คดีฆาตกรรมอำมหิตที่ผู้ต้องสงสัยหลุดพ้นไปได้เพราะการเก็บรักษาหลักฐานไม่ดี...!! จนทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าใครคือ"ฆาตกร"

นี่คือคดีฆาตกรรมอำมหิตที่น่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1994 โดยมีคนพบศพของ "นิโคล บราวน์ ซิมป์สัน" และ "รอน โกลด์แมน" บริเวณหน้าบ้านของนิโคล ในเขตเบรนท์วูด ลอสแองเจลิส 

ซึ่งหลังจากที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก็พบศพ 2 ศพ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมานานหลายชั่วโมงแล้ว ทั้งในที่เกิดเหตุยังพบ "ถุงมือสีน้ำตาล" ตกอยู่ข้างหนึ่งอีกด้วย 

หลังจากสอบสวนที่เกิดเหตุตำรวจก็คาดว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นนิโคนกับรอนน่าจะยืนคุยกับอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้าน และในขณะที่คุยกันอยู่นั้นฆาตกรอาจเข้ามาทางหลังบ้าน จากนั้นก็ทำร้ายนิโคลด้วยหมัดหรือด้ามมีดเพื่อให้เธอสลบ จากนั้นก็พุ่งเข้ามาจัดการรอนที่กำลังตกใจอยู่ด้วยการทำร้ายที่ใบหน้าด้านซ้าย และพยายามใช้มีดแทงแต่เขาปัดป้องได้ จึงได้รับบาดเจ็บที่มือ หลังจากนั้นรอนก็โดนมีดแทงเข้าที่หน้าอก ท้อง และต้นขาด้านซ้ายหลายต่อหลายครั้งจนเสียชีวิต

ส่วนนิโคลที่กำลังนอนสลบอยู่นั้น หลังจากฆ่ารอนเสร็จฆาตกรก็หันมาจัดการกับเธอ โดยใช้มีดแทงเธอที่คอและหัวกว่า 6 แผล แต่แทนที่จะจบลงแค่นั้นฆาตกรกลับปล่อยให้เธอนอนหายใจรวยรินในสภาพคว่ำหน้า แล้วจึงกระชากผมเธอขึ้นมาและเชือดคอเธอเข้าไปลึกถีงกระดูกสันหลังทำให้เธอเสียชีวิตทันที

หลังจากสอบสวนที่เกิดเหตุเสร็จ ต่อมาทางตำรวจก็พยายามหาตัวฆาตกรที่ลงมือฆาตกรรมได้อำมหิตขนาดนี้ ทางตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ฆาตกรคงต้องเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โตและแข็งแรงเป็นอย่างมาก เพราะเขาสามารถทำให้เหยื่อทั้ง 2 คนหมดสภาพในเวลาอันสั้นได้

เมื่อได้รูปพรรณของคนร้ายแล้ว ตำรวจก็พบว่ามีคนเดียวที่ตรงกันแถมยังเป็นคนใกล้ชิดกับเหยื่ออีกด้วยนั่นก็คือ "โอเจ" สามีเก่าของนิโคลที่เป็นอดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล แม้ว่าหลักฐานแวดล้อมจะชี้ตัวไปที่เขา แต่กลับไม่สามารถจับเขาได้เนื่องจาก "ถุงมือสีน้ำตาล" ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุนั้นถูกเก็บรักษาได้ไม่ดีจนทำให้มันกดตัวลง ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นคดีไปได้ แต่สุดท้ายเขาก็ติดคุกอยู่ดีแต่ไม่ใช่ข้อหาฆาตกรรม เป็นเพียงข้อหาขโมยเล็กๆ น้อยๆ นั่นเอง...!!!

ข้อมูลและภาพประกอบจาก "soccersuck"

Credit: http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1365184
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...