( รูปภาพประกอบกับบทความไม่เกี่ยวข้องกัน )
จากเกร็ดประวัติศาสตร์ที่มาจากตำนานหรือพงศาวดารนั้น ได้กล่าวถึงพระประวัติที่ซับซ้อนซ่อนเร้นของพระเจ้าเสือหรือขุนหลวงสรศักดิ์นั้น ว่าเป็นพระราชบุตรที่แท้จริงของสมเด็จพระนารายณ์แต่เป็นเพียงพระราชบุตรนอกราชบัลลังก์ เรื่องนี้ได้มีการบรรยายถึงเรื่องพระมารดาไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระพนรัตน์แก้ว ว่าทรงเป็นพระราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ และคำให้การขุนหลวงหาวัดได้ออกพระนามว่า พระราชชายาเทวีหรือเจ้าจอมสมบุญ ส่วนในคำให้การชาวกรุงเก่าเรียกว่า นางกุสาวดี ซึ่งได้ทรงครรภ์ภายหลังกลับจากยกทัพมาจากการทำศึกที่เชียงใหม่ จึงพระราชทานให้พระเพทราชารับไปเลี้ยงดูแทนพระองค์ โดยที่พระเพทราชานั้นมิได้เกี่ยวข้องแบบชู้สาวแต่อย่างใด ดังนั้นพระเพทราชาจึงเป็นเพียงแต่ บิดา ในนามเท่านั้น
สำหรับพระเพทราชานั้น เดิมเป็นจางวางกรมช้าง เป็นคนบ้านพลูหลวง มีมารดาเป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์และน้องสาวของพระเพทราชายังได้เป็นพระมเหสีของสมเด็จพระนารายณ์อีกด้วย (พระมเหสีผู้นี้เป็นที่ ’เล่าลือ“ ถึงความ ’เจ้าชู้มากรัก“ ชอบออกไปนอกพระราชวังเพื่อมีความสัมพันธ์กับทหารฝรั่งต่างชาติมากมายหลายคน)
เรื่องราวของพระเจ้าเสือหรือขุนหลวงสรศักดิ์นั้น มีมากมายหลายมุมมองและรูปแบบของการดำรงชีวิตที่วิปริตพิสดารเหี้ยมโหดนั้น ได้มีหลายตำนานและพระราชพงศาวดารรวมทั้งบันทึกของชาวฝรั่งเศสหลายคนที่ได้กล่าวถึงพระเจ้าเสือผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรงทางอารมณ์ มีการกระทำที่โหดร้ายทารุณทั้งในวังและนอกวัง ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นครองราชย์และภายหลังการขึ้นครองราชย์ เพราะการต่อสู้ชิงอำนาจภายในราชสำนักเพื่อเป้าหมายในการขึ้นครองราชบัลลังก์นั้น หากไม่เด็ดขาดโอกาสที่จะมีชัยชนะคงเป็นไปได้ยาก
ดังนั้นการอ้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจเพื่อครองราชสมบัติ จากความถูกต้องของการสืบสายโลหิตว่ามาจากสมเด็จพระนารายณ์นับได้ว่าเป็นกุศโลบายที่แยบยลและชาญฉลาดอย่างยิ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อประสงค์ต้องการลดแรงต่อต้านและสร้างความศรัทธาต่อข้าราชบริพารกับราชวงศ์ เพราะโดยแท้จริงนั้นพฤติกรรมพระเจ้าเสือที่ขาดความเมตตา จิตใจโหดร้าย ชอบการทารุณกรรมผู้คนในรูปแบบต่าง ๆ นั้นก่อให้เกิดความ ’เกรงกลัวและเกลียดชัง“
สำหรับผู้หญิงและชีวิตรักของพระเจ้าเสือนั้น พิจารณาแล้วมีการกระทำที่แสดงออกถึงพฤติกรรมที่วิปริตพิสดาร ซึ่งพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาได้เล่าไว้
“พระองค์ทรงเสวยน้ำจัณฑ์ขาวอยู่เป็นนิจ แล้วมักยินดีในการอันสังวาสด้วยกุมารีอันยังมิได้มีระดู และถ้านางใดอุสาหะอดทนได้ ก็พระราชทานรางวัลเงินทองต่าง ๆ แก่นางนั้นเป็นอันมาก ถ้านางใดอดทนมิได้ไซร้ก็ทรงพระพิโรธและทรงประหารลงที่มัชฌิบุราประเทศให้ถึงแก่ความตาย แล้วให้เอาโลงขาวมาใส่ศพนางนั้นออกไปทางประตูพระราชวังท้ายสนมนั้นเนือง ๆ และประตูนั้นเรียกว่าประตูผีออกมีมาตราบเท่าทุกวันนี้”และพงศาวดารฉบับคำให้การของขุนหลวงหาวัด ได้บรรยายไว้ว่า
“อันเจ้าพระยาสุรศักดิ์นั้น ฉลาดเฉลียวคมสัน ทั้งห้าวหาญชาญชัยใจฉกรรจ์ ทั้งร้ายกาจอาจองดุดันไม่กลัวใคร ทั้งได้ทีแล้วปากว่ามือถึง ทั้งหยิกทึ้งถีบชกต่อยตีแล้วเที่ยวเกี้ยวลูกสาวชาวพาราแต่บรรดาที่มีพระยาสุรศักดิ์มิได้ไว้ ถึงพ่อแม่จะพิทักษ์รักษาอยู่ก็ดีก็ลักลอบไปมาหาได้ ไม่ว่าผู้ดีเข็ญใจ แล้วก็ให้แหวนและเงินทองตามที่รักน้อยและรักมาก ถึงมียากก็ทั่วหน้า”
“บรรดาที่ใครมีบุตรีแต่น้อย ๆ ก็ต้องแต่งให้มีผัวเสีย จะเอาไว้ก็กลัวพระยาสุรศักดิ์จะมาลักเอาบุตรีไปด้วยฤทธากล้าหาญชาญชัย บางสตรีมีคู่เพิ่งจะเข้าหอใหม่ ถ้ารู้ว่ารูปงามทรามวัยก็ไปลักล่วงประเวณี ถึงเจ้าผัวจะรู้ก็กลัวไม่อาจที่จะว่าได้ มีแต่จะเอาตัวพาหนีไป”
เรื่องราวของพฤติกรรมความสัมพันธ์ทางเพศที่ผิดแผกแตกต่างจนดูก้าวร้าวรุนแรง วิปริตพิสดารนั้น ตามที่เกร็ดประวัติศาสตร์จากพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาและพงศาวดารฉบับคำให้การของขุนหลวงหาวัดกล่าวเบื้องต้นนั้น นายแพทย์วิบูล วิจิตรวาทการ ท่านได้เขียนวิเคราะห์เอาไว้ว่า “ถ้าจะพิจารณาความประพฤติของพระองค์ตามหลักสรีรวิทยาสมัยใหม่ ก็ต้องวินิจฉัยว่าทรงเป็นบุรุษที่มีฮอร์โมนชนิด Androgen หรือ testosterone สูงจึงมีลักษณะ Aggressive
ผิดธรรมดา ห้าวหาญดุดันร้ายกาจ เวลากริ้วโกรธแล้วปากว่ามือถึงถีบชกต่อยตี และในเวลาเดียวกันฮอร์โมนชนิด Androgen ก็ทำให้ทรงมี Sexual drive สูงจึงโปรดปรานที่จะเกี้ยวพาราสีแบบเจ้าชู้ยักษ์ สมสู่ร่วมรักกับลูกสาวชาวบ้านชาวเมืองทั่วกรุง ในกรณีพระเจ้าเสือนี้ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวว่า รสนิยมด้านเพศแปลงมาเป็นระบบ Pedophilia คือ นิยมสมสู่กับเด็ก หากเด็กหญิงคนไหนทนได้ก็เคราะห์ดีไป เด็กที่ไม่ร่วมรักด้วยเพราะความกลัวหรือความเจ็บปวด จะทำให้พระองค์ทรงมีความอัดอั้นตันใจ ซึ่งในที่สุดกลายเป็น Sexual rage นำไปสู่ความโหดร้ายทารุณ ขนาดเอาขวานหรือดาบมาผ่าทรวงอกแยกออกให้ตายเสีย”
จะเห็นได้ว่าการกระทำหรือพฤติกรรมทางเพศของพระเจ้าเสือนั้น ส่งผลต่อความรู้สึกของราษฎรที่พากันหวาดกลัวจึงได้พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ด้วยการหลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ในด้านดีของพระเจ้าเสือนั้นถือว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะการขุดคลองโคกขามในมหาชัยเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน เป็นประโยชน์ในการคมนาคมการค้า ถือเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดที่ดินใหม่เพื่อการเกษตรกรรม เป็นผลประโยชน์มหาศาลให้กับชาติไทย นอกจากนี้ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงมีความเป็นสามัญชนมากที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดปรานการปลอมพระองค์เสด็จออกประพาสต้นเพื่อดูวิถีชีวิตราษฎร เช่น การประพาสตกปลา ชกมวย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการประหารชีวิตพระสนมเอก ด้วยเหตุที่อ้างว่า ทำเสน่ห์ คือพระองค์รัตนาซึ่งเป็นธิดาของพระบำเรอภูธร ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์โดยให้ประหารทั้ง 3 คนรวมทั้งหมอทำเสน่ห์ด้วยและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ’ท้าวทองกีบม้า“ ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ทั้ง ๆ ที่มีลูกชาย 1 คน ยังได้ถูกกลั่นแกล้งข่มเหง จับขังคุก โบยตี ทำงานหนักและยังนำเอาครอบครัวพี่น้องมาโบยตีต่อหน้าสารพัดวิธี จนในที่สุดต้องยินยอมเป็นเมียและเป็นที่โปรดปรานในเวลาต่อมา
เรื่องพฤติกรรมของพระเจ้าเสือนั้น ได้มีผู้กล่าวถึงในด้านที่ร้ายกาจอยู่หลายบันทึก แม้กระทั่งบันทึกของชาวต่างชาติหลายคน แต่จะเป็นความจริงหรือไม่เพราะในสมัยนั้นการเมืองในราชสำนักไทยมีความรุนแรงแย่งชิงอำนาจกันสูง โดยเฉพาะทางฝ่ายต่างชาตินั้นเป็นศัตรูกับฝ่ายพระเจ้าเสือและสำหรับเรื่องความรักกับผู้หญิงนั้น หากเป็นความจริงย่อมถือว่าพระองค์ทรงมีความรักที่โหดเหี้ยม ทารุณร้ายกาจอย่างยิ่งจนเรียกได้ว่า ’รักหฤโหดของพระเจ้าเสือ“.
อีกแง่มุมของพันท้ายนรสิงห์
“เรื่องจากพระราชพงศาวดาร…
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ เมื่อปี พ.ศ. 2247 สมเด็จพระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกชัย จะไปประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำ เมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยว กราก พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถือท้ายเรือ พระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้ว กราบทูลให้ทรงลงพระอาญา ตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในสองครั้งแรก สมเด็จพระเจ้าเสือทรง พระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัย แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา ฝาไม้ลูกประกนขนาดเล็ก
แต่มีอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งมีผู้เล่าคือ
เรื่องพันท้านนรสิงห์ มีผู้ไปค้นพบ เอกสารเล่มเล็กๆ แอบแทรกอยู่ใน ชั้นหนังสือ ของห้องสมุดแห่งชาติ เมื่อประมาณ 30ปีมาแล้ว , หนังสือเล่มนั้นเล่าเรื่องพันท้ายนรสิงห์ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร…., หนังเสือเล่มนั้นเล่าว่า เหตที่พันท้ายนรสิงห์คัดท้ายเรือให้ชนต้นไม้ เป็นเจตนา ไม่ใช่อุบัตวเหตตามที่เล่าขาน , เหตุเพราะพันท้ายฯ ทนไม่ได้อีกแล้วที่จะทำหน้าที่ ให้พระเจ้าเสือ.. , เนื่องจากทุกครั้งที่เสด็จประพาสทางเรือ จะให้ทหารไปสืบสำรวจลูกสาวชาวบ้าน ที่อยู่ตามริมน้ำที่จะผ่าน ถ้าพบลูกสาวชาวบ้านคนไหนถูกสเป็ค คือ สวย อายุ 13-14 ให้นำมาถวายในเรือ, แล้วพระเจ้าเสือก็จะเสพสังวาสเด็ก ด้วยอาการโหดและทรมาน , เด็กสาวที่ถูกนำมาถวายไม่เคยได้มีใครได้กลับบ้าน ทุกคนถูกบีบคอตายในระหว่างที่กำลังจะเสร็จกิจ , การกระทำของพระเจ้าเสือ เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านมาก เมื่อมีข่าวว่าจะเสด็จผ่านไปแห่งหนตำบลใด ชาวบ้านจะเอาลูกสาวไปซ้อน เพื่อให้พ้นภัย , การกระทำของพระเจ้าเสือในเรือ พันท้ายฯ เห็น พฤติกรรมความโหดร้ายตลอด จนในที่สุดจิตใจของพันท้ายฯ ทนการกระทำ ของพระเจ้าเสือต่อไปอีกไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน ของเด็กสาว ในประทุนเรือในวันนั้น , พันท้ายนรสิงห์จึงตัดสินใจคัดท้ายเรือให้ชนต้นไม้ เพื่อให้เด็กสาวคนนั้นได้พ้นจากการทุกข์ทรมาน และตัวเองจะได้ตายเสียจะได้พ้นหน้าที่ ไม่ต้องพบความอัปรีย์เช่นนั้นอีกต่อไป..
อ่านแล้วคิดวิเคราะห์กันเอง โดยศึกษาจากแหล่งค้นคว้าทางประวัติศาสตร์มี ตลอดจนวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของพระเจ้าเสือ กับผู้ประพันธ์ พงศาวดารว่าต้องการ propraganda หรือไม่
Cr.เดลินิวส์
https://anekaud.wordpress.com/2010/07/27/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AA/
By..Agnostics
ปลอีกที. รูปภาพประกอบกับบทความไม่เกี่ยวข้องกัน