อิงเง่ ซาเจ้น สาวน้อยชาวออสเตรีย ผู้มาจากครอบครัวประชาธิปไตยอันผาสุก ด้วยพ่อและแม่เป็นคนทันสมัยและเข้าใจโลก ในเวลา 70 ปีเศษที่ผ่านมา เธอไปเรียนชั่วระยะเวลาหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา อาจจะคล้ายกับนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ในไทยสมัยก่อน ที่นั่นเธอได้พบกับสุภาพบุรุษชาวพม่า ในนามว่าจาแสง ได้คุ้นเคยกันด้วยสนทนากันถูกคอ และกลายเป็นความรักในที่สุด ไม่มีใครทราบสถานภาพอันแท้จริงของจาแสง ว่าเขาคือเจ้าฟ้าแห่งรัฐฉาน เครือรัฐหนึ่งของพม่า นอกจากท่านคณบดี
รักระหว่างเรียนของสองหนุ่มสาวผู้เยาว์วัยดำเนินไปอย่างราบรื่น จาแสงมีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวของอิงเง่ที่ออสเตรียด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ทีท่าผู้ดีมีสกุลของเขาคงประทับใจผู้ปกครองของอิงเง่ เพราะครั้งต่อไปที่ได้มาเยี่ยมครอบครัวนี้พร้อมขอสมรสกับอิงเง่ ได้รับความยินยอม
อิงเง่ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าหญิงสุจันทรี ในตำแหน่งพระชายาในเจ้าฟ้าจาแสงแห่งรัฐฉาน คุณแม่ของเธอและญาติ ได้เดินทางมาร่วมพิธีอันมงคลนี้ด้วยความยินดี ชีวิตดุจเทพนิยายได้ดำเนินไปด้วยดี เจ้าหญิงสุจันทรี ปรับตัวเข้ากับสภาพใหม่ได้อย่างมีความสุข ครอบครัวเธอได้สมาชิกใหม่เป็นธิดาน้อยๆ สองคน ชื่อมายรีและเกนรี
ครั้นแล้ววันเวลาแห่งความสุขก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อเจ้าฟ้าจาแสง ผู้นำมาซึ่งความอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนของพระองค์ถูกจับไป ผู้อยู่เบื้องหลัง คือ นายพลเนวิน
ในที่คุมขัง ทหารผู้ควบคุมเจ้าฟ้าจาแสง ได้ไปกระซิบกราบทูลว่าเขามีความจงรักภักดีต่อพระองค์ หากจะทรงมีจดหมายถึงพระชายา เขายินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะหาทางส่งถึงพระชายาให้ได้
และจดหมายนั้นถึงสุจันทรี เป็นจดหมายอันล้ำค่าในยามยากโดยแท้ เธอได้นำตีพิมพ์ในหนังสือด้วย
สุจันทรีพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากมวลมิตรนักการทูตตลอดเวลา แต่ไม่มีผู้ใดช่วยเธอได้ จนข่าวเจ้าฟ้าจาแสงหายไป กัลยาณมิตรได้ช่วยเหลือด้วยความยากลำบากให้เธอและธิดาน้อยทั้งสอง กลับมาตุภูมิ โดยไม่มีเงินติดตัวเลย ดีที่เธอได้แจกจ่ายให้ผู้ใกล้ชิดที่คอยรับใช้เธอแล้ว แต่ทิ้งธนบัตรอันมีค่าลงชักโครกเสียดีกว่าให้คนโฉดมายื้อแย่งไป
70 กว่าปีมาแล้ว พระชายาสุจันทรีประทับที่ออสเตรียบ้านเกิดกับ ธิดาทั้งสอง แสงฉานอันเคยโชนฉายสิ้นแล้ว เหลือเพียงความทรงจำอยู่ในใจของ
ที่มา เพจ ราชินี เจ้าจอม หม่อมห้าม ในอดีต