“บทอัศจรรย์” กล่าวคือกวีใช้ธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ แทนการแสดงพฤติกรรมทางเพศ บทอัศจรรย์จึงเป็นบทที่ต้องใช้ความสามารถในการแต่ง เพื่อให้เป็นงานศิลปะมิใช่อนาจาร
บทอัศจรรย์ ฉากเลิฟซีนในวรรณคดีไทย
เกิดพยับพยุห์พัดอัศจรรย์ สลาตันเป็นระลอกกระฉอกฉาน
ทะเลลึกดังจะล่มด้วยลมกาฬ กระทบดานกระแทกดังกำลังแรง
สำเภาจีนเจียนจมด้วยลมซัด สลุบลัดเลียบบังเข้าฝั่งแฝง
ไหหลำแล่นตัดแหลมแคมตะแคง ตลบตะแลงเลาะเลียมมาตามเลา
ถึงปากน้ำแล่นส่งเข้าตรงร่อง ให้ขัดข้องแข็งขืนไม่ใคร่เข้า
ด้วยร่องน้อยน้ำคับอับสำเภา ขึ้นติดตั้งหลังเต่าอยู่โตงเตง
พอกำลังลมจัดพัดกระโชก กระแทกโคกกระท้อนโขดเรือโดดเหยง
เข้าครึ่งลำหายแคลงไม่โคลงเคลง จุ้นจู๊เกรงเรือหักค่อยยักย้าย
ด้วยคลองน้อยเรือถนัดจึงขัดขึง เข้าติดตรึงครึ่งลำระส่ำระสาย
พอชักใบขึ้นกบรอกลมตอกท้าย ก็มิดหายเข้าไปทั้งลำพอน้ำมา
พอฝนลงลมถอยเรือลอยลำ ก็ตามน้ำแล่นล่องออกจากท่า
ทั้งสองเสร็จสมชมชื่นดั่งจินดา ก็แนบหน้าผาศุกมาทุกวัน
"บันดาลพลาหกเทวบุตร
ก็ ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการ
สะท้านถึงเมรุราชสีขริ นทร์
สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น
คงคาลั่นเป็นระลอก กระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน
ก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย
อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัด
ครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูม บานก้านกลีบขจรจาย
รำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์
แมลงภู่ทิพรีบเร่งมาเอาซาบ
อาบ ละอองต้องทั่วทุกขุมขน
สองสุขสองเกษมเปรมสกนธ์
สองกมลสองสวาทไม่คลาด กัน"
(จาก กากีกลอนสุภาพ)
"อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง
ฟ้า ร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป
หลังคาพาไลแทบเปิด โปง
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่
ท่วมคูท่วมหนองออกนอก เจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง
อึ่งอ่าเริงร่าร้องแล้วพองคอ
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางปี หเปียกจนมอซอ
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล"
(จาก ระเด่นลันได)
กุฬาโคลงไม่สู่คล่องกระพร่องกระแพร่ง
ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะ แก้ไขให้หลุดสุดความคิด
ประกบติดตกผางลงกลางดิน"
(จาก พระอภัยมณี)
ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก
ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
จิ๊บดนตรีปี่ พาทย์ระนาดกล
ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง
อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง
เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืน ประจำกำปั่นก็ลั่นเอง
เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน
สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง
กระดองเดื่องดินฟ้าเป็นห่า ฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น
ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา"
(จาก พระอภัยมณี)
"เอน อิงพิงประทับลงกับหมอน
สะเอื้อนอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า
กระเดือกเสือก ดิ้นอยู่ไปมา
เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน
ฮือฮืออื้อเสียงพยุพัด
กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุมชอุ่มฝน
เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน
ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร"
(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)
"ว่าพลางทางประจงปลงจิต
เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา
ดั่งราหูจู่จับพระจันทร
อ้า โอษฐ์โกรธกริ้งกระหยับย้ำ
กรกำเรือนรถจะสังหร
แสงจันทร์อับชะอำใน อัมพร
ด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรินทร์
พสุธาอากาศก็อับแสง
ไม่ แจ่มแจ้งแหล่งหล้าวนาสิน
ประจักษ์จันทร์อุปราค์ทั้งแดนดิน
ก็อึงอิน ทเภรีระดมปืน
ฆ้อง ระฆังกังสดาลประสานเสียง
สำเนียงโห่ลั่นหล้าไม่ฝ่าฝืน
ประเวณีคลี่ คลายขยายคืน
ก็แช่มชื่นเด่นดวงศศิธร"
(จาก กากีกลอนสุภาพ)
"ประเคน นางวางแท่นแสนสวาท
สัมผัสพาดเพิ่มจิตพิสมัย
อัศจรรย์ลั่นเลื่อน สะเทือนไป
ที่ถ่านไฟเก่าดับก็กลับโพลง
เหมือนเมื่อปีมีวันจันทร์อัง คาธ
โลกธาตุเลื่อนลั่นควันโขมง
เขาเนมินทร์อิสินทรเลื่อนคลอนโคลน
ทะเล โล่งลมคลื่นเสียงครื้นครึก"
(จาก พระอภัยมณี)
"กอดประทับกับกายสายสวาท
นุชนาฏถนอมจิตสนิทสนอง
เสน่ห์แนบแอบเอียงเคียงประคอง
ตามทำนองสองสนิทไม่บิดพลิ้ว
อัศจรรย์ หวั่นไหวไม่เร่งรัด
เป็นลมพัดเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว
ช่อใบไม้ ไหวกระดิกริกริกริ้ว
ระหวยหิวหอบระเหยเลยหลับไป"
(จาก พระอภัยมณี)
"ปล้ำล้มจมเตียงเสียงต้ำเฮือก
วันทองเสือกตำฝาตาป๋อหลอ
อัศจรรย์ฟ้าลั่นฝนตกปรอ
เสียงจ้อไปไหลอาบซาบแผ่นดิน
กุ้งปลาดีใจไล่มุดโผล่
แต่ล้วนตัวโตโตเข้าเคล้าหิน
เทโพเทพา เที่ยวหากิน
ว่ายวารินชำแรกแทรกถึงพิ้น"
(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)
"กำเริบ ราคเสียวกระสันประหวั่นจิต
หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดซัด คลื่นในสาคร
กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน
เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย
ฝน ปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน
ไต้ก๋งหลงบ่ายศรีษะเชือน
เบือนเข้าติดตื้นแตก กับตอ"
(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)