เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อน บนถนนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพมหานคร มีรถยนต์คันหนึ่ง ได้ขับไปบนถนนเส้นนั้นโดยในรถคันดังกล่าว มีเพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียงลำพัง
ชายคนดังกล่าวได้จอดรถแวะข้างทางเพื่อซื้อกาแฟ 1 ถุง และได้ขับมาถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ชายดังกล่าวได้จอดรถติดไฟแดงอยู่ จนมีรถตำรวจคันหนึ่งซึ่งขับนำรถเบนซ์มาได้บีบแตรไล่รถที่ชายผู้คนนั้นจอดติดไฟแดงอยู่ เพื่อต้องการให้เขาเขยิบรถที่ขวางทางรถนำขบวนอยู่
และรถตำรวจยังได้พูดผ่านไซเรนว่า นี่เป็นรถนำขบวนรัฐมนตรี ให้เขยิบรถหลบไป แต่รถของชายผู้นั้นก็ไม่หลบให้ จนกระทั่งตำรวจได้ลงมาจากรถเพื่อที่จะเข้าไปสอบถาม ตำรวจรายนั้นได้เรียกให้ชายผู้นั้นลงจากรถ
พอชายผู้นั้นได้ลงมาจากรถ ตำรวจคนนั้นถึงกลับล้มทั้งยืน สร้างความตกใจให้แก่ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ในรถ จนต้องวิ่งลงมาดูพร้อมกับรัฐมนตรี พอตำรวจและรัฐมนตรีมาเห็นเข้า ทั้งตำรวจและรัฐมนตรีได้นั่งลงไปกับพื้นทันที เสมือนกับว่าขาทั้งสองข้างได้อ่อนแรงลงไปทันใด
และได้เงยหน้ามองดูชายซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของตนด้วยอาการตัวสั่น ชายคนนั้นที่ทั้งคู่ได้เห็น เป็นชายที่มีรูปอยู่บนทุกใบธนบัตร ท่านคือ ในหลวงองค์ปัจจุบันนั่นเอง
ในหลวงได้ตรัสถามรัฐมนตรีและตำรวจติดตามว่า
“พวกท่านจะรีบไปไหนหรือถึงกับจะต้องฝ่าไฟแดงข้าพเจ้ายังรอติดไฟแดงได้เลย” รัฐมนตรีไม่ตอบได้แต่นั่งตัวสั่นและกราบลงบนพระบาทในหลวงก็ได้ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีมานั้นก็ได้ทูลว่า “ให้ข้าพระพุทธเจ้าขับนำรถพระที่นั่งของพระองค์ไปเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวงตรัสว่า
“เราไม่ต้องการให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรีเถอะ” และในหลวงก็ได้ทรงขับรถออกไปจากสี่แยกนั้น โดยไม่ได้มีรถตำรวจนำไปแต่อย่างใดเลย“
ข้อคิด ที่ได้จากเรื่องนี้ : แม้ทรงเป็นถึงพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทรงเคารพระเบียบวินัย และกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างที่ถูกต้องให้ประชาชนได้ปฎิบัติตาม