ชื่อมะขาม เทศ ก็ฟ้องอยู่แล้วว่าไทยเรารับมาจากที่อื่น ในภาษาอังกฤษเรียกมะขามเทศว่า “Manila Tamarind” ทำให้เข้าใจผิดคิดว่ามะนิลาเป็นถิ่นกำเนิดของมะขามเทศ และมะขามเทศเป็นมะขาม (tamarind) ชนิดหนึ่ง แท้ที่จริงมะขามเทศเป็นพืชวงศ์ถั่วซึ่งครอบคลุมถั่วต่างๆ มากมายรวมทั้งมะขามด้วย แต่ไม่ได้เกี่ยวดองเป็นมะขามพันธุ์หนึ่งแต่อย่างใดเลย
เพียงเพราะฝักรูปร่างคล้ายมะขาม จึงพลอยถูกเรียกเป็นมะขามไปด้วยเท่านั้นเอง ส่วนมะนิลาก็หาใช่ถิ่นกำเนิดของมะขามเทศ เกซิโก อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ต่างหากที่เป็นแหล่งแรกมีมะขามเทศ ที่อพยพมาถึงมะนิลาได้ก็เพราะจักรวรรดินิยมสเปนนำมาปลูกเผยแพร่ในฟิลิปปินส์ แล้วจึงแพร่ไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย ว่ากันว่าในมะนิลาสมัยก่อนนิยมปลูกมะขามเทศเป็นต้นไม้สองข้างถนน แต่ในไทย ต้นมะขามเทศเกิดกระจายทั่วไป ให้เด็กๆ ได้อาศัยเก็บฝักสดกินเป็นผลไม้ เรื่องนี้ต้องขอบคุณนกที่ชอบแย่งจิกเนื้อมะขามเทศหวานๆ กิน แล้วพาเมล็ดไปทิ้งกระจาย เกิดต้นใหม่ขึ้นมาอีก
โดย เหตุนี้คนไทยยุคเบบี้บูมเมอร์ขึ้นไปจึงติดอกติดใจกับมะขามเทศ แต่คนรุ่นใหม่กลับร้องยี้ อย่างไรก็ดี มาบัดนี้ ต้นมะขามเทศในบ้านเราพัฒนาพันธุ์ไปจนได้มะขามเทศฝักใหญ่ เนื้อแน่น มีรสหวานและมันเพิ่มขึ้น มะขามเทศพันธุ์ที่โด่งดังมากอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร หน้าร้อนนี้ ใครผ่านไปทางนั้นไม่ควรพลาดหาซื้อมากิน
มะขาม เทศอร่อยดีนะ ลองกินดู อีกทั้งมีคุณค่าอาหารมาก คือ ต้านและรักษาโรคเบาหวาน บรรเทาอาการแก๊สในกระเพาะอาหาร มีวิตามินซีสูงมากๆ ช่วยรักษาดวงตาที่อักเสบ และช่วยให้ดวงตาคงทนแข็งแรง เพราะมีวิตามินเอมากเช่นกัน ใยอาหารก็เป็นชนิดดี ช่วยขับถ่ายและรักษาลำไส้ ต้านเนื้องอกในร่างกายเราด้วย กินก็อิ่ม คุณค่าก็เยอะ