ในอดีตมีเมืองมากมายก่อตั้งขึ้น แต่ละเมืองนั้นย่อมเจริญและดับลงตามกาลเวลา และนี่คือ 8 เมืองใต้น้ำที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อน แต่หลังจากกาลเวลาผ่านไปต้องเผชิญกับความเจริญและภัยธรรมชาติทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น จนต้องจมลงไปอยู่ใต้น้ำ แต่ถึงแม้ว่าจะจมอยู่ใต้น้ำแต่คุณก็สามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้อยู่ในปัจจุบัน จะน่าสนใจและสวยงามขนาดไหน ไปชมกันเลย...
1. The Lion City - ประเทศจีน
เป็นเมืองที่อยู่ลึกลงไปในทะเลสาบ Qiandao มีความเก่าแก่มากกว่าพันปี ส่วนสาเหตุที่ต้องจมอยู่ใต้น้ำนั้นเป็นเพราะรัฐบาลสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าในปี 1959 ดังนั้นเมืองโบราณดังกล่าวจึงต้องจมอยู่ใต้น้ำนั่นเอง
2. Villa Epecuea - อาร์เจนตินา
เป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรเพียง 5,000 คน ก่อนที่ทั้งเมืองจะจมอยู่ใต้เขื่อน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นบางส่วนของเมืองที่โผล่พ้นน้ำได้
3. ทะเลสาบ Reschen - อิตาลี
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยกลางทะเลสาบจะมียอดตึกของโบสถ์จากศตวรรษที่ 14 ยื่นออกมา
4. Thonis-Heracleion - อียิปต์
เป็นเมืองที่ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 8 บริเวณปากแม่น้ำไนล์และเคยเป็นหนึ่งในท่าเรือการค้าที่สำคัญที่สุดในอียิปต์อีกด้วย แต่หลังจากเวลาผ่านไปเมืองขยายมากขึ้นจนนำมาสู่ภัยพิบัติทางธรรมชาติและเกิดน้ำท่วมเมือง ซึ่งเมืองดังกล่าวถูกค้นพบในปี 2000
5. Potosi - เวเนซุเอล่า
เมืองแห่งนี้ถูกน้ำเข้าท่วมในปี 1985 เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเวลาที่น้ำลดเราจะสามารถมองเห็นซากคริสตจักรได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
6. St.Thomas - รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นโดย Mormons ในปี 1800 ต่อมาในปี 1920 ถูกรัฐบาลสหรัฐฯซื้อต่อ และเคยจมอยู่ใต้ทะเลสาบ แต่แล้วในปี 1930 เกิดภัยแล้งขึ้นจึงเหลือเพียงซากเมืองกลางทุ่งหญ้าแห้งแล้งเท่านั้น
7. ท่าเรือ Royal - จาไมก้า
เคยเป็นเมืองท่าเรือที่มีร้านค้าครบวงจรทุกอย่างทั้งการค้าขาย เหล้า ค้าประเวณี และโจรสลัด แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ เมืองทั้งเมืองก็จมอยู่ใต้น้ำ
8. Rummu คุกใต้น้ำ - เอสโตเนีย
นอกจากเป็นคุกแล้วยังเป็นเหมืองหินปูนอีกด้วย โดยมีนักโทษเป็นแรงงาน แต่มันถูกปิดตัวลงและกลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบไป
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "elitereaders"