หากจะพูดถึงเรื่องชองชาติอภิมหาอำนาจ คงจะมี 3 ประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย แต่หากลองไตร่ตรองกันดูอีกทีคุณคิดว่าถ้าสามประเทศที่ว่านี้เกิดสงครามขึ้น ประเทศไหนจะเป็นฝ่ายชนะศึกสงครามครั้งนี้ แต่คงจะเป็นเรื่องที่ตัดกันยากเพราะสามประเทศนี้มีอาวุธสงครามสูสีกันเอามากๆแข็งแกร่งที่สุดในสามโลกเลยก็ว่าได้ วันนี้พาไปดูจะพาทุกท่านไปชมอาวุธสงครามทางกองทัพอากาศ กองทัพเรือ กองทัพบก ที่มีความสามารถสุดลึกล้ำเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของสามประเทศนี้ว่าใครเหนือชั้นที่สุด
เครื่องบนรบ Stealth ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
ถูกพัฒนามาเพื่อลดโอกาสถูกตรวจจับจากฝ่ายตรงข้ามด้วยเรดาร์ ความร้อน เสียง และอื่นๆ เรียกว่าสุดไฮเทคลำสมัยเอามากเลย และปัจจุบันนี้ทางสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเครื่องบนรบ Stealth ได้แก่ F-22 และ F-35 ตอนนี้กำลังทดสอบความพร้อมเพื่อนำมาใช้งานจริง
ด้านจีนนั้นกำลังสร้าง Stealth Fithter 4 รุ่นด้วยกัน โดยที่ผ่านมามีการเปิดตัว j-31 ปี 2014 ภายหลังต่อมาคือ ่-20 ศักยภาพเทียบเท่ากับเครื่องรบของสหรัฐอเมริกา และตอนนี้จีนกำลังดำเนินการสร้าง ่-23 และ ่-25
ด้านรัสเซียกำลังมุ่งหน้าสร้าง PAK FA T-50 ที่พร้อมจะใช้งานจริงภายในปี 2016 และ 2017 โดยหลายฝ่ายให้ความเปรียบเทียบของ T-50 และ T-22
แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้านความสามารถของเครื่องรบของสหรัฐอเมริกายังคงมีศักยภาพสูงกว่า และยังเป็นเครื่องบินต้นแบบของเครื่องบินล่องหนลำอื่นๆ
รถถังของสหรัฐอเมริกา A-1 Abrams ใช้งานครั้งแรกในปี 1980 ด้วยความแข็งแกร่งได้ถูกพัฒนามากขึ้นซึ่งภานในบรรจุปืน 120 มม.ระบบอิเล็กทรอนิกส์พรีเมี่ยม และตัวถังแข็งแกร่งทนทานที่ผลิตจากยูเรเนียมผสมเฟคลาร์
T-14 คือรถถังของรัสเซียเปลี่ยนมาเป็น T-90A มีระบบโหลดกระสุนแบบอัตโนมัติ เกราะ Reactive Armor ระบบควบคุมด้วยรีโมตและปืนขนาด 125 มม.
ด้านจีนนั้นกำลังพัฒนารถถังรุ่น Type 99 ที่มีปืนขนาด 125 มม. โหลดกระสุนได้แบบอัตโนมัติ แต่ที่น่าโหดมากกว่านั้นคือสามารถยิงขีปนาวุธได้อีกด้วย
จากการที่เราได้ดูศักยภาพด้านรถถังของสามประเทศนี้ จะมองเห็นได้ชัดเจนเลยว่า รัสเซียและจีนมีความสารถมากกว่ารถถังของสหรัฐฯ แต่คุณลองคิดดูกันว่าสหรัฐฯนั้นมีประสบการณ์มานานมาก บอกเลยว่าตัดสินยากว่าใครจะชนะ
เรือผิวน้ำสหรัฐฯ
คงไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าทางเรือรบสหรัฐฯมีกองทัพยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากกว่าใครพร้อมจะสู้รบในคาบสมุทรได้ทุกเมื่อ แต่คงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าเรือรบสหรัฐฯนั้นจะต้านทานความสามรถของจีนและรัสเซียได้หรือไม่
แต่ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯจะสามารถต่อต้านความสามารถจากรัสเซียและจีนได้ นอกจากนี้รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธถล่มซีเรียซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพที่แข็งแกร่งที่เปลี่ยนจากเรือรบให้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงได้อย่างเกรงขามมาก รวมทั้งขีปนาวุธ Club-K ที่สามารถจู่โจมกองทัพเรือสหรัฐได้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว
ด้านเรือรบจีนได้มีการจัดตั้ง Coast Guard หรือหน่วยรักษาการร์ชายฝั่งที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในโลก และเรือรบหลายลำพร้อมขีปนาวุธ และระบบเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ
เรือดำน้ำ กองทัพสหรัฐฯมีเรือดำน้ำ 14 ลำพร้อมขีปนาวุธระยะไกล 280 ลูก เรือดำน้ำขับเคลื่อนแบบธรรมดาพร้อมขีปนาวุธโจมตีศัตรูเหนือผิวน้ำ 4 ลำ ที่มีความสามารถยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ได้ 154 ลูก และเรือรบดำน้ำแบบตอร์ปิโดอีก 54 ลำ
ด้านรัสเซียมีเรือดำน้ำทั้งสิ้น 60 ลำเท่านั้นเอง แต่มีขีปนาวุธและตอร์ปิโด 100 เมกกะตัน
ด้านจีนมีเรือดำน้ำขับเคลื่อนและตอร์ปิโดเพียง 53 ลำ และเรือดำน้ำขีปนาวุธยิงไกล 4 ลำ แต่ก็ได้วางโครงการเรือดำน้ำอีกหลายลำที่มีประสิทธิภาพศักยภาพสูงด้วยกัน
จากที่กล่าวมาเรือดำน้ำ ตอนนี้ยังเป็นรองสหรัฐฯอยู่มาก แต่ภายในอนาคตคงจะเทียบเท่ากับสหรัฐฯได้แน่นอน
จากที่สำรวจความแข็งแกร่งในทุกด้านของสามประเทศ สหรัฐฯยังดูเหมือนจะเหนือกว่าระสเซียและจีนนิดหน่อย แต่ภายภาคหน้าไม่แน่สหรัฐฯอาจเป็นรองก็เป็นได้
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก businessinsider
เรียบเรียงเนื้อหา papaidu
ที่มา: http://www.papaidu.com/1606/