10 อุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ !!!

อุปทาน หมู่ (mass   hysteria) คือ Mass hysteria หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง ว่า collective hysteria, mass psychogenic illness หรือ collective obsessional behavior  เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจิตสังคมซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคล ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป  เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นใน กรณีที่กลุ่มบุคคลนั้นมีความคิด  ความเชื่อว่าตนเจ็บ ป่วยเป็นโรคเดียวกันหรือเผชิญปัญหาเดียวกัน  จึงแสดง อาการออกมาแบบเดียวกัน เช่น หลายคนออกอาการเหมือนผีเข้า, หลายคนส่งเสียงกริ๊ดร้องออกมาโดยไม่มีเหตุผล, ออกอาการแพ้ประหลาด บางรายเห็นภาพหลอน แสดงกิริยาก้าวร้าวออกมา เป็นต้น

หลายคน เชื่อว่าอาการเหล่านี้เกิดจากไสยศาสตร์ มนต์ดำ เทวดา ผีสาง นางไม้ เจ้าที่ วิญญาณ ฯลฯ แต่เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไอธิบายว่า อาการเหล่านี้ คือการเจ็บป่วยเป็นกลุ่ม ซึ่งสาเหตุของอาการเกิดจากด้านร่างกายและจิตใจ เช่น ชัก เกร็งกล้ามเนื้อ หายใจถี่ แน่นหน้าอก เป็นลม หมดกำลัง ฯลฯ ส่วนอาการทางจิตใจ เช่น หวีดร้อง ตกใจกลัว หวาดผวา พูดเพ้อ ถ้าเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ก็อาจบอกได้ว่าเป็นท่าทางหรืออาการคล้ายคนถูกผีเข้า นั่นเอง

อุปาทาน หมู่มีลักษณะเด่นตรงที่ไม่อาจหาสาเหตุแน่ชัดได้ อาการที่เกิดก็มักมีความคลุมเครือ มีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น

1. วัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม คือการยึดมั่นอยู่กับขนบประเพณีเก่าๆ ซึ่งมีความเชื่องเรื่อง ผี วิญญาณและไสยศาสตร์ค่อนข้างสูง เช่น เชื่อในพลังอำนาจของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว “ตา ยายมโนราห์” “หมอดูร่างทรง” “พลังอำนาจลี้ลับ” ฯลฯ และสังคมไทยนั้นมักปลูกฝังหรืออบรมเลี้ยงดูเด็กและสตรีแบบให้สมยอม คือ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ ระมัดระวังมารยาท ต้องควบคุมตนเองตลอดเวลา การแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ยาก ฯลฯ ซึ่งสภาวะเหล่านี้ก่อให้เกิดความยากลำบากในการปรับตัวและพัฒนาไปเป็นความ เครียดได้

2. สภาพแวดล้อมรอบตัว คือ สถานที่ที่ผู้ป่วยคุ้นเคยหรืออาศัยอยู่เป็นประจำ (เช่น บ้าน หอพัก โรงเรียน) และ บุคคลรอบข้าง (พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท) มีความคิดความเชื่อลักษณะเดียวกัน ก่อให้เกิดพฤติกรรมคล้อยตามกันไป และเสมือนหนึ่งว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนและส่งเสริมให้ความคิดความเชื่อที่มี อยู่นั้นเป็นเรื่องที่มีอยู่จริงและเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง

3. ตัวผู้ป่วยเอง โดยทั่วไป มักเป็นคนที่มีบุคลิกภาพไม่ค่อยมั่นคงเท่าใดนัก เปราะบาง อ่อนไหวง่าย อดทนต่อแรงกดดันหรือความขัดแย้งได้น้อย เกิดความคับข้องใจได้ง่าย ถูกชักจูงและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ชอบเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น มีความยากลำบากในการปรับตัว

พฤติกรรม เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันหรือในเวลาใกล้เคียงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปจนถึงกลุ่มใหญ่ๆ เมื่อใดที่คนหนึ่งเกิดอาการขึ้นก็เสมือนหนึ่งว่าเป็นตัวกระตุ้น “อารมณ์ร่วม” ของคนข้างเคียงในกลุ่มให้แสดงออกตามๆ กันไป เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ คล้ายๆ “ติดเชื้อ” หรือ “ระบาด” อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเองหรือ คล้ายจงใจจะให้เกิดขึ้นก็ได้

ต่อจากนี้ ไปจะเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์อุปทานหมู่ 10 เรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

 

อันดับ 10 Mumbai Sweet Water

 

ปี 2006 ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในมุมไบต่างอ้างว่าน้ำทะเล จากหาดมาฮิมจู่ๆก็เกิดมีรสหวาน หาดมาฮิม(Mahim Creek)เป็น หนึ่งในลำธารที่มีมลพิษทางน้ำมากที่สุดในอินเดีย ที่เกิดจากน้ำเสียและกากอุตสาหกรรมที่โรงงานต่างๆปล่อยลงสู่ท้องทะเล ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป ประชาชนเมืองกูจารัต(Gujarat)ที่ อยู่ใกล้ๆกันก็รายงานว่าน้ำทะเลจากชายหาด(Teethal)ใน ตัวเมืองกลับมีรสหวานเช่นกัน จากเหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างพากันวิตกกังวลกับปรากฏการณ์ ดังกล่าว เพราะประชาชนจำนวนมากต่างพากันดื่มน้ำเสียซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระบาดของโรค มากับน้ำเสีย เช่นกระเพาะและลำไสอักเสบ หรือบางต่างพากันเก็บน้ำทะเล “รสหวาน” ใส่ภาชนะด้วยเชื่อว่าเป็น ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ที่ควรบูชานับถือ คณะกรรมการควบคุมมลพิษออกมาเตือนคนว่าห้ามดื่มน้ำและนำตัวอย่างน้ำทะเลไป ตรวจวิเคราะห์และเตือนไม่ให้ประชาชนดื่มน้ำจากทะเลจนกว่าจะได้ผลวิเคราะห์ จากห้องปฏิบัติการ ในขณะที่พอหนึ่งวันผ่านไป น้ำทะเลก็กลับมามีรสเค็มเหมือนเดิม…..

 

อันดับ 9 Tanganyika laughter epidemic

 

โรคระเบิด เสียงหัวเราะโดยไม่หยุดแทมนิยา เป็นเหตุการณ์ในปี 1962 ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ Kashasha บน ชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาปวิคตอเรียในประเทศแทนแกนนิยา (แทนซาเนีย ในปัจจุบันอยู่ติดเคนยา) ทวีปแอฟริกา เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนแห่งหนึ่งพูดคุยและ เล่าเรื่องตลกกัน และเรื่องตลกนี้ทำให้เด็กกลุ่มนั้นเริ่มหัวเราะ จากกลุ่มเล็กๆ กลายเป็นว่ามันกลายเป็นโรคระบาดไปทั่ว โรคระเบิดหัวเราะไดขยายวงไปยังคนอื่นที่อยู่รอบข้าง คนที่เดินผ่าน คนที่ไม่เกี่ยวข้อง บนจนถึงโรงเรียนและหมู่บ้านอื่นๆ จนเป็นเหตุทำให้โรงเรียนปิดกะทันหัน และเมื่อเด็กนักเรียนต่าง(หัวเราะ)กลับบ้านไป และก็นำเอาโรคหัวเราะไม่หยุดไปติดพ่อแม่ ผู้ปกครองอีก การหัวเราะไม่หยุดขยายเป็นวงกว้างจากหมู่บ้านดังกล่าวไปยังหมู่บ้านอื่น ชุมชนรอบข้าง คนเป็นพันๆ ได้รับผลกระทบนี้ จนกระทั้งผ่านไปหกเดือนมันจึงยุติลง แต่กระนั้นก็เกิดผลข้างเคียงต่างๆ นาๆ เช่น เมื่อคนอื่นหยุดหัวเราะแล้ว ทุกคนต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ เป็นลมหมดสติ ผื่นขึ้น เจ็บปวด และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

 

อันดับ 8  Hindu Milk Miracle

 

มหัศจรรย์ รูปปั้นฮินดูดื่มนมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1995 ในตอนเช้าที่วัดทางภาคใต้ของนิวเดลี ที่ถวายนมแก่รูปปั้นพระพิฆเนศ โดยการเอาช้อนดักนมเต็มช้อนแล้วสัมผัสริมผีปากรูปปั้นเพื่อเป็นการถวายตาม ประเพณี แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นเมื่อนมที่เป็นของเหลวค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตา จนหลายคนชื่อว่าเป็นเพราะรูปปั้นดื่มนม หลังจากเหตุการณ์นี้เรื่อง มหัศจรรย์รูปปั้นฮินดูดื่มนมได้แพร่กระจายปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว จนมีรายงานว่าหลายคนในวัดทั้งภาคเหนือต่างพยายามเอานมป้อนรูปปั้นกันทั่ว หน้าและผลปรากฏว่ารูปปั้นพระเจ้าฮินดูโบราณหลายองค์สามารถดื่มน้ำนมได้ และเหตุการณ์นี้ได้ระบาดมายังประเทศไทยด้วยเมื่อ พระพิฆเนศในที่ต่างๆทั่วโลก (รวมทั้ง ประเทศไทย) ได้เรื่มดื่มนมที่คนนำมาถวาย เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นอยู่หลายสัปดาห์ก่อนที่จะ ยุติลง หลังจากผ่านไป 10 ปีแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ (ควรจริงพิสูจน์ได้แล้วครับ โดยพบว่ารูปปั้นหลายรูปมีโพรงน้อยใหญ่เหมือนฟองน้ำสามารถกักน้ำได้ในปริมาณ มากนั้นเอง)

 ดูคลิปที่ http://www.youtube.com/watch?v=xfRoJxv3nbY


           อันดับ 7 June Bug Epidemic

 

 ปี 1962 เกิดโรค ระบาดลึกลับในแผนกตัดเย็บเสื้อผ้าของโรงงานสิ่งทอแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เมื่อสาวโรงงานกว่าหกสิบคน เกิดอาการ มึนงง คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ บางรายถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล โดยมีหลายคนอ้างว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการถูกแมลงชนิดหนึ่งกัด ภายหลัง แพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็น ปรากฏการณ์อุปทานหมู่ จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีแมลงที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว และในบรรดาคนงานทั้งหมดที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครเลยที่มีแผลถูกแมลงกัด แพทย์เชื่อว่ามีคนงานบางคนถูกแมลงกัดแต่เพียงเล็กน้อย แต่กลับเกิดความกังวลเกินกว่าเหตุจนแสดงออกมาเป็นอาการประหลาดดังกล่าว

 

อันดับ 6 Soap Opera Hysteria

        

Morangos com Acucar เป็น ละครวัยรุ่นที่นิยมอย่างมากในประเทศตุรกี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของเด็กวัยรุ่นทั่วไป ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 มีการระบาดของโรคที่ชื่อว่า ‘Morangos com Acucar virus’ มีรายงานว่าครั้งแรกระบาดในโรงเรียน 14 แห่ง นักเรียนมากกว่า 300 คน เกิดอาการประหลาดๆซึ่งคล้ายคลึงกับอาการของตัวละครหนึ่งในละคร อาการดังกล่าวได้แก่ ผื่นขึ้น หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ รุนแรงถึงขนาดบางโรงเรียนต้องปิดลง หน่วยสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ซึ่งเกิด จากละคร จนบรรดาผู้ปกครองต่างพากันวิตกกังวล เพราะละครน้ำเน่าดังกล่าวไม่ได้ฉายทางทีวีอย่างเดียว มันยังตีพิมพ์เป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์ นิตยสารและอื่นๆ

 

อันดับ 5 The Toxic Lady

 

เมื่อเวลา 8:15  ในตอนเย็น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์, 1994 กลอเรีย รามิเรซ (Gloria  Ramirez) อายุ 31 ปี หญิงสาวที่อาศัยยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกิดอาการป่วยจากโรคมะเร็งปากมดลูกกำเริบ ต้องเข้าห้องภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเมืองแคลิฟอร์เนียทางใต้ของRiverside ตอนนั้นเธอใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น มีอาการแปลกๆ อาการตื่น หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินไป ความดันเลือดสูง และเธอตอบสนองกับคำถามสั้นๆ เท่านั้นแต่ก็พูดตะกุตะกะ  โดย ขั้นแรกนั้นคณะแพทย์สันนิษฐานว่าเธอเป็นมะเร็ง

                คณะแพทย์ที่รักษากลอเรีย ได้ทำการฉีดให้กับ แต่เธอก็กระตุกเป็นระยะๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจเธอ เขาลอกเสื้อเชิ้ตของเธอออก และกดขั้วไฟฟ้าที่หน้าอกของเธอ ในระหว่างนั้นเอง บางคนได้กลิ่น ของผลไม้และกระเทียมออกจากปากของเธอ

แพทย์เลยทำ การเจาะเลือดเพื่อวิเคราะห์ นางพยาบาล Susan  Kaneทำการแนบกระบอกฉีดยา และเธอเลือดของเธอมีสีแปลกๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย จากนั้นหายนะก็เกิด เมื่อเลือดของเธอพุ่งกระเด็นจากช่องรูเข็มฉีดยามันไปโดนหน้านางพยาบาลจนหน้า ของเธอไหม้!!(เลือดของเธอมีวัสดุประหลาดๆคล้ายเศษ กระดาษอยู่ภายใน) เธอล้มลงไปกับพื้น คลื่นไส้อาเจียน จากนั้นพยาบาลอีกคนก็ล้มชักอีกคน จากนั้นมันเริ่มลุกลามมายังคนใกล้เคียง ใครก็ตามที่ได้สัมผัสร่างกายหรือเลือดของเธอต่างพากันป่วยไข้กันไปหมด จนผู้บริหารโรงพยาบาลออกประกาศภาวะฉุกเฉินภายใน  ผลสุดท้ายมีผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้จำนวน 23 (คณะที่รักษาเธอมี 37 คน) ซึ่งทั้งหมดถูกจับเพื่อเข้าเขตกักกันเชื้อโรคทั้งหมด โดยมีอาการเหมือนหญิงที่ป่วยในตอนแรกไม่มีผิด

ภายหลังมี ผลสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้พบว่าหญิงคนนั้นและคนป่วยทั้งหมดในเหตุการณ์คน นี้ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในบรรดาพนักงานที่ล้มป่วย เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และจากผลการตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งหมดก็พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆเลย จึงสรุปปรากฏการณ์ที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ว่าเป็นอุปทานหมู่ (อีกตามเคย) ทำให้เรื่องราวของเธอยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

 

อันดับ 4 The War of the Worlds

 

The War of the Worlds เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่เขียนโดย เอช.จี. เวลส์ นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1898 เนื่อเรื่องบรรยายถึงเหตุการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ส่งยานอวกาศเข้ามาโจมตีกรุงลอนดอน เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่กล่าวถึงการรุกรานโลกจากต่างดาว

นวนิยายถูก นำมาดัดแปลงเป็นละครวิทยุ ความยาว 60 นาที โดย ออร์สัน เวลส์ ออกอากาศทางเครือข่ายซีบีเอส ของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1938 เนื่องในวันฮาโลวีน ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในหลายมลรัฐทางตะวันออก  ผู้ฟังรายการที่ไม่ได้ฟังประกาศจากสถานีตอนต้นของ รายการ ว่าเป็นเรื่องแต่ง ทำให้คนต่างเข้าใจว่ามีมนุษย์ต่างดาวโจมตีโลกจริงๆ และออกจากบ้านเพื่อหนีตายด้วยความตื่นตระหนก เนื่องจากในขณะนั้นเกิดความตึงเครียดว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง มีผู้วิจัยว่า จากจำนวนผู้ฟัง 6 ล้านคน มี 1.7 ล้านคน คิดว่าเป็นเหตุการณ์จริง ในจำนวนนี้ 1.2 ล้าน เกิดความตื่นตระหนก ประชาชนหลายคนอุปทานว่าตนเองได้กลิ่นก๊าซลึกลับ เห็นวัตถุประหลาด เห็นแสงวูบวาบ เกิดการชุมนุมจนตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ความโกลาหลที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาดูแล้วกคล้ายคลึงกับที่บรรยายในนิยายไม่มีผิด

หลังจาก นั้น ได้มีผู้นำนวนิยายเรื่องนี้ไปออกอากาศทางวิทยุอีกหลายครั้ง เช่นในปี ค.ศ. 1944 ที่กรุงซานติอาโก ประเทศชิลี ปี ค.ศ. 1949 ที่กรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ และ ค.ศ. 1950 ทางสถานีวิทยุบีบีซี

 

อันดับ 3 Y2K

 

ก่อนจะถึง ปี 2000  ช่วงนั้นโลกของเราวุ่นวายมากๆ เพราะมีหลายคนเชื่ออะไรหลายๆ อย่าง เช่น คำ ทำนายของนอสตราดามุส และพุทธทำนาย ก็ล้วนแต่จ้องจะเกิดในช่วงนี้ทั้งสิ้น แต่ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่เกิน ปัญหาคอมพิวเตอร์ปี 2000 (Y2K)

ปัญหา Y2K อ่านว่า วาย ทู เค หรือ Year two thousand ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 คำนี้เป็นศัพท์ทางวงการคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ปี ค.ศ. เป็นเลข 2 หลัก กล่าวคือ ปี ค.ศ. 1900 จะบันทึกเป็น 00 คือ 2 หลักหลัง (ขณะนี้เป็น 1999 จะบันทึกเป็น 99) เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปี ค.ศ. 2000 จะต้อง บันทึกเป็น 00 ตามแนวทางเดิมซึ่งจะเห็นได้ว่า คอมพิวเตอร์จะไม่ทราบได้ว่าเป็นปี 1900 หรือ 2000 หากแต่คอมพิวเตอร์จะคิดว่าเป็นปี 1900 ฉะนั้นการคำนวณใดที่เกี่ยวข้องกับวัน และเวลา จะผิดไปหมด เช่น คิดอายุผิด คิดดอกเบี้ยผิด การนัดหมาย การจองโรงแรม หรือสายการบิน และถ้าร้ายแรงหน่อยก็ จะทำให้ระบบคอมที่ควบคุมการยิงขีปนาวุธของรัสเซียและ อเมริกาจะผิดพลาด ระบบการเงิน ATM จะปั่น ป่วนทั่วโลกจะวุ่นวายสับสน ห้องฉุกเฉินใน รพ.ระบบเครื่องมือแพทย์จะรวน คนจะตายหลักล้าน หลายคนคาดว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่ของโลกอาจจะต้องหยุดทำงาน ระบบทุกชนิดตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงระบบควบคุมการบินต่างตกอยู่ในความเสี่ยงทั้ง สิ้น ความกลัวว่าการดำเนินธุรกิจต่างๆ จะเป็นอัมพาต สารพัดสารเพ

เหตุการณ์ Y2K นำมาซึ่งความวุ่นวายต่อมวลมนุษย์อย่าง มากในช่วงนั้น ต่างตื่นตะหนก หลายคนเชื่อว่าปัญหานี้จะทำให้มนุษย์กลับเข้าสู่ยุคหินหรือเป็นวันสิ้นโลก เลยทีเดียว  หลายฝ่ายระดมผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ยก ใหญ่ในการแก้ปัญหา แก้ระบบคอมแก่หน่วยงานใหญ่ๆหลายพันล้านดอล รวมถึงประเทศไทยด้วย แก้เซ็ทระบบกันระนาว มีคนฆ่าตัวตายหมู่เพื่อหลีกหนีวันสิ้นโลก พวกเด็กต่างเครียดเป็นแถบๆ เพราะว่ากลัวเล่นเกมส์ไม่ได้

ปัญหา Y2K ก็สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เมื่อเหตุการณ์ของโลกปกติ สุขไม่มีปัญหาเรื่อง Y2K แต่อย่างใดเลย(เนื่องจากมี การเตรียมการอย่างดี) และวันที่ 1 มกราคมปี 2000 ก็เหมือนกับวันอื่นๆ ไม่มีรายงานข่าวว่ามีระบบเสียหายครั้งใหญ่ที่ไหนเลย

 

อันดับ 2 Penis Panic

 

Koro “โรคจู๋” หรือ “โรคอวัยวะ เพศหด”เป็นโรคทางจิตที่มีความคิดว่ากระเจิ๊ยวของตัว เองหด หรือหายไป ซึ่งน่าประหลาดคือโรคนี้เกิดขึ้นทั่วโลกในแอฟริกาและเอเชีย(พบได้ในประเทศ ทางภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ โดยมากจะพบในคนเชื้อสายจีน โดยความเชื่อท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่าเมื่ออวัยวะเพศของตัวเองหดอาจทำให้ตาย หรือเสียชีวิตได้ ทำให้เกิดความกลัวที่ว่าอวัยวะเพศจะหดเข้าไปในช่องท้องตนเองจะถึงแก่ความตาย จนทำทุกวิธีการเพื่อไม่ให้อวัยวะเพศหด คือชอบจับและดึงอวัยวะเพศไว้ บางรายก็เลยร้องเรียกให้คนช่วยดึงเ(ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้เพศตรงข้ามช่วย เพราะถือว่าเป็นข้อห้าม)  บางรายถึงกับให้ผูกอวัยวะ เพศไว้ และมีความเชื่อแปลกๆ ตามมาเช่น ห้ามกินแตงโม ห้ามเดินข้ามขนม้าและมูลเต่า (ไม่ใช่ขี้เต่าของคน นะ) บางแห่งห้ามเดินผ่านเต่าเพราะถ้าเต่าหดหัวจะพลอยทำให้จู๋หดไปด้วย(คนดู การ์ตูนโป๊จะเป็นไหมนี้ตรู.....)เสียชีวิต โรคนี้ระบาดในสิงคโปร์ในปี 1967 จนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ส่วนสาเหตุ ของโลกนี้ก็แปลกๆ พอๆ กันคือจากการตรวจสอบพบว่าผู้มีอาการนี้ส่วนใหญ่จะมี กิจกรรมทางเพศมากเกินไป บางรายเกิดอาการหลังจากมีเมียน้อยไม่นาน หรืออวัยวะเพศกระทบกับความเย็นนานเกินไป หรือรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ

 

อันดับ 1 Salem witch trials

               

การสอบสวน แม่มดแห่งซาเล็ม เป็นคดีที่ผู้พิพากษาสั่งฟ้องร้องผู้คนกล่าวหาว่ามีใช้เวทมนตร์คาถาในEssex, Suffolk,  และ Middlesex ในเขตอาณานิคมรัฐแมสซาซูเซตต์ ระหว่างกุมภาพันธ์ 1692  และ1693  มีจำนวนกว่า 150 ถูกจับกุมและจำคุก และมีหลายคนถูกแขวนคอ และประหารชีวิต และหนึ่งในนั้นคือไกล์ คอเรย์ ( Giles  Cory ) ผู้ซึ่งไม่ยอมบอกข้อมูลของแม่มดซาเล็มเขาถูกหินบดทับจนถึง แก่ความตาย และอีกห้าคนตายในคุก                

เหตุการณ์ เหล่านี้เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 1692 เมื่อเด็กหญิงหลายคนในหมู่บ้านซาเล็ม รัฐแมสซาซูเซตต์  เมืองเล็กๆ ในอเมริกา คืออลิซาเบธ แพร์ริส (Elizabeth Parris) อายุ 9 ปี บุตรสาวของซามูเอล แพร์ริสผู้นำนิกายโปรเตสแตนท์และเป็นนายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านซา เล็ม อบิเกล วิลเลี่ยม (Abigail Williams) อายุ 12 ปี หลานสาวของมูเอล และแอน พัตนัม (Ann Putnum) อายุ 12ปี ลูกสาวของครอบครัวพัตนัม และเพื่อนๆ เกิดอาการเป็นลมหน้ามืด และมีอาการผิดปรกติหลายอย่าง เช่น หวีดร้องโหยหวน สักพักก็ล้มชักดิ้นชักงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นพระเจ้า ศาสนา ถ้อยคำบางท่อนก็ฟังดูประหลาดลึกลับ คล้ายกับภาษาโบราณที่ฟังไม่รู้เรื่อง จากนั้นชั่วเวลาไม่นานนัก เด็กสาวอีกหลายคนก็แสดงอาการพฤติกรรมประหลาดที่ว่าเกิดขึ้นอีกหลายๆ หลังคาเรือน

ผู้ปกครอง ของเด็กๆ ต่างไม่สบายใจและอยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้ขึ้นกับลูกหลานของ ตน หมอประจำหมู่บ้าน คือวิลเลี่ยม กริสก์ (William Griggs) ใช้เวลานานในการรักษา วิเคราะห์อาการของเด็กๆแต่ผลที่ออกมานั้นไม่เป็นที่พอใจนัก เพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของอาการและพฤติกรรมที่น่าขนลุกนี้ได้เลย

                ล่วง เลยไปถึงกลางเดือน ก.พ.แพทย์ประจำหมู่บ้านก็จนปัญญา จึงสรุปว่าบรรดาเด็กสาวเหล่านี้โดนเวทมนต์คาถาและตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ ซาตาน  ที่นี้ก็เป็นเรื่อง พวกชาวบ้านและนักบวชพากันวิ่งวุ่น หาวิธีต่างๆ เพื่อเปิดโปงว่าใครคือต้นเหตุ เช่น จอห์น อินเดีย ทำเค้กผสมข้าวไรน์กับปัสสาวะเด็กๆ ที่ล้มป่วย เพื่อล่อให้พ่อมดแม่มดปรากฏออกมา

                ภาย ใต้ความกดดันอย่างหนักที่จะระบุแหล่งที่มาและต้นกำเนิดของภัยร้าย จู่ๆ บรรดาเด็กสาวได้อ้างชื่อผู้หญิงออกมาสามคนคือ ทิทูบา อินเดียน(Tituba), ซาราห์ ออสบอร์น (Sarah Osburn ) และ ซาราห์ กู๊ด(Sarah Good) ทาสรับใช้คาริบเบียนที่อาศัยในบ้านของซามูเอล แพร์ริส...ว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ ต่อมาหญิง 3 คนนั้นก็ถูกจับ ออสบอร์ยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ทิทูบา กลับสารภาพว่าฝึกเวทย์มนต์คาถาของแม่มดจริงๆ

ไม่กี่ สัปดาห์ต่อมาชาวเมืองจำนวนมากออกมาต่อว่าว่าเคยถูกก่อกวนและเคยเห็นร่าง ปีศาจจำแลงของคนในชุมชนเดียวกัน ทำให้เกิดล่าแม่มดขึ้น มีผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดก็มีเพิ่มทุกขณะ

Credit: http://board.postjung.com/486636.html
#อุปทานหมู่
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIPสมาชิก VIP
13 มิ.ย. 53 เวลา 22:38 8,986 20 212
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...