แอนนา ลีโอโนเวนส์ เขียนไว้ว่า ทับทิม (Tuptim) เป็นลูกชาวบ้านธรรมดา เกิดประมาณปี พ.ศ. 2393 - 2394 มีหน้าตาสะสวยงดงามมาก เมื่ออายุ 15 ปีได้รักใคร่เป็นผัวเมียกับนายแดง ต่อมาในปี พ.ศ. 2408 เมื่ออายุได้ 16 ปี ถูกเกณฑ์ไปเป็นคนงานก่อสร้างวัดราชประดิษฐ์ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นนางทับทิมในวันพระราชพิธีฝังลูกนิมิต วัดประจำรัชกาล ตรัสถามข้าราชบริพารว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร จึงได้มีผู้นำนางทับทิมเข้าวัง เพื่อถวายตัวเป็นนางห้ามรับใช้ในพระบรมมหาราชวัง อยู่ในความดูแลของเจ้าจอมมารดาเที่ยง โดยปกปิดว่าเป็นเมียของนายแดงอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายนายแดงได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดราชประดิษฐ์ จนได้เป็นพระครูใบฎีกา เรียกกันว่า พระครูปลัด (Balat)
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าจอมทับทิมได้หายตัวไปจากพระบรมมหาราชวัง ไม่มีผู้ใดพบตัวเป็นเวลาหลายเดือน รัชกาลที่ 4 ทรงตั้งรางวัลนำจับเป็นเงิน 20 ชั่ง จนวันหนึ่งมีพระสงฆ์สองรูปพบตัวเจ้าจอมทับทิม ซ่อนตัวอยู่ในกุฏิของพระครูปลัด โดยโกนศีรษะ โกนคิ้ว สวมจีวรปลอมตัวเป็นพระ เจ้าจอมทับทิมจึงถูกจับขังพร้อมกับพระครูปลัด และเพื่อนสองคน ชื่อ มะปราง (Maprang) และสุมาลา (Simlah)
จากการสอบสวนได้ความว่า เจ้าจอมทับทิมหลบหนีออกจากพระบรมมหาราชวังโดยปลอมตัวเป็นพระ และหลบออกมากับแถวพระภิกษุที่เข้าไปรับบิณฑบาตในวัง และได้เข้าไปอยู่ในวัดราชประดิษฐ์ ร่วมกุฏิกับพระครูปลัด โดยเจ้าจอมทับทิมยืนยันว่า พระครูปลัดไม่ทราบว่าตนเป็นหญิง และเป็นเมียเก่า และไม่ได้มีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน
แอนนา ลีโอโนเวนส์ เขียนไว้ว่า เจ้าจอมทับทิม และพระครูปลัด ถูกประหารชีวิตในปี พ.ศ. 2410 โดยถูกเฆี่ยนตี ทรมาน และเผาทั้งเป็น และเขียนว่ารัชกาลที่ 4 ทรงสั่งให้สร้างเจดีย์ขึ้นสององค์ ไว้ที่ข้างโบสถ์วัดสระเกศ ฝังอัฐิเจ้าจอมและพระครูปลัด แต่ปัจจุบันไม่มีหลักฐานของเจดีย์องค์นี้แล้ว
ปัจจุบัน มีศาลของเจ้าจอมทับทิมตั้งอยู่ที่ กรมแผนที่ทหาร ถนนกัลยาณไมตรี โดยศาลหันหน้าไปทางทิศใต้ ไปทางวัดราชประดิษฐ์ ฯ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แด่เจ้าจอม เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นสวนเก่านอกกำแพงวังทางทิศตะวันออก และบริเวณศาลดังกล่าว น่าจะเป็นที่ที่เจ้าจอม ฯ และพระครูปลัด ฯ ถูกประหารชีวิต