ปลา Capelin ขึ้นวางไข่ริมชายหาดนับแสนที่ แคนาดา

ปลาไข่นับแสนขึ้นวางไข่ชายหาดที่ แคนาดาชาวบ้าน-นักท่องเที่ยวจับกันเพียบ



ปลาไข่ capelin-ชิชาโมะ(Shishamo smelt) 




ใครชอบกินปลายกมือขึ้น นั่นแน่ยกมือกันเป็นแถวเลย ใช่แล้วค่ะเรื่องที่จะมาเล่าถึง เป็นเรื่องของปลา ซึ่งเจ้าปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ชาวญี่ปุ่นนิยมกินกันมากและตอนนี้ก็แทรกซึม เข้ามาระบาดในเมืองไทยแล้ว จนถึงขั้นมีเฟรนไชส์ขายเจ้าปลาตัวนี้กันเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้คนที่ชอบ กินปลาจะตกยุคไม่รู้เรื่องของมันไม่ได้แล้ว เจ้าปลาตัวนี้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าชิชาโมะ(Shishamo) แต่คนไทยจะเรียกว่าปลาไข่ ส่วนชื่อของเจ้าปลาชิชาโมะที่เรียกกันในประเทศ ต่างๆ ก็มีอยู่ไม่น้อยดังนี้

ชื่อสามัญคือ ไฮโปเมซัส แจโปนิคัส (Hypomesus japonicus) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ มาลโลตัส วิลโลซัส (Mallotus villosus)
ชื่อที่เรียกโดยทั่วไป เคปลิน (Capelin)
ชื่อที่เรียกในฝรั่งเศส แคปแลน แอทแลนติค (Capelan atlantique)
ชื่อที่เรียกในเยอรมัน ลอดดี้ (Lodde)
ชื่อที่เรียกในเสปน แคปแลน (Capelan)






เจ้าชิชาโมะนั้นเป็นปลาน้ำเค็มที่มีสายพันธ์มาจากปลาน้ำจืด มีลักษณะคล้ายกับปลาแซลมอนและปลาเฮริง แต่ชิชาโมะจะเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก หากโตเต็มที่อาจจะมีขนาดไม่เกิน 20 เซนติเมตร ถ้าอยู่ในช่วงวัยผสมพันธ์จะมีขนาด 9 เซนติเมตร ลำตัวเล็กมีรูปร่างผอมยาวและเรียวเท่ากัน ตลอดทั้งตัว มันมีเกล็ดขนาดเล็กมากทั่วทั้งตัวและที่พิเศษก็คือ ตามขอบเกล็ดจะมีจุดเล็กๆ สีดำอยู่ ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคงจะเป็นดวงตาที่โตมากและปากล่างของเจ้าชิชาโมะ จะยื่นออกมามากกว่าด้าน บนคล้ายกับคนฟันยื่น เราอาจจะมองไม่ค่อยเห็นฟันของมันเพราะว่าฟันซี่เล็กมาก





โดยลำตัว ส่วนหลังและหัวของเจ้าชิชาโมะจะเป็นสีเขียวอมเหลืองไปจนถึงสีเขียวเข้มทั้ง ตัวตั้งแต่เหงือกไปจนถึงหางแต่มันจะเปลี่ยน เป็นสีดำในช่วงฤดูวางไข่ ส่วนลำตัวด้านข้างจะมีรอย สีเงินลากผ่านเป็นแนวยาวตามตัว ท้องของมันจะเป็นสีขาว ซึ่งใต้ท้องของเจ้าชิชาโมะก็จะมีครีบด้วย นอกจากครีบที่ใต้ท้องแล้วมันยังมีครีบที่ด้านหลังอีก 2 ครีบ โดยในครีบแรกจะมีแฉกนิ่มๆ 10-14 แฉก ส่วนครีบที่สองจะเป็นเนื้อไขมัน หางของมันก็จะมีรอยบากลึก 





เจ้าชิชาโมะ จะชอบอยู่ในเขตที่มีน้ำเย็น อย่างเช่น มหาสมุทรอาร์ติค และมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนอาหารที่เจ้าชิชาโมะนิยมกินก็คงจะหนีไม่พ้นพวกแพลงตอนเล็ก ๆ และครัสตาซีน ที่อยู่ในท้องทะเล หากเราแอบไปดูมันในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนกรฎาคม ที่เมืองนิวฟาวน์แลนด์ (เกาะในประเทศแคนาดา) แล้วหล่ะก็ เราจะเห็นฝูงปลาชิชาโมะจำนวนมากมาวางไข่ที่ริมหาดแห่งนี้ ซึ่งมันมีวิธีการผสมพันธ์โดยเจ้าตัวผู้จะออกหาสาวๆ ที่ชอบใจและเป็นฝ่ายรัดตัวสาวนั้นไว้แน่น ด้วยครีบที่หน้าอกช่วงท้องของเจ้าตัวผู้ และว่ายลงไปที่จุดสืบพันธ์ของปลาสาว (บริเวณหาง) 








ส่วนใหญ่ แล้วเจ้าชิชาโมะจะตายหลังจากการวางไข่หรืออาจมี ชีวิตได้อีกไม่นาน บางทีมันอาจต้องตายก่อนหน้าที่จะวางไข่ด้วยฝีมือของนักล่าอย่างมนุษย์ ปลาวาฬ นกเหยี่ยว นกอินทรี นกทะเล นักล่าเหล่านี้ตื่นเต้นดีใจมากที่เจ้าปลาชิชาโมะที่ชอบอาศัย อยู่ในเขตน้ำลึกเข้ามาใกล้ กับชายฝั่งเพื่อวางไข่ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่านักล่า ถ้าหากเจ้าชิชาโมะ มีชีวิตรอดจากฝีมือนักล่ามันจะมาวางไข่เฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น ไข่ของมันนั้น จะมีสีแดง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/25 เซนติเมตร ไข่แต่ละใบความเหนียวจึงติดกันแน่น โดยสาวชิชาโมะ ที่ท้องแก่จะนำไข่ไปวางไว้ตามก้อนกรวดริมหาดหรือตามก้อนกรวดที่อยู่ในน้ำลึก ริมทะเล 





ลูกปลาชิชาโมะจะลืมตาดูโลกหลังจากที่แม่ปลาชิชาโมะปล่อยไข่ ไว้แล้ว 15 วัน และต้องอยู่ใน อุณหภูมิที่ เหมาะสมคือประมาณ 10 องศาเซลเซียส ส่วนเจ้าตัวอ่อนของชิชาโมะจะมีขนาดเพียง 5-7 มิลลิเมตร เท่านั้นแถมยังผอมมากอีกด้วย
ประเทศที่มีการบริโภคปลาชิชาโมะมากก็คงหนี ไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นผู้ชอบกินปลา เป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะปลาชิชาโมะตัวเมียที่มีลูกอยู่ต็มท้องจะเป็นเมนูโปรดของชาวญี่ปุ่น และยังรวม ไปถึงประเทศทางตอนเหนือของยุโรปด้วย ส่วนประเทศที่ส่งออกเจ้าชิชาโมะรายใหญ่ ได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และเดนมาร์ค 



 

ลักษณะ เด่นของปลาไข่คือจะมีรูปร่างเรียวยาวสม่ำเสมอกันตลอดทั้งลำตัว มีจุดดำคล้ำบริเวณขอบเกล็ด และเป็นปลาที่มีน้ำมันสูง ดังนันจึงอุดมไปด้วยโอเมกา 3 มากถึง 3.5 มิลลิกรัมต่อน้ำกรัม 100 กรัม ซึ่งมีมากกว่าในปลาน้ำอุ่นถึง 10 เท่า คนญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่นำปลาไข่มาบริโภค แรกเริ่มนั้นชาวญี่ปุ่นมักจะนำปลาไข่มาตากแห้ง โดยช่วงที่ดีสำหรับการรับประทานปลาไข่คือ ประมาณเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน เพราะจะเป็นช่วงที่มีปลาไข่เป็นจำนวนมากตามฤดูกาลแล้ว ยังมีรสชาติอร่อยกว่าช่วงอื่นๆ อีกด้วย

ในประเทศญี่ปุ่นปลาไข่ได้รับ ความนิยมอย่างสูง และในประเทศไทยจำนวนผู้ที่ชื่นชอบปลาไข่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ติดปัญหาที่ว่ายังมีราคาที่ค่อนข้างแพง อันนี้จริงถ้าสั่งใน Japanese Resturant จะได้ปลาไข่ย่างหรือทอดประมาณ 3-4 ตัว ราคาเกือบ 200 บาท แต่ถ้าหาซื้อตาม Supermarket ก็จะได้เป็น 10 ตัวในราคาประมาณ 40 บาท ยิ่งซื้อช่วงหลังสองทุ่มก็จะลดราคาเหลือ 20 บาทค่ะ

นอก จากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกนะคะ จากผลการวิจัยพิสูจน์ว่าช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ ข้ออักเสบ โรคเบาหวาน ไมเกรน รวมถึงอาจสามารถป้องกันโรคมะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไต ฯลฯ

ก็อยากให้ปลา ไข่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพิ่มเติมใน MENU ของเพื่อนชาว Exteen นะคะ เพื่อสุขภาพค่ะ







ข้อมูลทางโภชนาการ
พลังงาน 97 กิโลแคลลอรี่
โปรตีน 17.6 กรัม
ไขมัน 2.4 กรัม
คอร์เลสเตอรอล 170 มิลลิกรัม
โซเดียม ไม่มี
กรดไขมันอิ่มตัว ไม่มี





ซึ่งจากการที่มันไม่มีกรดไขมันอิ่มตัว ทำให้คุณสาวๆ ที่กำลังรักษาหุ่นให้ความสนใจเจ้า ปลาชิชาโมะในการนำมาทำเป็นอาหารมาก เพราะกินแล้วไม่อ้วนถึงแม่ว่ามันจะมีไข่อยู่เต็มท้องก็ตาม โดยชาวนิวฟาวน์แลนด์ ซึ่งเป็นเกาะอยุ่ในประเทศแคนาดา มักจะนำเจ้าชิชาโมะมาหมักเกลือตากแห้งทำเป็น อาหารว่างในการตั้งแคมป์ไฟ ส่วนในญี่ปุ่นนั้นก็นิยมนำย่างหรือเป็นกับแกล้มกับเหล้าสาเก หรือกิน กับข้าวสวยร้อน ๆ เป็นอาหารจานง่ายของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังนำเจ้าปลาชิชาโมะ มาแช่เย็นเพื่อให้สามารถรับประทานได้ตลอดปี



เมนูจาก capelin-ชิชาโมะ










ภาพสุดท้ายนี้คงนึกออกแล้วนะครับ เห็นกันบ่อยๆตามห้างฯไง
 
 
 
Credit: http://atcloud.com/stories/74954
#ปลาไข่
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
7 มิ.ย. 53 เวลา 21:34 30,118 4 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...