พระหัตถ์ต้องสาป แห่งเจ้าหญิงไอยคุปต์

เรื่องคำสาปที่จะเล่าต่อไปนี้มีเค้าความจริงอยู่บ้างและตัวผู้ประสบเองก็เป็นบุคคลมีชื่อเสียงเมื่อศตวรรษก่อน ส่วนน้ำหนักว่าจะจริงหรือมีเค้าจริงสักเพียงไรคงต้องไปถามกับเจ้าตัวเอง คำสาปชื่อดังเรื่องนี้เกิดขึ้นในใจกลางกรุงอังกฤษอันเป็นเมืองโอ่อ่าระดับโลก

เรื่องราวเริ่มต้นจากความสยองขวัญในรัชสมัยก่อนพระเจ้าตุตอังค์อามุน องค์ฟาโรห์ผู้พ่อของพระองค์นามว่า "อัคเคนาเตน" ทรงเป็นกษัตริย์หัวปฏิรูป ทรงจัดการเปลี่ยนศาสนาในอียิปต์ให้นับถือเทพพระองค์เดียวแทน คือเทพที่พระองค์ทรงโปรดที่สุด จากนั้นทรงให้ย้ายเมืองหลวงออกจากที่เดิมที่เก่าแก่ของบรรพบุรุษ ไปตั้งอยู่กลางทะเลทรายทุรกันดาร

ทรงไม่โปรดการออกว่าราชการโดยเก็บพระองค์อยู่ในที่ประทับอย่างไม่สนใจอาณาประชาราษฏร์ พฤติกรรมของพระองค์ยากที่จะเข้าใจแม้ในทุกวันนี้ ทรงกระทำการอย่างที่เรียกว่า "นอกรีต" ในส่วนของพระอารมณ์ก็ดูจะทำนายยาก แม้องค์มิ่งมเหสีที่ทรงสนิทสเน่หายิ่งอย่างพระนาง "เนเฟอร์ติติ" ก็ทรงเหินห่างและทำราวกับ "ทิ้ง" พระมเหสีเสียเฉย ๆ ในเวลาต่อมา ทั้งที่มีพระธิดาด้วยกันถึง 6 พระองค์

โดยหนึ่งในนั้นทรงถูกเลือกให้อภิเษกกับตุตอังค์อามุน การกระทำของพระราชบิดาองค์ยุวกษัตริย์นี้ค์เป็นปฏิปักษ์ต่อทั้งศาสนาและอาณาจักร จึงทำให้มีผู้ลุกขึ้นต่อต้านทั้งในทางลับและทางแจ้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพระราชธิดาของพระองค์เอง อัคเคนาเตนพิโรธอย่างสุดจะประมาณได้ ทรงสั่งการอย่างโหดร้ายที่สุดในการทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์เองนี้โดยทรงบัญชาให้ราชมัลจับธิดาองค์เองข่มขืนแล้วประหารเสียโดยก่อนที่จะปลงพระชนม์นั้นให้เพชฌฆาตตัดพระหัตถ์ของเจ้าหญิงออกเสียข้างหนึ่งด้วยเพื่อเป็นการตัดสิทธิ์การเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แห่งเทพโอสิริส เรียกว่าฆ่าให้ตายทั้งตอนเป็นและตอนตาย


กระนั้นก็ยังไม่วายโหดต่อโดยทรงให้นักบวชช่วยกันสาปสรรค์ให้ดวงพระวิญญาณของเจ้าหญิงต้องทรงทนทุกข์ทรมานแบบไม่ได้ผุดได้เกิดนี้ไปชั่วนิรันดร์ เว้นไว้เสียแต่ว่าจะมีผู้ปลดปล่อยมือข้างที่หายไปให้คืนสู่เจ้าของได้ เหตุการณ์นี้ผ่านมานานกว่าสามพันปีที่ดวงพระวิญญาณเจ้าหญิง "มาเคตาเตน (Maketaten)" ทรงรออยู่อย่างทรมานที่หน้าประตูบ้านปรโลกของเทพโอสิริส ด้วยอาการไม่ครบ 32
จวบถึงวันหนึ่งเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ก็มีบางสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อ ท่านเคาท์หลุยส์ ฮามอน นักปรจิตวิทยานามอุโฆษได้มาถึงเมืองลักซอร์ในอียิปต์แล้วได้ผูกมิตรกับสหายคนสำคัญตำแหน่งท่านชี้ค เพราะท่านเคาท์ได้รักษาอาการป่วยจากไข้มาลาเรียให้กับท่านชี้คจนหายสนิทดี ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจท่านชี้คได้มอบของที่ได้ชื่อว่าล้ำค่าให้แก่ท่านเคาท์หลุยส์ สิ่งนั้นคือมือของมัมมี่ที่ดูเก่าโบราณ เป็นมือที่ถูกตัดถึงแค่ข้อมือ

สภาพของมือนั้นแห้งเกราะและเปลี่ยนเป็นสีดำ มีลักษณาการที่เชื่อได้ว่าเป็นมือของผู้สูงศักดิ์สมัยโบราณเพราะถูกพันไว้ด้วยผ้าลินินเก่าแก่อย่างประณีต ยากจะเป็นของใครอื่นนอกจากมาเคตาเตนเจ้าหญิงผู้อาภัพ ด้วยมือโบราณข้างนั้นได้หายไปจากความสนใจของผู้คนนานนับศตวรรษ ท่านเคาท์จึงได้รับไว้และเก็บไว้ในคอลเล็กชั่นของสะสมหายากที่ได้มาจากการตระเวนไปทั่วโลก

ครั้นถึงในปี 1922 เมื่อท่านเคาท์และภริยากลับมาพำนักในประเทศอังกฤษอย่างถาวรพร้อมภรรยาจึงได้มีเวลานำเอามือโบราณข้างนั้นมาพินิจโดยไม่คิดว่าจะมีปรากฏการณ์สยองรอปรากฏต่อคลองจักษุในเวลาอีกไม่นาน เมื่อนำมือมาพิจารณใกล้แล้วจึงพบว่ามือนั้นอยู่ในสภาพแข็งราวกับหินจากการเก็บนานนับพันปี

แล้วทันใดนั้นสิ่งอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้นต่อตาของท่านเคาท์และคู่ชีวิตเมื่อมือข้างนั้นดูอ่อนนุ่มลงและมีสีเลือดขึ้น มือนั้นมีสีเนื้อหนังจนมองเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิว ส่วนข้อมือที่ถูกตัดเริ่มมีเลือดซึม!

ปรากฏการณ์ที่ราวกับปาฏิหาริย์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทำให้ทั้งสองตะลึง เมื่อได้ยลสิ่งอันประหลาดน่าพรั่นพรึงนี้ในโลกยุคศตวรรษที่ 20 ท่านเคาท์และภริยาจึงได้ตัดสินใจว่าจะ "ส่งเสด็จ" เจ้าหญิงกลับแดนโอสิริสของพระองค์โดยการ "ฌาปนกิจ" มือนี้เสียในเตาผิง โดยสองสามีภรรยาเลือกคืนฮัลโลวีนเป็นฤกษ์ส่ง

ในคืนนั้นท่านเคาท์ได้นำมือข้างนั้นวางลงในเตาผิงอย่างบรรจง จากนั้นได้จุดไฟในเตาผิงขึ้นพร้อมกับอ่านบทสวดโบราณจากคัมภีร์มรณะของชาวอียิปต์ แทบจะทันทีที่พยางค์สุดท้ายแห่งมนตราไอยคุปต์หลุดจากปากท่านเคาท์มวลอากาศลึกลับขนาดมหาศาลได้กระแทกเข้ากับประตูหน้าบ้านอย่างแรงจนมันเปิดออก

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าที่ทำให้สองสามีภรรยาตะลึงงันคือสตรีร่างงามระหงในพัสตราภรณ์แบบเจ้าหญิงอียิปต์โบราณยืนตระหง่านอยู่ตรงเวิ้งประตูนั้น ศิราภรณ์ที่ทรงอยู่มีดวงตรานาคาแห่งฟาโรห์
จากนั้นร่างงามได้เยื้องย่างมาที่กองไฟลุกโชนในเตาผิง ในจังหวะนั้นเองท่านเคาท์ได้สังเกตเห็นว่าแขนขวาของเธอมีปลายที่สิ้นสุดอยู่เพียงข้อมือเท่านั้น ร่างที่ดูโปร่งราวกับภาพ 4 มิตินั้นได้ก้มลงแล้วหยิบเอามือข้างที่กำลังถูกไฟล้อมอยู่นั้นขึ้นมา จากนั้นร่างก็ได้ค่อยๆหันหลังออกแล้วถอยกลับออกไปที่ประตูทางเดิม ปรากฏการณ์สยองได้ปรากฏแก่คลองจักษุอีกครั้ง

 



ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นราวกับสโลว์โมชั่น คล้ายกับความฝันแต่ไม่ใช่ เพราะท่านเคาท์และภรรยาผู้เป็นประจักษ์พยานยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนและเป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ประหลาดนี้เอาไว้เอง เป็นประจักษ์พยานที่ได้เห็นปรากฏการณ์คำสาปโบราณที่กาลเวลาไม่ใช่ปัจจัย แม้ได้ผ่านมาสามพันสี่ร้อยปีก็ยังคงมีผลอยู่ดุจดังวันแรกที่มันได้ถูกสร้างขึ้น ส่วนผู้ใดจะเชื่อว่าจริงหรือไม่นั้นก็สุดแท้แต่ แค่รอคอยผู้ที่จะอธิบายต่อไป

 

 

ที่มา ราชินี เจ้าจอม หม่อมห้าม ในอดีต 

Credit: http://variety.teenee.com/world/74764.html
6 เม.ย. 59 เวลา 14:34 2,989 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...