ใครๆ ก็เข้าใจว่ารถ Volkswagen ที่แปลตรงตัวว่า 'รถแห่งประชาชน' เกิดจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้นำนาซีหนวดจิ๋ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กับวิศวกรเอกแห่งโลกยานยนต์ เฟอร์ดินัน ปอร์เช่ ผู้ซึ่งนอกจากจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ออกแบบรถโฟล์คเต่าซึ่งเป็นต้นตระกูลรถโฟล์คแล้ว ยังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดรถปอร์เช่อีกด้วย
แต่เมื่อช่วงปลายปี 2009 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวหนังสือชื่อ Het Ware Verhaal van de Kever ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า 'เปิดโปงเบื้องหลังความจริงของเจ้า[โฟล์ค]เต่าทอง' โดยนาย Paul Schilperoord นักเขียนผสมนักประวัติศาสตร์ชาวดัตช์ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้ทำการแฉความลับเบื้องหลังของการกำเนิดตำนานบันลือโลกของเจ้ารถโฟล์คเต่า Volkswagen Beetle อย่างที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้งๆๆ ไปตามกัน
...ปีค.ศ.1934 ผู้นำนาซีหนวดจิ๋ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ประกาศวิสัยทัศน์ของพรรคนาซีว่า “เราต้องการรถแห่งประชาชน เพื่อประชาชนของอาณาจักรไรซ์ที่ 3 ของเรามีรถยนต์ใช้อย่างทั่วหน้า รถยนต์คันที่ว่านี้ จะต้องจุผู้ใหญ่ได้สองคน เด็กอีกสอง พร้อมทั้งสามารถจุสัมภาระสำหรับเดินทางสุดสัปดาห์ได้ มันต้องสามารถวิ่งได้ความเร็วระดับ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมราคาต้องเป็นที่เอื้อมถึงของประชาชนคนทั่วไปด้วย”
...จากวิสัยทัศน์นี้เอง รถโฟล์คเต่าจึงถือกำเนิดขึ้น ด้วยระบบวิศวกรรมอันเยี่ยมยอดแต่แฝงความเรียบง่ายได้อย่างลงตัว ด้วยราคาค่าตัวของเจ้าโฟล์คเต่าที่แพงกว่ามอเตอร์ไซค์นิดเดียว ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับโลกของเรา เจ้าโฟล์คเต่านี้ยังครองสถิติการผลิตนานที่สุดถึง 65 ปี และจำนวนผลิตมากกว่า 21 ล้านคันทั่วโลก!
ความยิ่งใหญ่ของรถคันเล็กๆ คันนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้นำนาซีหนวดจิ๋มกับวิศวกรเอกของโลกอย่างมากมาย แต่นาย Paul Schilperoord ได้เปิดโปงเบื้องหลังตำนานบันลือโลกของเจ้าโฟล์คเต่านี้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขาชนิดที่เรียกว่า ‘จากหน้ามือเป็นหลังเท้า’ เนื้อหาใจความของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงการกำเนิดแนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ ของวิศวกรชาวยิวนามว่า Josef Ganz พร้อมทั้งอ้างอิงหลักฐานต่างๆ ที่ความจริงนั้นมีอยู่ทนโท่ แต่ผู้คนมักมองข้ามและลืมเลือน พร้อมทั้งปักใจเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์อย่างหัวปักหัวปำ
หนังสือเล่มนี้ได้เท้าความถึงเรื่องของนาย Josef Ganz ผู้ที่ได้ร่างแบบรถยนต์ตามแนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ (หรือที่แปลตรงตัวเป็นภาษาเยอรมันว่า ‘Volkswagen’) ของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในปีค.ศ.1923 (สิบกว่าปีก่อนที่ฮิตเลอร์จะกล่าวถึงรถแห่งประชาชนของชาวอาณาจักรไรซ์ที่ 3 ...ก่อนที่ฮิตเลอร์จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศด้วยซ้ำ)
Volkswagen ของนายโจเซฟเป็นเค้าโครงรถขนาดเล็ก ตัวถังน้ำหนักเบา และมีการออกแบบที่อาศัยหลักอากาศพลศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถผลิตด้วยต้นทุนที่ไม่แพงนัก ...ฟังดูแล้วช่างเหมือนกับคอนเซ็ปต์รถโฟล์คเต่าทองเสียนี่กระไร ...แต่ด้วยความที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงไม่มีสตางค์พอที่จะสร้างรถต้นแบบได้ จึงได้แค่นำแบบร่างของเขาออกนำเสนอแนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ ในหนังสือวารสารวิศวกรรมต่างๆ และแนวคิดของรถแห่งประชาชนของโจเซฟนี้ ก็ได้รับการยกย่องจากวงการวิศวกรรมยานยนต์ในสมัยนั้น ว่าเป็นแนวคิดที่สุดยอดวิศวกรรมแห่งความเรียบง่าย ผสมผสานกับประโยชน์ใช้สอยได้อย่างเหนือชั้น
จนกระทั่งปีค.ศ.1929 หลังจากเรียนจบและได้งานทำเป็นบรรณาธิการวารสารด้านวิศวกรรมยานยนต์ชื่อ Motor-Kritik และระหว่างนี้นายโจเซฟก็ได้เผยแพร่แนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ อย่างต่อเนื่อง และในเวลาเดียวกันนายโจเซฟก็ได้ออกบทความโจมตีแนวคิดรถยนต์แบบดั้งเดิมที่คันใหญ่เกินความจำเป็น ทำให้มีน้ำหนักมาก สิ้นเปลืองวัสดุ ทำให้ต้นทุนการผลิตแพงโดยใช่เหตุ และที่สำคัญเปลืองน้ำมันมากเกินความจำเป็นด้วย
ในปีค.ศ.1929 นี้ หลังจากที่สะสมเงินได้มากพอที่จะสร้างรถต้นแบบภายใต้แนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ นายโจเซฟจึงได้ไปจ้างบริษัทสองแห่งให้ผลิตรถต้นแบบขึ้นมา 2 คัน โดยคันแรกชื่อว่า Ardie-Ganz ซึ่งต่อมาได้เข้าสู่สายการผลิตและออกมาขายในปีค.ศ.1930 และคันที่สองชื่อเล่นๆว่า Maikafer ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษอย่างตรงตัวว่า May Beetle (เป็นภาษาไทยคงประมาณว่า ‘เจ้าเต่าทองน้อยแห่งฤดูใบไม้ผลิ’) แต่เจ้า Maikafer ยังไม่ได้มีการผลิตออกมาขายอย่างเป็นทางการ
ด้วยระบบวิศวกรรมอันชาญฉลาดและนวัตกรรมรถยนต์ขนาดเล็กน้ำหนักเบาของเจ้า Maikafer ทำให้ชื่อเสียงของโจเซฟเป็นที่เลื่องลือในวงการถึงความอัจฉริยะในการออกแบบรถยนต์ จนทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยูก็ยังมาว่าจ้างนายโจเซฟออกแบบรถให้ ซึ่งรถของทั้งสองบริษัทที่โจเซฟมีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้เทคโนโลยีระบบกันสะเทือนแบบอิสระที่เขาคิดค้นขึ้น ก็ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ทั้ง Mercedes-Benz 170 และ BMW BMW 3/20
ต่อมาในปีค.ศ.1933 บริษัทรถยนต์เยอรมันที่ชื่อ Standard ได้สร้างรถยนต์ตามแนวคิดรถแห่งประชาชน Volkswagen Maikafer ของโจเซฟอย่างเต็มรูปแบบ กล่าวคือเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สมรรถนะดี แต่ราคาย่อมเยา โดยรุ่นแรกชื่อว่า Standard Superior ซึ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่เมืองเบอร์ลินในปีเดียวกัน และในงานนี้เองผลงานนวัตกรรมยานยนต์ขนาดเล็กของโจเซฟได้เตะตาฮิตเลอร์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (หรือที่เรียกว่า Chancellor ในระบบของเยอรมัน) เข้าเต็มสองเบ้าตา ด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ดีเยี่ยม สมรรถนะและความปลอดภัยเป็นเลิศ และที่สำคัญคือราคาย่อมเยาเพียง 1,590 ไรซ์มาร์ก
แต่แล้วความซวยก็บังเกิด ด้วยนโยบาย 'เชิดชูเชื้อสายอารยัน บ่อนทำลายเชื้อสายยิว' ของพรรคนาซี นายโจเซฟผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งบรรณาธิการฝีปากกล้าของวารสาร Motor-Kritik ก็กลายเป็นเป้าอันเขื่องสำหรับปฏิบัติการ ‘เชือด’ นายโจเซฟถูกตั้งข้อหาบ่อนทำลายชาติและตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่ออาณาจักรไรซ์ที่ 3 และก็ถูกตำรวจลับเกสตาโปจับตัวไปตามระเบียบ ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1934 นายโจเซฟ ‘จ่าย’ เบิกทางเพื่อหนีออกจากค่ายกักกันของนาซี จากนั้นก็หลบๆ ซ่อนๆ หนีอย่างหัวซุกหัวซุนจากการตามล่าของตำรวจลับเกสตาโปข้ามไปอยู่ฝั่งสวิสได้ในที่สุด
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1934 เดือนเดียวกับที่นายโจเซฟได้ ‘หายตัว’ ไป ตำนานรถแห่งประชาชนซึ่งได้ความคิดริเริ่มจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้นำแห่งอาณาจักรไรซ์ที่ 3 ก็บังเกิด ... “เราต้องการรถแห่งประชาชน เพื่อประชาชนของอาณาจักรไรซ์ที่ 3 ของเรามีรถยนต์ใช้อย่างทั่วหน้า รถยนต์คันที่ว่านี้ จะต้องจุผู้ใหญ่ได้สองคนเด็กอีกสอง พร้อมทั้งสามารถจุสัมภาระสำหรับเดินทางสุดสัปดาห์ได้ มันต้องสามารถวิ่งได้ความเร็วระดับ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมราคาต้องเป็นที่เอื้อมถึงของประชาชนทั่วไปด้วย” เสียงประกาศก้องในการปราศรัยของท่านผู้นำได้รับการขานรับพร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้องจากประชาชนของอาณาจักรไรซ์ที่ 3 ...และนายเฟอร์ดินัน ปอร์เช่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ออกแบบ ‘รถยนต์แห่งประชาชน’ ตามคำประกาศวิสัยทัศน์นี้อย่างเป็นทางการ
ในเวลาเดียวกับที่รถโฟล์คเต่าสร้างตำนานแห่งยานยนต์ นายโจเซฟก็ยังใช้ความพยายามในการที่จะสร้างประวัติศาสตร์กับแนวคิด ‘รถแห่งประชาชน’ ของเขาอยู่เนืองๆ แต่หารู้ไม่ว่าความพยายามอย่างไม่ลดละของเขานี้ กลับกลายเป็นการสร้างความพยาบาทให้กับอีกฝ่าย ซึ่งประกาศตามล่าหัวนายโจเซฟแม้อยู่นอกอาณาเขตของอาณาจักรไรซ์ที่ 3 แล้วก็ตาม นายโจเซฟจึงต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนจากการถูกตามล่าอีกครั้งหนึ่ง จากสวิสหนีไปฝรั่งเศส และสุดท้ายก็นั่งเรือหนีไปออสเตรเลียพร้อมกับร่างกายที่อ่อนล้าแต่จิตใจที่แน่วแน่ เขายังคิดที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของตนต่อไป ต่อมาในปีค.ศ.1951 นายโจเซฟก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทรถยนต์โฮลเด้นของออสเตรเลีย แต่ในที่สุดสังขารอันอ่อนล้าจากการถูกทรมานในค่ายกักกันและการหนีจากการถูกตามล่าก็เป็นอุปสรรค์ในการกอบกู้ชื่อเสียงของเขา นายโจเซฟผู้ซึ่งมีอายุเพียง 53 ปีได้ทนทุกข์ทรมานจากอาการหัวใจวายหลายครั้งหลายคราจนร่างกายครึ่งซีกไม่สามารถขยับได้ต้องนอนซมอยู่บนเตียง ในที่สุดเขาก็จากโลกไปในปีค.ศ.1967 พร้อมกับความพ่ายแพ้และชื่อเสียงที่ถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์แห่งวงการยนตรกรรมในที่สุด
“จริงหรือนี่” ในสมองของผมยังโต้แย้งอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนกับการจำนนด้วยหลักฐานทั้งโบรชัวร์โฆษณาของรถ Standard Superior ที่รูปทรงละม้ายคล้ายโฟล์คเต่าอย่างมาก อีกทั้งยังใช้คำเป๊ะๆ เลยว่า ‘Volkswagen’ (ซึ่งต่อมารถ Standard Superior ก็ถูกฮิตเลอร์สั่งให้เลิกผลิตไปซะ) ทั้งหลักฐานการพบปะระหว่างนายโจเซฟกับนายเฟอร์ดินัน ปอร์เช่ ที่มาพร้อมกับเฟอร์รี่ผู้เป็นลูกชาย แม้กระทั่งทดสอบขับรถต้นแบบ Maikafer อีกด้วย
คัดย่อจากเรื่อง > เศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ
ที่มา: http://www.electron.rmutphysics.com/science-news/index.php?option=com_content&task=view&id=1477&Itemid=4