เราแทบนึกภาพชีวิตประจำวันที่ปราศจากมือถือแทบไม่ออกกันเลยใช่ไหม ติดมือถือกันขนาดนี้แล้วรู้หรือเปล่าว่ารังสีที่แผ่ออกมาจากมือถือนั้นมันอันตรายไม่ใช่เล่น
องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนแล้วว่าโทรศัพท์มือถืออาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการก่อมะเร็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากวางมันไว้ใกล้ตัว อย่างเช่นสมอง มันอาจส่งผลต่อการทำลายดีเอ็นเอ ปัญหาการสืบพันธุ์ และอาการออทิสติกได้
การใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก ร้อยล้านคนทั่วโลกในปี 1997 มาเป็น 5 พันล้านคนในปัจจุบัน ฉะนั้นแล้วมันอาจส่งผลต่อสุขภาพคนจำนวนมากกว่าที่เราคิด
นี่คือ 13 วิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงอันตรายจากโทรศัพท์มือถือ
1.หากต้องคุยโทรศัพท์ เราแนะนำให้เปิดลำโพงและวางเอาไว้ให้ห่างตัวประมาณ 1 ช่วงแขน หรือจะใช้ หูฟัง และบลูทูธ แทนก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมปิดเครื่องมือเหล่านี้เมื่อไม่ได้ใช้โทรศัพท์ด้วย
2.พยายามหลีกเลี่ยงการวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวตลอดทั้งวัน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้จัดวางตำแหน่งโทรศัพท์ไว้ในที่ที่เหมาะสมโดยให้เสาอากาศหันออกไปจากตัวคุณ
3.พยายามใช้โทรศัพท์เมื่อสัญญาณเต็ม เพราะยิ่งสัญญาณอ่อน โทรศัพท์คุณจะปล่อยรังสีมากกว่าปกติ
4.พยายามอย่าใช้โทรศัพท์ในลิฟต์ รถ รถไฟ หรือเครื่องบิน หรือในที่ที่เป็นโลหะ เพราะมันจะทำให้โทรศัพท์ต้องใช้พลังงานมาก
5.พยายามส่งข้อความแทนการโทร และอย่าอยู่ใกล้โทรศัพท์จนมากเกินไป
6.ถ้าอยู่บ้านให้ใช้โทรศัพท์บ้าน จำไว้ว่าโทรศัพท์บ้านไร้สายก็สามารถปล่อยรังสีได้เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ
7.การใช้ที่ป้องกันรังสีนั้นอาจทำให้โทรศัพท์ของคุณปล่อยรังสีมากกว่าเดิม
8.หากคุณใช้ไวไฟที่บ้าน ควรจะติดตั้ง router ให้ห่างจากห้องนอน และพยายามนำสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อยู่ให้ไกลจากห้องนอนเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนนอนอย่าลืมถอดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆให้เรียบร้อย
9.พยายามต่ออินเตอร์เน็ตกับ Ethernet ให้บ่อยสุดเท่าที่จะทำได้ มันดีกว่าใช้ wireless router มาก
10.ปิดการใช้งานการเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น ไวไฟ หรือ บลูทูธ หากไม่ได้ใช้
11.เลือกใช้ปริ้นท์เตอร์แบบมีสาย รวมถึงเมาส์ และคีย์บอร์ดด้วย
12.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆแบบไร้สาย อันตรายไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ
13.อุปกรณ์ตรวจจับรังสีภายในบ้านนั้นเองก็อาจจะเป็นแหล่งกำเนิดรังสีได้เช่นกัน
เราว่ามันอาจจะทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นอีกนิดหน่อย ถ้าใครไม่คิดว่ามันยากเย็นเกินไปก็กันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ ส่งต่อคำแนะนำดีๆเหล่านี้ไปให้เพื่อนของคุณด้วยสิ
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : kiitdoo.com