10 ตัวกระตุ้นอาการปวดศีรษะกันไว้ดีกว่าแก้
การที่เราทราบว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นบ้างก็จะช่วยให้คุณวางแผน และลดความน่าจะเป็นของการปวดศีรษะในอนาคตได้ สาเหตุของอาการปวดหัว ปวดศีรษะที่พบบ่อยที่สุด
1. อากาศ เป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่ความทรมานของผู้มีอาการปวดหัว ปวดศีรษะ ที่พบบ่อยสุดจริงๆ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าอากาศทุกแบบจะเป็นสาเหตุของความปวดศีรษะ เมื่ออากาศร้อนขึ้น ความชื้นและความดันเปลี่ยนแปลงไป สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการสร้างสารเคมีในสมองของคน
ซึ่งเป็นตัว กระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะนั่นเอง เราอาจจะเปลี่ยนแปลงอากาศไม่ได้ แต่เป็นไปได้แน่นอนที่จะวางแผนรับมือกับความปวดที่จะกำเริบ และการหาตัวช่วยในการบรรเทาอาการปวดศีรษะไว้
2. ความเครียด ประมาณ 2ใน3 ของผู้มีอาการปวดหัว ปวดศีรษะ กล่าวโทษความเครียดว่าเป็นตัวทำให้ความปวดกำเริบ
อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งที่การปวดศีรษะเกิดขึ้นหลังช่วงเวลาที่เราเครียด นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนที่ถูกสร้างและทำงานทั่วร่างกายเพื่อจัดการความเครียด มันลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้เส้นเลือดขยายและหดตัวนำไปสู่การปวดศีรษะ ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุของการปวดหัว ปวดศีรษะ ที่สำคัญ
เพราะความเครียดนั้นสามารถทำให้กล้ามเนื้อที่คอ และ ไหล่ หรือ ที่หนังศีรษะตึงตัวได้ด้วย ในทางกลับกันสิ่งนี้กระทบกับท่าทางของคุณ และจะเพิ่มความรุนแรงของการตึงถ้าคุณนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือใช้มือทำงานละเอียด
และถ้าคุณชำเลืองตาอ่านหนังสืออาจทำให้กล้ามเนื้อหนังศีรษะตึงตัวได้ เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะที่เกี่ยวเนื่องกับความตึงด้วย เพื่อพยายามจะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ คุณควรหาทางใหม่ๆในการคุมความเครียดให้ได้ เช่น หาเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น ฝึกการหายใจ หรือ โยคะ
3. ฮอร์โมนต่างๆ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ที่จะทราบว่าฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญถัดไปที่กระตุ้นให้ เกิดอาการปวดหัว ปวดศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮอร์โมนในช่วงมีรอบเดือน คุณอาจพบว่าการปวดศีรษะของคุณเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นในช่วงนี้
นี่อาจเป็นเพราะฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญตัวหนึ่ง ชื่อเอสโตรเจน ลดระดับลงตลอดช่วงรอบเดือนของคุณ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ คุณไม่สามารถเปลี่ยนวงจรรอบเดือนของคุณได้หากไม่ได้ปรึกษาแพทย์ แต่ถ้าการปวดศีรษะรุนแรง คุณควรพบแพทย์เพื่อได้รับยาที่ช่วยบรรเทาปวดได้
4. อาหารที่คุณทาน อาหารสามารถมีบทบาทมากมายต่อสุขภาพโดยรวม และ การมีสุขภาพดี และสามารถเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเป็นต้นกำเนิดให้เกิดอาการปวดหัว ปวดศีรษะได้ อาหารทั่วไป ที่ดูเหมือนสามารถกระตุ้นให้ปวดศีรษะ ได้แก่ เนยแข็ง, ช็อคโกแลต, ผลไม้รสเปรี้ยว, เนื้อสัตว์ที่ถูกหมัก “cured meats” ถั่ว, หอมหัวใหญ่, อาหารเค็ม และ ผงชูรส
แม้แต่ ไอศกรีม สามารถทำให้บางท่านปวดศีรษะได้ แต่โชคดีที่จะปวดนานเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น จงพยายามปิดกั้น หรือ ตัดใจจากอาหารที่จะก่อปัญหา และนี่จะเป็นการลด หรือ กำจัด การปวดศีรษะด้วย
5. การดื่ม การดื่มเครื่องดื่มบางชนิดมากเกินไป เช่น ชา กาแฟ หรือ แอลกอฮอล์ สามารถกระตุ้นให้ปวดศีรษะได้ จงพยายามจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ หรือ คาเฟอีนที่บริโภคในแต่ละวัน และดื่มน้ำเปล่าให้มาก ภาวะขาดน้ำเป็นอีก1 ปัจจัยสำคัญต่อการปวดศีรษะแบบต่างๆ
6. การขาดอาหารบางมื้อ การขาดอาหารบางมื้อเป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้น เป็นเพราะการที่น้ำตาลในเลือดต่ำ จะทำให้เกิดอาการปวดหัว ปวดศีรษะ
ส่วนการทานน้ำตาลปริมาณมากก็สามารถกระตุ้นความปวดให้กำเริบได้อีกด้วย เพราะมันทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มอย่างรวดเร็ว และลดเร็ว จึงควรทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้เลี่ยงปัจจัยต่างๆที่กระตุ้นให้ปวดศีรษะได้
7. การนอนไม่เพียงพอ การนอนไม่เพียงพอสามารถกระตุ้นให้ปวดศีรษะได้ด้วย จงพยายามนอนแบบมีคุณภาพ คือเข้านอนและตื่นเวลาเวลาเดิมทุกวัน รวมทั้งวันหยุดด้วย
8. การออกกำลังกายมากเกินไปในยิม การออกกำลังกายเป็นสิ่งดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างยิ่ง แต่หากมากเกินไปสามารถทำให้สุขภาพและการปวดศีรษะแย่ลงได้
การออกกำลังกายเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่ศีรษะ และคอ ทำให้เส้นเลือดบวมซึ่งจะกระตุ้นอาการปวดศีรษะได้ จงพยายามออกกำลังกายในระดับปานกลาง คือ ประมาณ3-5ครั้งต่อ สัปดาห์เพราะจะช่วยลดอาการปวดศีรษะที่เกิดจากความเครียดได้
9. การนั่งหรือยืนด้วยการงอตัว ลู่ต่ำลงมา การนั่งหรือยืนด้วยการงอตัว ลู่ต่ำลงมามากๆ สามารถเพิ่มความตึงที่หลังส่วนบน และ คอได้ ทั้งยังนำไปสู่การปวดศีรษะจากความตึงด้วย จงพยายามเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนานๆ และ ควรฝึกนั่งหลังตรง และควรพยุงหลังไว้ด้วย
10. การนอนกัดฟัน บางท่านพบว่า การนอนกัดฟันสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัว ปวดศีรษะแบบตื้อๆได้ ยังโชคดีที่ทันตแพทย์สามารถสร้างวัสดุยืดหยุ่นป้องกันการนอนกัดฟันขึ้นได้ ลองจดบันทึกประจำวัน เพื่อลองสาเหตุของการปวดหัว ปวดศีรษะ ในแต่ละวัน เมื่อพบสาเหตุการป้องกันเป็นสิ่งที่จำเป็น หากไม่ต้องการปวดศีรษะ
ที่มา:http://www.bedtaledidea.com/2016/05/10.html