เรื่องจริงของชายที่รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก ติดอยู่ในเทือกเขาหิมะนานกว่า 72 วัน จนต้อง"กินศพ"เพื่อนประทังชีวิต

"โรเบิร์ทโต คาเนสซ่า" เป็นชายคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในเทือกเขาแห่งหนึ่งที่อาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 1972 โดยเขาได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า

ในตอนนั้นเขาเป็นนักศึกษาเภสัขศาสตร์และนักรักบี้อายุเพียง 19 ปี ที่กำลังโดยสารเครื่องบินไปกับเพื่อนทีมนักรักบี้อุรุกวัยกว่า 45 ชีวิตด้วยกันเพื่อเดินทางไปแข่งขันที่ชิลี แต่แล้วขณะที่กำลังเดินทางเครื่องบินก็บินต่ำลงและตกลงที่ภูเขาหิมะ

หลังจากที่เครื่องบินตกเขาคิดว่า เครื่องบินต้องระเบิดและเขาต้องตายอย่างแน่นอน แต่แล้วมันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะเครื่องบินไม่ได้ระเบิด ปรากฎว่ามีผู้รอดชีวิตเหลือเพียง 27 คนและเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

พวกเขาติดอยู่ท่ามกลางภาพอากาศที่เหน็บหนาว ตอนนั้นทุกคนมีเป้าหมายของชีวิต แต่สิ่งที่ขาดคือ "อาหาร" ทำให้เพื่อนที่รอดชีวิตมานั้นค่อยๆ ตายจากไป ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บทำให้บริเวณนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย

หลายคนเรี่ยวแรงอ่อนล้า และเริ่มจะเกิดความคิดในใจว่า ถ้าอยากมีชีวิตรอดทางเดียวคือ "กินเนื้อศพ" ของเพื่อนที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะประทังชีวิตไปก่อน แต่มันเป็นการกระทำที่โหดร้ายและน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะทำลง ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่นั่งรอให้ใครเป็นคนเริ่มหรือทำอะไรบางอย่าง...

หลังจากความตายเริ่มคลืบคลานเข้ามา "โรเบิร์ทโต คาเนสซ่า" จึงเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อด้วยการนำศพของเพื่อนที่เสียชีวิตมาหั่นและทานเป็นอาหาร ซึ่งเขาเผยว่ามันเป็นความรู้สึกที่โหดร้ายมาก เวลาที่พวกเขากินเนื้อเพื่อนพวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ด้วยความที่อยากอยู่รอดและมีทางเลือกจึงจำเป็นต้องฝืนใจทำ

และแล้วหลังจากอยู่มาได้เดือนกว่าๆ วันที่ 17 พฤศจิกายน พวกเขาก็ค้นพบแบตเตอรี่ ดังนั้นพวกเขาจึงนำมาซ่อมวิทยุให้กลับมาใช้งานได้และพยายามติดต่อกับคนอื่น จนวันที่ 8 ธันวาคม พวกเขาก็ได้รับการตอบกลับจากวิทยุและได้รับความช่วยเหลือในวันที่ 23 ธันวาคม 1972

โดยพวกเขาติดอยู่บนเทือกเขาที่เหน็บหนาวนานกว่า 72 วัน สุดท้ายมีผู้รอดชีวิตเหลือเพียงแค่ 16 คนเท่านั้น หลังจากรอดมาได้พวกเขาเล่าความจริงทุกอย่างซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็เข้าใจถึงสถานการณ์นั้นดี

"โรเบิร์ทโต คาเนสซ่า" ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ครอบครัวเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปและมีกำลังใจในการต่อสู้ "มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะมีชีวิตรอดอย่างไร แต่มันสำคัญที่คุณจะมีชีวิตรอดเพื่ออะไรต่างหาก" ปัจจุบันเขาเป็นแพทย์หัวใจเด็กที่ทำการรักษาและช่วยเหลือเด็กหลายคนเพื่อตอบแทนในสิ่งที่เขาเคยได้รับ

ข้อมูลและภาพประกอบจาก "posttoday"

Credit: http://www.posttoday.com/world/news/418390
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...