https://www.yaklai.com/featured/giant-bird-s-extinction/
เมื่อเหล่านกยักษ์นักล่ายุคบรรพกาลต้องมาเสียท่าให้กับ ‘ความหิว’ ของมนุษย์!?
อย่างที่ทราบกันดีว่าโลกของเรามีการสูญพันธุ์เกิดขึ้นตลอดเวลา และเคยผ่านการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่มากแล้วถึง 5 ครั้ง โดยมีการสันนิษฐานไปในหลายทฤษฎีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ โรคระบาด หรือภัยจากนอกโลก และยังมีอีกหนึ่งทฤษฎีที่หลายคนอาจจะไม่อยากยอมรับ นั่นคือการสูญพันธุ์ของสัตว์บางชนิดที่หายไปเพราะความอยากอาหารของมนุษย์
แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ใช้อ้างถึงการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ไม่ได้ เพราะตอนนั้นยังไม่มีมนุษย์บนโลก แต่จากการกศึกษาวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลียและอเมริกา พบว่าความหิวของมนุษย์คือสาเหตุหลักที่นำไปสู่การสูญพันธุ์ของเหล่านกยักษ์ ที่บินไม่ได้อย่าง Genyornis newtoni เพราะบรรพบุรุษของเราโปรดปรานไข่ของมันเป็นพิเศษ
ถึงจะมีน้ำหนักกว่า 220 กิโลกรัม และสูงถึง 7 ฟุต แถมยังเป็นนกนักล่าชั้นบนสูงของแผ่นดินออสเตรเลียโบราณ ที่ปกป้องรังและเขตแดนของตัวเองอย่างดุร้าย แต่เจ้า เจนยอร์นิส นิวโตนี หรือที่ชาวออสเตรเลียเรียกว่า เมกะฟอนา (Megafauna) กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้บุกเบิกหน้าใหม่อย่างมนุษย์ ที่พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ไข่นกขนาด 1.5 กิโลกรัมมาทำอาหาร แม้กระทั่งการเผาทุ่งหญ้าเพื่อไล่ที่พ่อแม่นกที่หวงไข่ โดย ไม่สนว่าไฟนั้นจะเป็นการทำลายแหล่งอาหารของสัตว์อื่นอย่างจิงโจ้ยักษ์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่หนักถึง 450 กิโลกรัม และวอมแบทที่มีขนาดเท่ารถยนต์
นอกจากที่ออสเตรเลียแล้ว นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อว่า เมกะฟอนากว่าร้อยละ 85 ทั่วโลก ได้สูญพันธุ์ไปในเวลาอันรวดเร็วหลังจากมนุษย์เข้ามายังพื้นที่ของพวกมัน และด้วยความที่ยังไม่รู้จักการสร้างแหล่งอาหารแบบยั่งยืน ทำให้การล่านั้นดำเนินต่อไปแบบไม่สิ้นสุด และทำใหม่มีนกยักษ์รุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมาแทนที่
มาถึงตรงนี้ดูเหมือนสถานการณ์ในยุคนั้น มนุษย์เราก็ทำตัวไม่ต่างจากหนู และงูที่ถูกนำไปปล่อยบนเกาะโดดเดียวต่างๆ ที่มีนกซึ่งไม่เคยเจองู และหนูมาก่อน จนทำให้เกิดวงจรการล่าแบบล้างเผ่าพันธุ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : gmanetwork.com