com/library/crime/serial_killers/history/bela_kiss/1.html

credit :: cammy@dek-d.com

Credit: http://board.postjung.com/970555.html
9 มิ.ย. 59 เวลา 06:53 3,357 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...