http://variety.teenee.com/world/74794.html
ที่มาของ แซ่แต้
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ิแล้ว พระองค์จึงได้ทรงส่งทูตไปเจริญพระราชไมตรีกับประเทศจีนที่กรุงปักกิ่ง แล้วทรงใช้พระนามในพระราชสาส์นนั้นว่า "แต้อั้ว" ซึ่งในสาส์นนั้น ระบุพระองค์ทรงเป็นพระอนุชาของ "แต้เจียว" (สมเด็จพระบรมราชาที่ 4)
ซึ่งในบันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ได้บันทึกเอาไว้ว่า ดังนี้ "..พ.ศ.2325 พระเจ้าเช็งเคี่ยนล้ง ครองราชย์ปีที่ 47 "...แต้อั้ว อนุชา แต้เจียว..." ได้เถลิงถวัลยราชย์เป็นกษัตริย์เสียมก๊ก.."
และนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา จึงกลายเป็นราชประเพณีการตั้งชื่อแบบจีนแต้จิ๋ว มาตลอดทุกๆรัชกาล แต่พอมาถึงรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้เพียงแต่กำหนดพระนามเอาไว้ แต่ว่ายังไม่ทันจะได้ใช้ พระองค์ก็ยกเลิกไปก่อน เพราะมีเหตุผลบางประการ จึงงดการติดต่อกับราชสำนักจีน
ถึงแม้ว่าจะเลิกประเพณีการจิ้มก้องไปแล้ว แต่พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุก ๆ พระองค์ ก็ยังทรงใช้พระนาม " แซ่แต้ " แบบจีนแต้จิ๋วอยู่
ดั่งมีรายพระนามดังนี้
รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระนามจีนว่า แต้ฮั้ว
รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระนามจีนว่า แต้ฮุก
รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระนามจีนว่า แต้ฮก
รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระนามจีนว่า แต้เม้ง
รัชกาลที่ 5 ทางจีนออกพระนามจีนว่า แต้ล้ง
(ว่ากันว่า ในรัชกาลที่ 5 ได้เลือก "แต้เจี่ย" เป็นพระนามที่จะใช้ในพระราชสาสน์จิ้มก้อง แต่เลิกจิ้มก้องไปเสียก่อน จึงไม่ได้ใช้)
รัชกาลที่ 6 ทางจีนออกพระนามจีนว่า แต้ป้อ
รัชกาลที่ 7 ทางจีนออกพระนามจีนว่า แต้กวง
รัชกาลที่ 8 ทางจีนออกพระนามจีนว่า แต้ฮี
รัชกาลที่ 9 ทางจีนออกพระนามจีนว่า แต้กู่
ซึ่งในปัจจุบันพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ก็มีพระนามแบบนี้เช่นกัน
ที่มา / อ้างอิง : สกุลไทย ฉบับที่ 2406 ปีที่ 47 ประจำวันอังคารที่ 28 พ.ย. 2543 ,เจ้าคุณปราบ FB