การสะกดวิญญาณ
เรื่องการสะกดวิญญาณมักเคยได้ยินได้ฟังมาจนชินจากทางละครหลังข่าวบ้าง หนังสือเขย่าขวัญบ้าง จนเรามองว่ามันคือเรื่องราวที่เพ้อเจ้อไร้สาระ แต่มันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงซึ่งมีมาช้านานกับความเชื่อเรื่องการสะกกดวิญญาณคนตายด้วยเหตุผลที่ต่างกัน ในทางพุทธศาสนาหรือไสยศาสตร์เชื่อว่าคนเราประกอบด้วยกันสองส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ และอีกส่วนคือ วิญญาณ เมื่อร่างกายหมดสภาพหรือตาย เหลือแต่วิญญาณที่ยังคงอยู่เพื่อรอบางสิ่งบางอย่าง ตัววิญญาณนี้เองที่ยังคงล่องลอยและมีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ หากมีความแค้น ความโกรธ ความพยาบาท ดวงวิญญาณดวงนั้นก็จะมีฤทธิ์เดชมากจนไปทำร้ายหลอกหลอนผู้คน จึงต้องทำการสะกดวิญญาณ
การสะกดวิญญาณนั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แล้วแต่สายวิชาที่ร่ำเรียนมา แต่ที่เห็นกันในสังคม และเป็นที่รู้จักกัน เช่น
- ขุดเอากะโหลกของวิญญาณดวงนั้นขึ้นมา เจาะเอากะโกลกหน้าผากระหว่างคิ้ว หรือที่เรียกว่าปั้นเหน่งแล้วลงอักขระเลขยันต์กำกับ
- การซื้อวิญญาณ โดนการโรยเหรียญตรงศพ หรือใส่ไว้ในปาก
- ปิดหูตาจมูกปากของศพ โดยการเอาเหรียญบาทวางลงบนดวงตาทั้งสองข้าง เย็บปากด้วยด้ายสาสิญจน์ เอาเศษดินอุดรูจมูก เอาเหรียญบาทยัดหูทั้งสองข้าง
- เอาตะปู 5 นิ้ว ตอกลงบนหน้าอก หน้าฝาก
- ปั้นตุ๊กตาเรียกวิญญาณเข้ามาสิงที่หุ่น มัดด้วยสายสิญจน์แล้วถ่วงน้ำ
- ตอกตะปูที่ผ่านการปลุกเสก ตอกให้จมดินตรงหลุมศพ
- บีบมะนาวราดศพ หรือตรงบริเวณที่ตาย
- ในกรณีเป็นผีสิงที่ เช่น ต้นไม้บ้านเรือน หรือสิ่งของ เอาตะปูที่ผ่านการปลุกเสกตอกลงไปให้จม
ทุกข้อมี่กล่าวมาเป็นการกระทำที่เป็นบาปทั้งสิ้น ท่านผู้รู้หรือพระท่านไม่แนะนำให้ทำ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ ซึ่งการวิธีการทำทุกข้อต้องเป็นผู้ที่ร่ำเรียนวิชามาโดยตรง และทุกขั้นตอนต้องมีจิตที่แน่วแน่ พร้อมบริกรรมคาถาควบคุมทุกขั้นตอน