?กาฬโรค? มฤตยูที่กลับมา?

"กาฬโรค" นี้แปลตามชื่อคือ “มฤตยูดำ(Black death)” ที่คร่าชีวิตมนุษย์ถึง 1 ใน 3 ของทวีปยุโรป ไม่เว้นแม้แต่ในวาติกันอันเป็นบ้านของพระเจ้า เป็นความตายเดียวกับที่เกิดแก่ชาวอินเดียนแดงที่ได้รับเชื้อนี้มาจากคนผิว ขาวที่เข้าไปรุกราน

ทำให้เกิดพิธีกรรมไล่โรคอันน่าสยองอยู่หลายประการ เป็นต้นว่าจับยิวมาเผาทั้งเป็น แก้เคล็ดหรือต้องให้นักบวชเอาแส้มาเฆี่ยนเนื้อตัวให้แตกยับเป็นริ้วต่างการ ลงทัณฑ์ให้สวรรค์ได้รับรู้และอีกมาก

ครั้นเมื่อผ่านยุคมืดแห่งความรู้ คู่กับความกลัวไปแล้ว ก็สามารถจับผู้ร้ายแห่งกาฬโรคได้ว่า แท้จริงเกิดจากอินทรีย์เล็กเกินตาเห็นเรียกว่า “เยอสิเนีย เพสติส(Yersinia pestis)” ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเชื้อกเฬวรากจรจัดอยู่ในสัตว์จำพวกหนู แต่เชื้อที่เราคิดว่ากะโหลกกะลานี้เองที่ยุคหนึ่งเคยมีคนคิดวิตถารจะเอามา เป็น "อาวุธเชื้อโรค" เพราะก่อนที่มันจะสิ้นฤทธิ์สูญพันธุ์ไปจากโลกดันมีคนช่างคิด (สั้น?) เสนอว่าน่าจะเก็บบางส่วนไว้ไม่ให้หายไป โดยให้เก็บดีๆ ให้พ้นจากมือทรชนคนก่อการร้ายเท่านั้นเอง

ข่าวเรื่องกาฬโรคก็หายไป นานกว่า 30 ปี เพียงแต่มีอยู่บ้างประปรายในแอฟริกาแต่ก็ถูกปราบลงได้ทุกที จนมามีใหม่หมาดๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้เองที่ทำให้ลูกหลานมังกรต้องเท่งทึงกันไปหลายคนในมณฑล ชื่อคุ้นหูจากข่าวต่างประเทศซึ่งตอนนี้กลายเป็นมณฑลต้องห้ามถูกกักบริเวณกัน ทั้งเมืองหมดแล้ว

การที่กาฬโรคมาขโมยซีนไข้หวัด 2009 ดังนี้หาใช่เป็นเพราะว่ามันอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าระบาดแล้วไม่ แต่เป็นเพราะความน่ากลัวของมันในอดีตและอาจเกิดได้ในคนที่ไม่แข็งแรงนัก ยิ่งในคนที่ยังก้ำๆ กึ่งๆ ไม่รู้ว่าเป็นไข้หวัด 2009 หรือเปล่านั้น อาจยิ่งเป็นรังรับเชื้อได้สูงทีเดียว ด้วยพิษร้ายจาก “ไข้ดำ”

ก็ไม่ รู้ว่าเป็นอย่างไรที่เกิดโรคระบาดคราใดก็ต้องมีจีนตกเป็นจำเลยร่วมทุกที ไม่รู้เป็นผลมาจากการพยายามเสาะหาอาหารแปลกมารับประทานจำพวกหัวใจหมี ดีแมลงวันหรือสัตว์น้อยใหญ่ในสปีชีส์ที่บางทีไม่คิดว่ากินได้มาปรนเปรอกัน หรือเปล่า เพราะสัตว์แปลกเหล่านี้ที่สัตวแพทย์ท่านเรียกว่า “เอ็กซอติก(Exotic)” นั้นมักพกเชื้อโรคแปลกไว้ในตัวด้วยเช่นกัน ด้วยกาฬโรคนี้ก็มากับสัตว์ได้แก่ หมัดหนู ตัวหนู และสารคัดหลั่งที่มีการสัมผัสต่อเนื่องถึงกัน

แต่ในกรณีที่มันเข้ากัด กินถึงตัวเราแล้ว เครื่องสังเวยที่มัจจุราชดำนี้โปรดปรานก็คือบรรดา "ตือฮวน" เครื่องในใหญ่น้อยของเรานั่นเอง ตั้งแต่ปอด ต่อมน้ำเหลือง ไข่ดัน และเลือด ถ้าแบ่งพิษกาฬโรคออกตามอวัยวะที่มันชอบไปกัดกินนี้ จะมีอยู่ 3 กลุ่มหลักคือ 1)ทำลายต่อมน้ำเหลือง 2)ทำลายปอด 3)ทำลายกระจายทั่วตัว

 ท้าย สุดโรคนิสัยเสียนี้จะย่ามใจไปไกลได้ถึงในเลือดที่ไหลเวียนเลี้ยงตัวเราอยู่ จนเกิดโลหิตเป็นพิษราวกับถูกมารโลหิตบวกยาสลายกระดูกทำลายเสียอีก เพราะสภาพสุดท้ายนอกจากจะมีจ้ำเลือดแล้วยังอาจไอเป็นเลือดสดออกมาด้วย

อาการ ก่อนถูกสังเวยด้วย “กาฬโรค” สำหรับผู้ที่กลัวว่าตนเองจะตกอยู่ในข่ายมรณะแห่ง “ไข้ดำ” ลงปอด(Pneumonic plague) แบบหนุ่มจีนเคราะห์ร้ายนั้นขอให้ท่านลองสังเกตอาการดังต่อไปนี้ ได้แก่ 1)ไข้หนาวสั่น 2)ไอ เจ็บอก ไอเป็นเลือด 3)หอบเหนื่อยหมดแรงถึงขั้นช็อกได้

มีอยู่ 2 เรื่องที่ขอหมายเหตุไว้คือเรื่อง "ไข้" กับ "ต่อมน้ำเหลืองโต" นั้น ถ้าไม่มีก็ไม่ได้หมายความว่าจะสบายใจได้ไม่เป็นแน่นอนนะครับ ที่ไม่อยากให้ชะล่าใจเพราะว่าท่านผู้อาวุโสหรือภูมิไม่ดีจะไม่มีไข้ได้แล้ว ถ้าทิ้งไว้เชื้อกาฬโรคก็จะกระจายหมายหัวไปตามอวัยวะสำคัญหมดจนสุดที่จะรักษา ได้ครับ

เคล็ดเผด็จศึกกาฬโรค

”ต้องดื่มน้ำ ไว้ จะได้ไม่ป่วย” เพราะโรคร้ายนี้ในยุโรปยุคอดีตถือเป็นโรคที่แม้พูดก็ยังห้ามพูดเลย เพราะเหตุว่ากลัวจะติดกันได้ ด้วยยังไม่รู้จักผู้ร้ายตัวจริง แต่พอครั้นถึงยุคราว 100 ปีก่อนที่สถาบันปาสเตอร์จับผู้ร้ายตัวจริงได้แล้วประกาศออกมาก็มีการหายา รักษากันขนานใหญ่ ซึ่งยาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ได้แก่ยากลุ่มเดียวกับที่ใช้รักษา "วัณโรค" หรือรักษาอาการ "ติดเชื้อในช่องท้อง" ผนวกด้วยการรักษาตามอาการ

การรักษาด้วยวิธี

1)ให้ยาฆ่าเชื้อ

2)ให้น้ำเกลือถ้ากินไม่ได้

ดัง นั้นหากท่านพยายามกินให้ได้ยามป่วยไข้ก็จะเป็นการช่วยป้องกันโรคได้อยู่ไม่ น้อยครับ ได้แก่การกินอาหารร้อนๆ ใหม่ๆ อย่างข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว หรือถ้ากินแทบไม่ไหวเลยถ้าได้เป็นน้ำซุปก็ยังดีครับ ซุปไก่ ซุปหมู ซุปหัวหอมซึ่งมีธาตุต้านโรคอยู่ หรือแม้น้ำเขียวน้ำแดงธรรมดานี้ก็มีน้ำตาลช่วยให้กระชุ่มกระชวยไม่ระทดระทวย ชวนป่วยใจด้วย และที่สำคัญเลยก็คือให้ถือว่า “โรคมาได้เองมันก็ไปได้เอง” ถ้าไม่ยอมแพ้จนเสียสติ และเสียศูนย์ไปเสียก่อนครับ

 

23 ส.ค. 52 เวลา 01:55 1,726 1 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...