เมื่อพูดถึงสายลับสุดเทพแล้วหลายคนคงนึกถึงชายที่เรียกกันว่า “เจมส์ บอนด์” สายลับระดับพระกาฬที่เก่งกาจเหนือมนุษย์ ด้วยความสามารถของเขาทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องราวของสายลับก็มีเพียงแต่ในหนัง แต่อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นจนกว่าจะได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร…คำกล่าวนี้คงสามารถนำมาใช้กับชีวิตสุดบ้าระห่ำของสายลับระดับตำนานทั้ง 10 คนนี้ได้ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ Ian Fleming ลงมือเขียนเรื่องราวของสายลับ 007
10. Sidney Reilly
สุดยอดสายลับแห่งยุค อัติชีวประวัติของเขาถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือโดย Robert Bruce Lockhart เขาคือเจ้าแห่งการโกหกและหลอกลวง ว่ากันว่าเขาทำงานให้กับหลายองค์กรในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นผู้นำการโค่นล้มรัฐบาล Bolshevik ในรัสเซีย และได้รับคำสั่งให้ลอบสังหารผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิสคนแรกของโซเวียตอย่างเลนิน และเขายังสามารถลักลอบข้ามพรมแดนหลายประเทศได้โดยไม่เคยถูกจับแม้แต่ครั้งเดียว
9. Nancy Wake
Nancy Grace Augusta Wake สายลับจากหน่วย British Special Operations Executive หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม MI5 เธอเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของการโค่นล้มเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สายลับสาวผู้นี้สร้างความเจ็บแสบให้กับนาซีจนถึงขนาดถูกตั้งค่าหัวไว้ที่ 30 ล้านบาท Wake เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการที่มีสมาชิก 7,000 คน แต่สามารถสู้กับหน่วย SS ของเยอรมันกว่า 20,000 คนได้อย่างสบายๆ พวกเขาพิชิตหน่วย SS ได้มากกว่า 1,400 คนโดยที่หน่วยของตนบาดเจ็บเพียง 100 คนเท่านั้น
8. Oleg Penkovsky
7. Violette Szabo
เรื่องราวชีวิตของสายลับส่วนใหญ่มักจะไม่จบลงอย่างสวยงาม เช่นเดียวกับ Violette Szabo สายลับผู้ปฏิบัติภารกิจบุกทะลวงนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอถูกทหารนาซีจับกุมและส่งตัวไปยังค่ายกักกัน Ravensbrück ในระหว่างทำหน้าที่สายลับให้กับ SOE เธอปลอมตัวเป็นพยาบาลและคอยส่งข่าวสารมากมายกลับไปยังองค์กร Violette ถูกจับได้ในภารกิจที่ 3 แต่เธอได้ใช้ความสามารถเฮือกสุดท้ายปลิดชีพและทำร้ายทหารเยอรมันบาดเจ็บไปหลายนาย
6. Wilfred Dunderdale
Wilfred Albert “Biffy” Dunderdale นาวิกโยธินอังกฤษและสายลับผู้มีความสามารถจนถึงขนาดควบคุมเครือข่ายสายลับด้วยตนเอง เขาทำงานให้กับ SOE และ MI5 และเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับฝรั่งเศสและโปแลนด์ในช่วงสงครามโลก เขาพูดภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่วจึงถูกส่งตัวไปทำภารกิจที่ Sevastopol หลายครั้ง และเป็นหัวหน้า Secret Intelligence Service สาขาปารีสในช่วงปี 1930
5. Tony Mendez
เจ้าหน้าที่ CIA ผู้ได้รับฉายาว่า “เจ้าแห่งการปลอมตัว” ภารกิจที่โด่งดังที่สุดภารกิจหนึ่งของเขาคือการปลอมตัวชายชาวเอเชียและเจ้าหน้าที่ CIA ผิวสีให้ดูเหมือนนักธุรกิจชาวยุโรปเพื่อเลี่ยงการจับพิรุธจากเจ้าหน้าที่ของประเทศลาว นอกจากนี้เขายังเคยลักลอบนำตัวประกันชาวแคนาดาและอเมริกันออกจากประเทศอิหร่าน ทำเอกสารปลอมแปลงให้ตัวประกันและเพื่อนสายลับจนกระทั่งสามารถพาพวกเขาออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเรื่องของเขาถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์อย่างเรื่อง Argo อีกด้วย
4. William Stephenson
Ian Fleming เคยให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องราวของ เจมส์ บอนด์ นั้นมาจากแรงบันดาลใจของสายลับตัวจริง หนึ่งในนั้นคือ William Stephenson ชายชาวแคนาดาผู้เป็นทั้งทหาร นักบิน นักธุรกิจ นักลงทุน แชมป์มวย และสายลับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลงานที่โดดเด่นของเขาคือการเปิดองค์กรฝึกสายลับซึ่งต่อมาได้กลายเป็น CIA นอกจากนี้เขายังเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดีโรสเวลต์
3. Virginia Hall
Hall เป็นหญิงสาวพิการที่ประสบอุบัติเหตุจนขาขาดไปหนึ่งข้างในระหว่างปฏิบัติภารกิจ แต่สามารถทำหน้าที่สายลับให้กับ SOE ได้อย่างดีเยี่ยม เธอแทรกซึมเข้าไปในฝรั่งเศส ค้นหาเซฟเฮ้าส์ ช่วยเหลือสายลับคนอื่น และฝึกฝนหน่วยคอมมานโดด้วยสำหรับปฏิบัติการรุกรานนอร์มังดี นาซีถึงกับตั้งฉายาให้เธอว่า “สายลับฝ่ายสัมพันธมิตรที่อันตรายที่สุด”
2. Richard Sorge
สายลับจากอังกฤษที่ว่ากันว่ารู้ความลับทุกอย่างของฝ่ายอักษะ เขาทำหน้าที่ควบคุมเครือข่ายสายลับทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นรวมถึงเครื่อข่ายสายลับยุโรปที่อยู่ในโตเกียว เขาล้วงความลับทุกอย่างของญี่ปุ่นและเยอรมนีได้โดยที่ไม่เคยถูกจับได้เลยไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการเพิร์ลฮาร์เบอร์หรือแผนการยึดครองสหภาพโซเวียต ภารกิจทั้งหมดที่เขาปฏิบัติคือส่วนสำคัญที่ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถโค่นล้มนาซีได้ Ian Fleming ได้พูดถึง Richard Sorge ด้วยตัวเองว่า “ชายที่ผมยกย่องให้เป็นสายลับที่น่าเกรงขามที่สุดในประวัติศาสตร์”
1. Ian Fleming
แน่นอนว่าผู้ที่จะสามารถประพันธ์นวนิยายสายลับอย่างถึงใจขนาดนี้ถ้าไม่เป็นสายลับเสียเองก็คงจะไม่สามารถทำได้ หนังสือของเขามาจากประสบการณ์ทั้งหมดที่มีจากการรับราชการในแผนกข่าวกรองของกองทัพเรืออังกฤษ การทำข่าวให้กับศูนย์ข่าวรอยเตอร์สเกี่ยวกับการจารกรรมที่รัสเซีย รวมทั้งความใกล้ชิดกับสายลับระดับเทพคนอื่นๆ เอียนยังเป็นเพื่อนกับนักเขียนชื่อดังอีกคนหนึ่ง โรอัล ดาห์ล ซึ่งก็เป็นสายลับเช่นเดียวกัน เอียนได้ปฏิบัติภารกิจในแผนการ Operation Goldeneye ของฝ่ายสัมพันธมิตรในการป้องกันการรุกรานสเปนจากนาซี และหลังจากสงครามจบเขาก็เริ่มเขียนนิยายเกี่ยวกับสายลับจนออกมาเป็นผลงานระดับโลกอย่าง “เจมส์ บอนด์”
ที่มา: whatculture