นี่คือสภาพเมืองร้างของจริงจากทั่วทุกมุมโลกที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองและมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แต่แล้ววันหนึ่งกลับถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งแต่ละเมืองนั้นทั้งแปลกและน่าสนใจเป็นอย่างมาก มาดูกันว่าทำไมเมืองร้างเหล่านี้ถึงถูกปล่อยทิ้งร้าง...?
1. Bodie รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นในระหว่างที่มีการขุดทองในปี 1859 มีคนอาศัยอยู่มากถึง 8,500 คน และในปี 1881 มีบ้านเรือนมากถึง 2,000 หลัง แต่แล้วในปี 1932 หลังจากที่เหมืองถูกไฟไหม้ทุกอย่างก็ถูกปล่อยทิ้งให้กลายเป็นเมืองร้าง
2. Kolmanskop นามิเบีย
ในปี 1908 คนงานรถไฟค้นพบเพชรในทะเลทราย จึงมีการสร้างเมืองกลางทะเลทรายขึ้น แต่แล้วหลังจากช่วงสงครามโลกเหมืองขุดเพชรก็ถูกปิดตัวลง คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกว่า 1,000 คนก็พากันอพยพออกไปหมดจนกลายเป็นเมืองร้าง
3. เหมืองทองในรัฐแอริโซนา
เป็นเมืองที่ครั้งหนึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยในปี 1890 มีการสร้างเหมืองทองขึ้น มีคนอาศัยอยู่เกือบ 4,000 คน แต่แล้วในปี 1920 มันก็ถูกปิดตัวลงและกลายเป็นเมืองร้าง
4. Kennecott อลาสก้า
เคยเป็นเหมืองแร่ทองแดงมาก่อน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา มันเป็นเมืองที่คึกคักมากจนกระทั่งในปี 1940 แร่หมดคนก็เริ่มอพยพออกกันไปจนกลายเป็นเมืองร้าง
5. UFO Houses ในเมือง Sanzhi ไต้หวัน
เป็นเมืองรูปร่างแปลกประหลาดที่ไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน เนื่องจากก่อนที่การก่อสร้างจะสำเร็จเสร็จสิ้นนั้นเจ้าของเกิดล้มละลายเสียก่อย หมู่บ้านจึงถูกทิ้งไว้แบบนั้น แถมยังมีข่าวลืออีกด้วยว่ามันเป็นเมืองผีสิงและมีการค้นพบโครงกระดูกอีกด้วย
6. Animas Fork รัฐโคโลราโด
เป็นเมืองเงียบสงบที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา San Juan ในปี 1870 มีการค้นพบแร่เงินและทองจึงมีการสร้างเหมืองขึ้น แต่แล้วก็ถูกทิ้งร้างในปี 1920
7. Craco ประเทศอิตาลี
เป็นเมืองในยุคกลางที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา แต่แล้วเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็สร้างความหวาดกลัวและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน จนกระทั่งในปี 1991 เมืองก็เริ่มถล่มลงมาจนต้องอพยพออกไป
8. Rhyolite
เป็นเมืองที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1904 - 1906 ซึ่งหลังจากมีการค้นพบแร่ควอทซ์และทองก็มีการทำเหมืองเกิดขึ้นจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ แต่แล้วในปี 1920 เมืองก็ถูกทิ้งร้าง แต่ว่าผู้คนก็ยังสามารถเข้าชมได้
9. Salton Riviera รัฐแคลิฟอร์เนีย
ตั้งอยู่บนชายฝั่ง Salton สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1905 แต่แล้วในปี 1970 เมืองก็เริ่มล่มสลายเนื่องจากน้ำในทะเลสาบกลายเป็นน้ำเค็ม ทั้งปลาในทะเลสาบยังพากันลอยตายจนกลิ่นเหม็นเน่าปลาคละคลุ้งไปทั่วเมือง จนในที่สุดผู้คนก็ทนอยู่ไม่ได้จนต้องอพยพกันออกไป
10. Kayakoy ประเทศตุรกี
หรือ Rock Village ตั้งอยู่ภายในหุบเขา Kaya ของเทือกเขา Taurus ถูกสร้างขึ้นในปี 1700 แต่แล้วหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกรีกตุรกีในปี 1919 - 1922 หมู่บ้านนี้ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามจนถูกปล่อยทิ้งร้างเพื่อเหตุผลทางการเมืองและการรักษาสันติภาพ
11. เกาะ Holland, อ่าว Chesapeake รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา
เดิมเป็นเกาะที่มีคนอาศัยอยู่มากกว่า 360 คน โครงสร้างของเกาะเป็นตะกอนและดินเหนียว แต่แล้วในปี 1910 เกาะก็ถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ต้านทานไม่ไหว และบ้านหลังสุดท้ายก็ทรุดและจมไปในปี 2010
12. เกาะ Deception แอนตาร์กติกา
บนเกาะเป็นปล่องภูเขาไฟที่ยังคงทำงานอยู่แต่ก็ยังคงเป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เพียงแต่ว่าภูเขาไฟส่งผลกระทบต่อสถานีทดลองวิทยาศาสตร์และผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น หลังจากนั้นในปี 1969 จึงมีการปิดเกาะ
13. St. Thomas
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบ Mead เขตอุทยานแห่งชาติ และเคยเป็นนิคมอุตสาหกรรม Mormon มาก่อน แต่แล้วในปี 1930 หลังจากเริ่มสร้างเขื่อนฮูเวอร์จากแม่น้ำโคโลราโดพื้นที่ในเมืองทั้งหมดก็จมอยู่ใต้น้ำ แต่หลังจากนั้นไม่นานน้ำก็ถูกระบายออกเหลือเศษซากเมืองที่ถูกทิ้งร้างไว้
14. Varosha ในไซปรัส
ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม แต่แล้วในปี 1974 หลังจากที่ตุรกีบุกไซปรัสได้สำเร็จ ผู้คนก็ถูกเนรเทศออกจากเมืองจนกลายเป็นเมืองร้าง
15. Pripyat ประเทศยูเครน
ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านเรือนของผู้คนกว่า 50,000 คน แต่หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่โรงงานไฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl เมื่อวันที่ 26 เมษายน 1986 ก็มีการอพยพผู้คนออกจากเมืองเพราะกลัวว่ารังสีจะรั่วไหล หลังจากที่คนอพยพกันไปหมดแล้วที่นี่ก็กลายเป็นเมืองทิ้งร้างจนปัจจุบัน
16. St. Elmo รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขา Sawatch รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากที่มีการค้นพบแร่เงินและทองก็มีคนมาตั้งรกรากที่นี่ตั้งแต่ปี 1880 แต่หลังจากที่แร่เริ่มหมดอุตสาหกรรมที่นี่ก็ถูกปิดตัวลงกลายเป็นเมืองร้าง ทั้งทางรถไฟยังถูกปิดอีกด้วย แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่แต่ในปัจจุบันก็ยังสามารถเข้าชมได้
17. เกาะ Hashima ประเทศญี่ปุ่น
เป็นเกาะเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นและไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ครั้งหนึ่งเคยมีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1800 - 1974 โดยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของคนงานในเหมืองถ่านหิน แต่หลังจากที่มีการคิดค้นน้ำมันขึ้นมาทำให้ถ่านหินไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป จึงมีการสั่งอพยพคนงานออกจากเกาะอย่างรวดเร็ว จนเกาะนี้ถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นสถานที่สยองขวัญแทน
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "viralnova"