ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้ทดลองสุดโหดกับมนุษยชาติ โดยมีชื่อการทดลองนี้ว่า “นาซิโน แอฟแฟร์” ในปี 1933 รัฐบาลโซเวียตได้เนรเทศคนกว่า 6,000 คน ไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ทางตะวันตกของไซบีเรีย โดยไม่มีอาหารและอุปกรณ์ใดๆติดไปด้วย มนุษย์ 4,000 ตายลง และมีเหลือเพียงไม่กี่คนที่รอดตายเพราะกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง
7 ปีก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้น นายโจเซฟ สตาริน มีความคิดว่าควรเอากลุ่มคนที่ ไม่เป็นที่ต้องการของรัสเซียไปปล่อยทิ้งไว้ในพื้นที่ที่ทุรกันดาร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเมือง
เหล่าผู้คนที่ยากจน คนเร่ร่อน คนพิการ ถูกจับตัวไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีคนอาศัยอยู่มาก่อน ที่แห่งนั้น ทุรกันดารราวกับอยู่ในนรก เพราะมีแต่ความเหน็บหนาว แม้แต่พืชผลก็ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เลย
ผู้คนราว 6,000 คนถูกจับลอยไปตามแม่น้ำ เพื่อไปสู่เกาะที่ชื่อว่า นาซิโน (Nazino) และมีคนตาย 27 เพราะอดอยาก และ 300 คนตายไปเพราะความหนาวเหน็บจากพายุหิมะ ส่วนคนที่เหลือต้องอยู่กันอย่างเบียดเสียดทับถมกัน โดยไม่มีทางต่อสู้ เพราะเมื่อพวกเขาพยายามจะลุกขึ้น ก็จะถุกผู้คุมเอาธนูยิงใส่
จนในที่สุด ผู้คนที่เหลือก็ทนความหิวโหยไม่ไหว จนต้องหันมาฆ่ามนุษย์กันเอง เพื่อเอาชิ้นส่วนมากินเพื่อประทังความหิวโหย ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนมากจะเป็นผู้ที่อ่อนแอ เจ็บป่วย คนพิการและคนที่บาดเจ็บ ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งก็พยายามหาวิธีหลบหนี โดยการสร้างแพเพื่อที่จะข้ามฝั่งไปจากเกาะ แต่ด้วยความกว้างใหญ่ของแผ่นดิน และความหนาวเหน็บของพายุหิมะ จึงทำให้ไม่มีใครสามารถรอดผ่านธารน้ำแข็งไปจากเกาะนี้ได้
บางส่วนที่หลงเหลืออยู่ก็สร้างแพเพื่อล่อให้คนอื่นเข้ามา และก็ลงมือฆ่าเหยื่อเพื่อนำมากินเป็นอาหาร
จากนั้น โซเวียตก็ส่งคนมาเพิ่มอีก 1,200 คน ไปยังเกาะนาซิโน แต่ก็ถูกคนเก่าที่อยู่ในเกาะนั้น กระชากลงเรือและฆ่าตาย เพื่อนำไปชำแหละเป็นอาหาร
การทดลองสุดโหดนี้ ถูกค้นพบเมื่อปี 2002 หลังจากที่ถูกปิดบังมานาน ทำให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อคนทั่วโลก และถือได้ว่า การทดลองนี้เป็นการทดลองที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
ที่มา: http://www.zestza.com/?p=3606