ภาพประกอบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหา
คุณรู้หรือไม่ว่าถ้าต้มไข่ในไมโครเวฟนั้นมันจะเกิดการระเบิดได้ ?
คุณพ่อชาวจีนวัย 30 ปีคนหนึ่ง ตั้งใจจะต้มไข่ให้กับลูกของเขากินในตอนเช้า เพื่อเป็นการเสริมสร้างโภชนาการให้กับลูกๆ แต่มีอยู่วันหนึ่งที่คุณพ่อคนนี้ตื่นสาย แต่เขาก็ยังอยากให้ลูกได้กินไข่ต้มก่อนที่จะไปโรงเรียน เขาจึงได้นำไข่ใส่ลงไปในถ้วยใส่น้ำแล้วนำเข้าไปต้มในไมโครเวฟ
ในระหว่างที่ไมโครเวฟกำลังทำงานอยู่นั่นเอง เขายินเสียงคล้ายบางสิ่งบางอย่างระเบิดดัง "ปังๆ" อยู่ภายในไมโครเวฟแต่เขาก็ไม่ได้สนใจนัก สองนาทีต่อมาเขาจึงเดินไปเปิดฝาไมโครเวฟดู ก็ปรากฏว่าไข่ที่อยู่ในนั้นเกิดระเบิดแตกกระจายออกมา ในขณะที่เขายืนอยู่หน้าไมโครเวฟพอดี และกระเด็นมาเข้าตาเขาจนทำให้ตาของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง เขารู้สึกว่าตาของตัวเองแสบร้อนเหมือนถูกไฟเผา จนเขาไม่สามารถลืมตาได้เลย
หลังจากเขาถูกพาตัวส่งไปที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจอาการแล้วพบว่าเปลือกตาและลูกนัยน์ตาของเขาได้รับบาดแผลจนแตกหมด สุดท้ายเขาก็ต้องกลายเป็นคนตาบอด
ทำไมต้มไข่ดิบในไมโครเวฟจึงเกิดระเบิดได้ล่ะ ?
เวลาเราต้มไข่ดิบด้วยเตาไฟหรือเตาแก๊สนั้น ไข่จะได้รับความร้อนจากภายนอกไปสู่ภายใน แต่ถ้าต้มไข่ดิบด้วยไมโครเวฟมันจะกลับกันเลยล่ะ เพราะเมื่อไข่ได้รับคลื่นไมโครเวฟ โมเลกุลภายในเปลือกไข่จะสั่นอย่างเร็ว ทำให้ภายในไข่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ส่วนประกอบของน้ำที่อยู่ภายในเดือดกลายเป็นไอ และเพราะมีเปลือกไข่อยู่ ทำไอน้ำไม่สามารถระบายออกได้ จนสุดท้ายทำให้เกิดการระเบิดจากภายในอย่างรุนแรง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าคุณอยากทำไข่ต้มจากไมโครเวฟ คุณควรเจาะเปลือกไข่ให้แตกก่อน หรือใช้วิธีการตอกไข่ใส่ถ้วยแทน จากนั้นค่อยนำไปเข้าไมโครเวฟ
หากทำไข่ตุ๋นหรือซุปไข่ด้วยไมโครเวฟ ควรใช้ฝาปิดที่มีด้านบนด้วยนะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไข่เกิดการระเบิดกระจายไปทั่ว อย่างเวลาที่คุณซื้ออาหารกล่องจาก 7-11 คุณก็จะเห็นว่าพนักงานต่างก็เจาะรูหรือเปิดถุงแล้วจึงค่อยนำไปอบในไมโครเวฟเช่นกัน ถ้าเป็นอาหารที่ห่อฟิล์มถนอมอาหารไว้ คุณก็สามารถใช้ไม้จิ้มฟันหรือเข็มมาเจาะรูบนฟิล์ม หรือเปลือกหรือถุงให้เป็นรูเล็กๆ หลายๆ รู้ เพื่อช่วยให้ไอน้ำที่เกิดภายในนั้นระบายออกมาได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดระเบิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเวลาคุณใช้ไมโครเวฟ คุณควรอ่านคู่มือการใช้งานและทำตามอย่างเคร่งครัด หากคุณมีคนที่คุณรักและห่วงใย จงอย่าลืมแชร์บทความนี้ไปให้เขาหรือเธอคนนั้นได้อ่านด้วย เพื่อป้องกันอันตรายจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นนี้
ที่มา: http://www.hotnewshotclip.com/2016/03/blog-post_86.html