เป็นเรื่องที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากเมื่อมีการแชร์คลิปที่เป็นคลิปของคนขับแท็กซี่คนหนึ่งที่เหมือนว่ากำลังพยายามช่วยตัวเองทั้งๆที่มีผู้โดยสารอยู่บนรถ หลังจากมีการแชร์ก็ไปแล้วก็มีคนส่วนใหญ่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอกันไปต่างๆนาๆ พร้อมกับด่าคนขับแท็กซี่คนนี้ว่าเป็น "ไอ้หื่น" และ "ไอ้โรคจิต"แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกผันเมื่อ คุณสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก ได้ออกมาบอกว่า แท็กซี่ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการคันตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบ พร้อมได้นำเอกสารใบรับรองแพทย์มาประกอบคำชี้แจง และยังเปิดให้ดูร่องรอยบริเวณขาหนีบและ ลำตัว จึงได้บันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน และกำชับให้เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้แสดงท่าท่างที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้อีกต่อไป
จากในเรื่องการแชร์ข่าวในโลกโซเชียลแล้วถูกบรรดาชาวเน็ตต่างๆพิพากษาและลงโทษบุคคลนั้นๆว่าไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ทำให้คิดย้อนไปถึงเรื่องที่ถูกชาวเนตพิพากษาว่าเป็นคนผิดเป็นจำเลยสังคมไปทั้งๆที่ยังไม่รู้ความจริง เป็นเรื่องของชายที่ถูกกล่าวหาว่าติดกล้องไว้ที่รองเท้าเพราะด้วยลักษณะของรองเท้าที่เป็นรูเพื่อแอบถ่ายใต้กระโปรงสาวๆ บนรถไฟฟ้า BTS จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก จนเพื่อนของหนุ่มรองเท้าเป็นรูต้องออกมาชี้แจงให้ฟังว่า เพื่อนของตนต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า BTS ทุกวัน ส่วนรองเท้าที่เป็นรูนั้น เพราะโดนสะเก็ดเชื่อมแอร์จากการทำงาน แน่นอนว่าจากเรื่องนี้สงผลให้ชายคนนั้นต้องหยุดขึ้นรถไฟฟ้า BTS เป็นรถแท็กซี่แทน
เอาจริงๆก็ไม่ได้มีแค่ 2 เหตุการณ์นี้ที่เป็นโซเชียลมโน ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เอาไว้เป็นอุทาหรณ์สนใจคนเล่นโซเชียลที่มักจะชอบแชร์เรื่องราวต่างๆโดยยังไม่ได้รู้เหตุการณ์ที่แท้จริงจนในบางครั้งผู้ที่อยู่ในคลิปก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆและถูกสังคมพิพากษาว่าเป็นคนไม่ดี เพราะฉะนั้นควรจะใช้สติและไตร่ตรองก่อนจะแชร์ข่าว
ที่มา: http://socialnews.teenee.com/drama/1098.html