ซอว์นี่ บีน ถือกำเนิดต้นศตวรรษที่ 15 (บางคนก็ว่า17) ในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 1 กษัตริย์ของประเทศอังกฤษ เมืองเอดินบะระ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสก็อตแลนด์
ซอว์นี่ บีน เป็นลูกชายของช่างไม้ฝีมือธรรมดาคนหนึ่งที่รับจ้างทำงานสารพัดไปด้วย ซอว์นี่ บีน ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาช่างไม้จากพ่อตั้งแต่เด็ก เมื่อโตเป็นหนุ่มก็แยกไปอยู่ตามลำพังและมีอาชีพเป็นช่างไม้ตามพ่อ และแต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่เข้ากับนิสัยเชาได้
ชีวิตความเป็นอยู่ของซอว์นี่ บีน ค่อนข้างยากจนข้นแค้น เนื่องจากตัวซอว์นี่ บีน นั้นเป็นคนขี้เกียจอย่างบรม สมองทึบ โง่เขลา ไม่ชอบทำงานเลี้ยงชีพเหมือนคนทั่วไป ทั้งยังเป้นคนจิตใจเ***้ยมโหดโมโหร้าย มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านเป็นประจำ
ด้วยเหตุนี้ ซอว์นี่ บีน และครอบครัวจึงต้องอพยพครอบครัวอยู่แถบชายฝั่งกัลป์โลเวอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญ ยึดเอาถ้ำแห่งหนึ่งเป็นที่พักกับภรรยาและลูกๆ เพราะขี้เกียจสร้างบ้านเรือน
ถ้ำที่ซอว์นี่ บีน อยู่ มีลักษณะพิเศษคือ ในยามปกติ ชายหาดหน้าถ้ำจะเป็นลานกว้าง เข้าออกได้ง่าย แต่เมื่อถึงยามน้ำขึ้น 2 วันต่อครั้ง น้ำจะท่วมพื้นที่กว่า 100 ยาร์ด หน้าปากถ้ำเป็นกสนกั้นให้คนภายนอกเข้าไม่ได้ อีกทั้งภายในถ้ำก็คดเคี้ยวไปมา แม้จะมืดและอากาศชื้น แต่ก็อยู่สบายสำหรับซอว์นี่ บีนและครอบครัว ซึ่งถ้ำนี้เองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใครหาพวกเขาพบเป็นเวลาหลายปี
.............................
เมื่อหาที่อยู่ได้ ซอว์นี่ บีน และครอบครัวเริ่มดำรงชีวิตด้วยการดักปล้นจี้นักเดินทางที่ผ่านมา โดยหวังเพื่อแย่งชิงอาหารทรัพย์สิน เครื่องใช้ต่างๆ และฆ่านักเดินทางเคราะห์ร้ายเหล่านั้น พร้อมกับทำลายศพไม่ให้เหลือร่องรอยโดยการลากทิ้งทะเล
และนี้คือจุดเริ่มต้นความเลวร้าย ของมนุษย์กินคนแห่งสก็อตแลนด์
อันเนื่องจากครอบ ครัวของซอว์นี่ บีน มีอาหารการกินค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยอิ่ม อันเนื่องจากนักเดินทางมักมีเสบียงอาหารติดตัวมาเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อปาก ท้องของครอบครัว ทำให้ซอว์นี่ บีน คิดหาแหล่งอาหารแหล่งใหม่ที่ทำให้คนในครอบครัวอิ่มได้ โดยต้องหาง่าย มาสารอาหารครบถ้วน และอร่อย...................
ผลสุดท้ายแหล่ง อาหารที่อยู่ใกล้ตัวเรา หาง่ายที่สุดเท่าที่ซอว์นี่ บีน จะคิดได้จึงลงมาที่เนื้อคนในที่สุด
"อ้าวก็เรากินเนื้อ คนก็ได้นี้ อุตสาห์มีเนื้อทั้งทีไม่กินก็เสียดายแย่"
ดังนั้น เพื่อครอบครัวอิ่มได้ การปล้นชิงทรัพย์เหยื่อและฆ่าเหยื่อตายคราวต่อไป แทนที่วอว์นี่ บีน จะทำลายศพ กลับนำศพกลับถ้ำและเชือดมาปรุงเป็นอาหารให้ทุกคนในครอบครัว บางชิ้นทาเกลือแล้วแขวนไว้กันเน่า ส่วนโครงกระดูกจะใช้เกลือทาเพื่อดับกลิ่นแล้วซุกซ่อนเอาไว้ในถ้ำ
คนที่ถูกซอว์นี่ บีนและครอบครัวฆ่าตายเป็นคนต่างถิ่นไม่ใช่คนในพื้นที่จึงไม่มีเรื่องราวอะไร ทำให้ซอว์นี่ บีน และครอบครัวสามารถดำรงชีพด้วยการฆ่าคนและชิงทรัพย์เรื่อยมา จนระยะหลังๆ กระดูกของคนตายเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีที่จะเก็บ ทำให้ซวอว์นี่ บีนต้องขนกระดูกไปทิ้งทะเลโดยทิ้งให้ไกลที่สุดจากถ้ำที่ครอบครัวอยู่ ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่อาศัยใกล้กับชายฝั่งทะเลจึงพบกระดูกคนลอยมาติดชายหาด เป็นประจำ ทำให้เกิดความสงสัยว่ากระดูกเหล่านั้นเป็นของใคร?
มีการร้องเรียนเรื่องกระดูกคนลอยมา ติดหาดมากขึ้นทุกที ในที่สุดทางการทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสืบหาข้อเท็จจริง ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หลายคนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย(ถูกซอว์นี่ บีน ฆ่าและกินเนื้อไปแล้ว) บางคนก็กลับมาโดยไม่มีเบาะแสอะไรเลย ทางการอังกฤษจึงแก้ปัญหา(แบบไม่ถูกจุด) โดยทำการกวาดจับผู้ต้องสงสัยเอาไปสอบสวนอย่างป่าเถื่อนและลงโทษผู้บริสุทธิ์ หลายคน ทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยที่อาศัยในชายฝั่งกัลป์โลเวอร์หวาดกลัวหนักเข้าไป ใหญ่ จึงพากันอพยพหลบหนีไปที่อื่น ทำให้อาณาเขตบริเวณนั้นเปลี่ยวร้างหนักเข้าไปอีก
ขณะเดียวกัน ซอว์นี่ บีน ก็เกิดลูกเกิดหลานขยายวงศ์ตระกูลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมปิดทำให้พี่น้องในตระกูลเดียวกันสมสู่มีลูกออกมาอีก หลายคน ทุกคนมีภูมิปัญญาต่ำ มีจิตใจวิปริตแปรปรวนผิดปกติและบางคนพิกลพิกาล แม้ครอบครัวจะใหญ่ขนาดไหน พวกเขาจะไม่กินกันเองเด็ดขาด และพวกเด็กๆ ที่โตในถ้ำก็ใช้ชีวิตแบบนั้นและกินเนื้อคนอย่างเป็นเรื่องปกติ สำหรับพวกเขาแล้วเรื่องแบบนี้ถือว่าธรรมดามากสำหรับชีวิตพวกเขา
สิ่งที่เด็กๆของ ครอบครัวบีนเรียนรู้ในถ้ำก็มีเทคนิคในการฆ่า การชำแหละเนื้อและการถนอมอาหาร พวกเขาพูดได้เพียงภาษาอย่างพื้นฐานและเห็นคนจากโลกภายนอกเป็นเพียงเป้าหมาย ในการฆ่าและอาหารเท่านั้น ในไม่ช้าพวกเด็กก็โตพอจะช่วยงานได้ การปล้นฆ่าของครอบครัวบีนเริ่มกลายเป็นระบบ พวกเขาขัดเกลาฝีมือจนมีความชำนาญเหมือนกองทัพย่อยๆทำให้งานเป็นไปอย่างราบ รื่นและรวดเร็ว แม้จะมีกว่า 40 ปากท้องที่ต้องเลี้ยงดู แต่ก็ไม่มีใครในครอบครัวเคยอดเลย หนำซ้ำ เนื้อยังจะเหลือจนกินไม่ทัน ต้องทิ้งที่เน่าไปเสียด้วย
นับตั้งแต่ซอวี่นี่ บีน พาเมียกับลูกมาอยู่ถ้ำชายฝั่งกัลโลเวอร์และเปิดฉากพฤติกรรมกินคน เป็นเวลายาวนานถึง 25 ปี มีลูกชาย 8 คน ลูกสาว 6 คน หลานชาย 18 คน และหลานสาว 14 คน ทุกคนอยู่รวมกันในถ้ำใหญ่และหลบซ่อนไม่ปรากฏตัวออกมาให้คนอื่นได้พบเห็น นอกจากเวลาออกล่าเหยื่อมากินเป็นอาหารถึงจะจับกลุ่มตระเวนหาผู้เคราะห์ร้าย บริเวณพื้นที่นั้น
หากมีคนเดินทางจำนวนมากและมี อาวุธครบมือ พวกบีนจะละเว้นไม่เข้าจู่โจม พวกนี้จะเลือกเป้าหมายคนเดินทางเท้าที่มากันไม่เกิน 4-5 คน และเข้าล้อมเอาไว้ก่อนลงมือฆ่าอย่างไม่ปราณีโดยไม่เปิดโอกาสให้หนีรอดไปได้ แม้แต่คนเดียว หากคนเดินทางขี่ม้าไม่เกิน 2 คนก็จะถูกรุมฆ่า
เหยื่อทุกราย ไม่เคยมีใครหนีรอดไปได้ พวกบีนไม่เคยทำพลาดเหลือหลักฐานไว้เลย พวกเขาทำแบบนี้เรื่อยมาถึง 25 ปี จนกระทั้ง..........................
วันหนึ่ง สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งขี่ม้ามาเที่ยวชายหาดกัลโลเวอร์ ขณะผ่านกลุ่มโขดหินใหญ่น้อยติดกับหน้าผา จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนจำนวนเกือบ 30 คน มีทั้งหญิงชายและเด็กๆ อีกหลายคนรวมอยู่ด้วย ทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่นกรูกันเข้ามารายล้อมสองสามีภรรยา ท่าทีประสงค์ร้าย ในมือแต่ละคนมีอาวุธต่างๆ ทั้งมีด ขวาน ดาบ
สองสามีภรรยาตื่น ตระหนก แต่ก็ยังคิดว่าคงเกิดความเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง เพราะไม่เคยรู้จักหรือพบเห็นคนเหล่านี้มาก่อน แต่ไม่ทันจะพูดอะไรออกมา คนแปลกหน้าเหล่านั้นวิ่งเข้ามาหาแล้วลากตัวสองสามีภรรยาลงจากหลังม้า
สามีซึ่งสะพายดาบมาด้วยซักดาบออก มากวัดแกว่งสกัดกั้นไม่ให้เข้าถึงตัว แต่ภรรยาป้องกันตัวเองไม่ได้จึงถูกจับตัวเอาไว้ หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มกระชากผมของเธอจนหน้าหงาย แล้วใช้มีดคมกริบปาดคอทันที พอเลือดพุ่มออกมาจากบาดแผล หญิงสาวคนนั้นก็ก้มลงดูดเลือดอย่างเอร็ดอร่อยประหนึ่งกำลังดื่มไวน์ชั้นดีก็ ไม่ปาน แต่เท่านั้นยังไม่จบ กลุ่มคนร้ายได้ทำการชำแหละท้องและเฉือนร่างภรรยาเป็นชิ้นๆต่อหน้าผู้เป็น สามี
สามีเห็นภรรยาตายต่อหน้าก็รู้ตัวทันทีว่า ถ้าเขาถูกจับตัวเมื่อไหร่เขาคงตายเหมือน
ภรรยาแน่ จึงหนีไปพลาง สู้ไปพลาง โดยมีพวกผู้ชายท่าทางดุร้ายเ***้ยมเกรียมตาม
ติดไม่ลดละ สามีกระเสือกกระสนเดินผ่านมาทางนั้นจึงวิ่งเข้ามาช่วย พวกที่ตามล่า
เห็น มีคนจำนวนมากก็พากันวิ่งหนีไป
รอดอย่างหวุดหวิด.....................
เมื่อรอดมาได้ สามีก็พาชาวบ้านที่เขามาช่วยติดตามไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า
กลุ่มคนลึก ลับกลุ่มนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่ศพของภรรยานอนอยู่บนหาด
ร่างกาย ถูกเชือดเนื้อไปด้วย ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบ้านกลุ่มนั้นสามีก็ได้ศพ
ภรรยา กลับไป และไปแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่พร้อมเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้น
เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทราบ เรื่อง สามีภรรยาถูกทำร้ายอย่างบ้าคลั่งจน
ภรรยาเสียชีวิต และกลุ่มชายหญิงกลุ่มนั้นส่อแววว่ามีนิสัยชอบกินเนื้อศพ จึงนำ
ความขึ้น กราบทูลพระเจ้าเจมส์ที่ 1
พระเจ้าเจมส์ที่ 1 มีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ดูแลพื้นที่ฝั่งกัลป์โลเวอร์มาเข้า
เฝ้าฯ ทรงซักถามรายละเอียดความเป็นไปของพื้นที่ดังกล่าว ได้ความว่า คนพื้นบ้าน
และ คนเดินทางที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นมักจะหายสาบสูญไปอย่างไร่ร่อง
รอย เป็นประจำ แต่ไม่สามารถสืบหาสาเหตุได้
อืม................ ต้องสำรวจ
4 วันต่อมา พระเจ้าเจมส์ที่ 1 มีคำสั่งให้จัดทหารกว่า 400 คน ออกไปค้น
หากลุ่มคนลึก ลับกลุ่มนั้น โดยเสด็จคุมกองทหารด้วยตัวพระองค์เอง โดยมีสามีที่
สูญเสีย ภรรยาเป็นผู้นำทาง
พระเจ้าเจมส์และกองทหารไปถึงบริเวณกัลโลเวอร์ซึ่งเป็นสถาน ที่เปลี่ยว ทรงรับ
สั่งให้เหล่าทหารกระจายค้นหาแหล่งซุกซ่อนของกลุ่มคน ดังกล่าวอย่างละเอียด
ทหารมีสุนัขล่าเนื้อพันธุ์บลัดฮาวด์มาด้วยเพื่อ ช่วยค้นหาแหล่งซุกซ่อนกลุ่มคน
เหล่านั้น
สุนัขไต่ขึ้นไปบน โขดหินสลับซับซ้อนที่แผ่ขยายไปตลอดหน้าผาชายฝั่ง
ในที่สุดมันก็ส่งเสียง เห่าไม่หยุดแสดงว่าได้เห็นคนแปลกหน้า พวกทหารจึงป่าย
ปีนไปตามเสียงเห่า และก็พบว่ามีถ้ำขนาดใหญ่อำพรางอยู่ในซอกหลืบของโขดหิน
เมื่อทหารบุกเข้า ถ้ำเห็นกระดูกแขนขา ซี่โครงและหัวกะโหลกคนสุมอยู่เป็นกอง
พะเนินพร้อม เสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ อีกทั้งเนื้อคนดองเกลือตากแห้งแขวนอยู่ข้าง
บน และภายในถ้ำนั้นเองก็ปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมีทั้งชายหญิงและเด็กที่ท่าทาง
โกรธ เกรี้ยวและหวาดกลัว
ชายสูงอายุหนวดเครา รุงรังที่อยู่หน้ากลุ่มก็คือ ซอว์นี่ บีน
จากกองกระดูกมนุษย์ที่มากมาย เป็นหลักฐานแสดงว่า ซอว์นี่ บีน และครอบครัว
ได้ล่ามนุษย์เอามากินเนื้อมานานมาก จนไม่สามารถประมาณว่ามีคนตกเป็นเหยื่อ
ของครอบครัวนี้กี่ราย พระเจ้าเจมส์ที่ 1 ทรงมีคำสั่งให้จับกุมครอบครัวนี้ให้หมดทุก
คนเพื่อไป พิจารณาโทษและให้ทหารฝังกองกระดูกและส่วนต่างๆ ของมนุษย์เสีย
ครอบครัวตระกูลบีนถูกนำตัวมา กักขังไว้ที่ลิธ หลังจากสอบสวนแล้ว ซอว์
นี่ บีน และลูกหลานๆ สารภาพว่า ได้ล่าและกินคนมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 25
ปีติดต่อกัน
เมื่อจำเลยให้การ รับสารภาพพร้อมหลักฐานเป็นกระดูกมนุษย์ จึงไม่จำ
เป็นต้องนำตัวทุกคนมา พิจารณาความผิดในศาลอีกต่อไป จนมีคำสั่งให้พิพากษา
โทษประหารชีวิตซอว์ นี่ บีน และครอบครัว โดยให้พวกผู้ชายต้องถูกหั่นร่างเป็น
ท่อนๆ ส่วนลูกสาวและเด็กต้องถูกเผาทั้งเป็น
ในวันประหารชีวิตครอบครัว ตระกูลบีน มีประชาชนสก็อตแลนด์และชาว
อังกฤษมามุงดูกันแน่นขนัด ซอว์นี่ บีน และบันดาลูกๆ ทุกคน ไม่มีใครสำนึกผิดแม้
แต่น้อย ระหว่างถูกนำตัวไปที่ประหาร พวกบีนตะโกนด่าคนดูวาระสุดท้ายด้วย
ถ้อยคำ ที่หยาบคายพร้อมสาปแช่งให้ลงนรกทุกคนตราบหมดลมหายใจ..............
เป็นอันสิ้นสุดคนกินคนแห่งสก็อต แลนด์
เนื้อหาจากหนังสือแปลก SPECIAL MAGAZINL ฉบับที่ 1638