เรื่องมีอยู่ว่า คุณพ่อลาโนไปเรียนที่วัดพุทธ 3 ปี เรียนทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี และศาสนาพุทธด้วย ซึ่งปรากฎทัศนะท่านที่มีต่อศาสนาพุทธในเชิงบวก ดังปรากฎความใน จม ถึง โรม ความว่า (ในจดหมายที่คุณพ่อลาโนจะเขียนเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชองค์แรกของประเทศสยามปีพ.ศ. 2225 / ค.ศ. 1682)
ท่านทูลสันตะปาปาขออนุญาตให้พระสงฆ์คาทอลิกแต่งกายเหมือนพระภิกษุ ท่านอธิบายชีวิตของพระว่าดังนี้ "พระมีระเบียบวินัยมากมาย แต่ดูเหมือนระเบียบวินัยทั้งหลายแหล่เหล่านี้จะมุ่งไปยังจุดเดียวกัน คือ เพื่อช่วยให้พระภิกษุถือความยากจน ปราบกิเลส สละโลกียสมบัติให้ได้มากที่สุด พระภิกษุไม่โกรธ รักษาความบริสุทธิ์ตราบเท่าที่ยังอยู่ในสมณเพศ แต่ก็จะลาสิกขาเสียเมื่อไรก็ได้ พระภิกษุเป็นคนมักน้อยในอาหาร ไม่ดื่มสุราเด็ดขาด ไม่รับประทานอาหารค่ำ ที่จะเว้นอาหารค่ำ ก็เพราะเพื่อป้องกันกามตัญหารบกวนเวลานอน ไม่สนับสนุนการถือผีสาง ไม่ยอมรับพิธีถวายบูชา ที่งมงายทั้งปวง พระภิกษุไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่สงฆ์เหมือนสงฆ์คาทอลิก แต่คงทำหน้าที่สงฆ์ในการสั่งสอนประชาชนจากธรรมาสน์ สวดมนต์เป็นทำนองทั้งในโบสถ์ และในบ้านคนป่วยเท่าที่ทราบ"
บรรดาพระเยซุอิตในอยุธยาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้นุ่งห่มจีวรแบบพระสนศาสนาพุทธ ท่านลาโนจึงส่งจดหมายไปขออนุญาตสันตสำนักที่โรมในปี 2225 แต่ไม่ได้รับอนุญาต และมีจดหมายห้ามกลับมาในปี 2228