คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้บรรจุ นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายคนรองของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องชายแท้ๆ ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับราชการในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 3 ยศร้อยตรี โดยไม่มีการจัดสอบนั้น ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าวิธีการบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการทหารมีระเบียบปฏิบัติกันอย่างไร
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การบรรจุบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในอัตราต่างๆ ของกองทัพ มีวิธีการดำเนินการอยู่ 3 วิธี หรือ 3 รูปแบบ คือ
1.เลื่อนฐานะ ส่วนใหญ่เป็นการเลื่อนฐานะจากทหารชั้นประทวนเป็นชั้นสัญญาบัตร มักเปิดสอบกันเองภายในหน่วย เพื่อรองรับข้าราชการทหารชั้นประทวนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือสาขาที่ตรงกับความต้องการของหน่วย หรือตรงกับคุณสมบัติตามอัตราตำแหน่งที่ว่าง
2.การรับบุคคลพลเรือนจากภายนอกเข้าเป็นทหาร มีทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตร วิธีการคือเปิดสอบเป็นการทั่วไป โดยให้แต่ละหน่วยที่ต้องการกำลังพลหรือมีอัตราว่างในตำแหน่งต่างๆ เสนอความต้องการไปที่หน่วยต้นสังกัด เช่น หน่วยของกองทัพบก ก็เสนอไปยังกองบัญชาการกองทัพบก, หน่วยของกองทัพไทย ก็เสนอไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อขออนุมัติเปิดสอบ ซึ่งอาจเปิดเฉพาะหน่วย หรือเปิดรับพร้อมๆ กับหน่วยอื่นที่มีความต้องการอัตรากำลังในห้วงเวลาเดียวกัน
3.การรับบุคคลพลเรือนเข้าเป็นทหารในสาขาวิชาเฉพาะ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษตามที่หน่วยต้องการ โดยมากเป็นสาขาวิชาหายากหรือที่กองทัพขาดแคลน หรือเป็นไปตามนโยบายของกองทัพ เช่น บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษาจีน, นักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่ขาดแคลน เป็นต้น
วิธีการจะเป็นการรับวิธีพิเศษ ไม่มีเปิดสอบเป็นการทั่วไป แต่จะคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ แล้วบรรจุเข้ารับราชการโดยการอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าการรับบุคคลพลเรือนประเภทที่ 3 เปิดช่องให้บรรดาลูกหลานของผู้ใหญ่ในกองทัพเข้ารับราชการได้โดยไม่ผ่านการสอบตามกระบวนการปกติ ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย วิธีการที่ทำกันก็คือ การออกคำสั่งกำหนดคุณสมบัติของบุคลากรที่ต้องการบรรจุเข้ารับราชการให้ตรงตามคุณสมบัติและวุฒิการศึกษาของบุตรหลานผู้ใหญ่ในกองทัพที่ฝากฝังเข้ามา จากนั้นก็เสนอให้ผู้มีอำนาจลงนามอนุมัติ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ โดยส่วนใหญ่จะกระทำกันก่อนที่ผู้ใหญ่รายนั้นจะเกษียณอายุราชการ ถือเป็นเทศกาลหรือช่วงเวลาที่ทำกันเป็นประจำทุกปี
จากการตรวจสอบข้อกฎหมายกับหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง ได้รับการยืนยันว่า การเปิดรับบุตรหลานของผู้ใหญ่ในกองทัพเพื่อบรรจุเข้ารับราชการโดยไม่ผ่านการสอบคัดเลือกนั้น หลายกรณีทำให้กำลังพลที่อยู่ในสายงานเดียวกัน และมีคุณสมบัติตรงตามอัตราตำแหน่งที่ว่าง ต้องสูญเสียโอกาสความเจริญก้าวหน้าไป ซึ่งสามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพราะถือเป็นวัฒนธรรมของกองทัพที่ปฏิบัติกันมานานจนเป็นที่รับรู้กันดี