อีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญของโลก เมื่อพ่อขังและข่มขืนลูกสาวไว้ใต้ดินนานกว่า 24 ปี โดย "โจเซฟ ฟริตเซิล" ชายชาวออสเตรียวัย 73 ปี ที่เป็นอดีตวิศวกรไฟฟ้าในเมืองอัมสเต็ตเทนได้จับตัว "อลิซาเบธ" ลูกสาวแท้ๆ ขังไว้ในห้องใต้ดินตั้งแต่อายุ 18 ปี และกว่าที่จะได้รับการช่วยเหลือก็ตอนที่เธอมีอายุ 42 ปี
โดยฟริตเซิลและภรรยามีลูกทั้งหมด 7 คน อลิซาเบธเป็นลูกสาวคนที่ 4 เธอถูกพ่อข่มขืนครั้งแรกตอนอายุ 11 ปีและถูกคุกคามทางเพศเรื่อยมา จนตอนที่เธออายุ 18 ปี เธอก็ถูกพ่อวางยาและจับขังอยู่ภายในห้องใต้ดิน แถมขู่ด้วยว่าเขาวางระเบิดไว้ถ้าเธอพยายามจะหลบหนีระเบิดจะทำงานทันที
ซึ่งช่วงที่เธอถูกขังในห้องใต้ดินนั้นเธอไม่เคยเห็นโลกภายนอกหรือแสงตะวันเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังถูกพ่อของเธอข่มขืนทุกวันจนตั้งท้องและคลอดลูกชาย - หญิงกว่า 6 คน ส่วนท้องสุดท้ายที่เป็นลูกแฝดนั้นหลังเกิดมาได้ไม่นานก็เสียชีวิต ดังนั้นฟริตเซิลจึงนำศพเด็กทารกฝาแฝดไปโยนเข้าเตาไฟป่นเพื่่อทำลายหลักฐาน
โดยเด็ก 3 คนถูกขังตัวไว้กับอลิซาเบธในห้องใต้ดิน ส่วนเด็กอีก 3 คนนั้นถูกนำขึ้นมาเลี้ยงไว้ภายในบ้านเหมือนกับเด็กคนอื่น โดยฟริตเซิลอ้างว่าเป็นลูกของลูกสาวที่เลี้ยงไม่ไหวจึงนำมาให้เขาเลี้ยง
ส่วนสาเหตุที่ไม่มีคนสงสัยการหายตัวไปของอลิซาเบธก็เพราะช่วงแรกที่เธอถูกขังไว้ในห้องใต้ดิน ฟริตเซิลก็วางแผนไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกสาวหายตัวไป หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา เขาก็บังคับให้เธอเขียนจดหมายว่าเธอหลบหนีไปเข้าร่วมกับลัทธิหนึ่งและไม่ต้องการให้ใครตามหาตัว...
และน่าแปลกใจมากที่ไม่มีใครทราบเรื่องเลวร้ายนี้เลย ทั้งๆ ที่ภายในบ้านที่ฟริตเซิลอาศัยนั้นมีทั้งภรรยาของเขา และผู้เช่าอาศัยอีกหลายคน รวมถึงเพื่อนข้างบ้านด้วย อาจเป็นเพราะฟริตเซิลมีนิสัยเผด็จการแม้แต่ภรรยาก็ไม่กล้าขัดใจ ทั้งเขายังกำชับผู้เช่าทุกคนไม่ให้เข้าไปยุ่งกับห้องใต้ดินและสวนหลังบ้านเด็ดขาด
แต่หลังจากผ่านมา 24 ปี ลูกคนโตวัย 19 ปีที่เกิดกับลูกสาวของเขาก็ล้มป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และแพทย์ต้องการสอบถามอาการอื่นๆ จากแม่ของเด็กด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องพาตัวอลิซาเบธที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมานานกว่า 24 ปี มาที่โรงพยาบาล
เและในขณะที่แพทย์กำลังสอบถามอาการของเด็ก แพทย์ก็สังเกตเห็นว่าอลิซาเบธมีพฤติกรรมหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทั้งฟริตเซิลยังมีความกระวนกระวายผิดปกติอีกด้วย ดังนั้นแพทย์จึงแจ้งตำรวจและเรื่องทั้งหมดก็ถูกเปิดเผย
โดยอลิซาเบธอยู่ในสภาพร่างกายผอมแห้ง ผิวหนังซีดเผือด ทั้งสภาพจิตใจยังย่ำแย่มากอีกด้วย และในขณะที่ตำรวจสอบปากคำ เธอก็ให้ตำรวจรับปากกับเธอว่า เธอจะไม่ได้พบหน้าพ่อของเธออีก รวมถึงขอให้ตำรวจช่วยดูแลลูกๆ ของเธออีกด้วย
ซึ่งเด็ก 2 คนถูกช่วยเหลืออกมาจากการกักขังในห้องใต้ดิน และน่าสลดใจมากเพราะเด็กทั้งสองคนไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเลย เมื่อมาพบเจอกับอาคารและรถในเมืองก็แสดงอาการตื่นเต้นจนเจ้าหน้าที่อดเวทนาไม่ได้ โดยเด็กทั้งหมดอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลสภาพจิตใจ...
หลังจากนั้นอลิซาเบกับลูกทั้ง 6 คนของเธอก็อยู่ในความดูแลของจิตแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับตัวให้ค่อยๆ สัมผัสกับโลกภายนอก รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังทำการเปลี่ยนชื่อให้อลิซาเบธและลูกของเธอทั้ง 6 คน รวมทั้งพี่น้องของเธอทั้ง 6 คนอีกด้วย แต่ก็คงยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ นอกจากนี้ตำรวจยังเชื่ออีกด้วยว่าภรรยาของฟริตเซิลมีส่วนสมรู้ร่วมคิดกับเหตุการณืเลวร้ายดังกล่าว แม้ว่าเธอจะยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง
และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปสำรวจห้องใต้ดินก็พบว่า มันเป็นห้องใต้ดินที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ และสร้างด้วยซีเมนต์หนา รวมถึงใช้วัสดุเก็บเสียงอย่างดี มี 2 ห้องนอน ทั้งยังมีห้องน้ำ ห้องอาหาร และห้องทำงาน ประตูเปิด-ปิดด้วยระบบอิล็กทรอนิกส์ซึ่งมีเพียงฟริตเซิลเท่านั้นที่รู้รหัสผ่าน
หลังจากที่เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวถูกเปิดเผยผู้คนทั้งเมืองต่างก็ตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ โดยเฉพาะผู้ก่อเหตุเป็น "ฟริตเซิล" ชายแก่ที่ดูไม่มีพิษมีภัย แต่กลับกลายเป็นคนโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ซึ่งทางตำรวจคาดว่าที่ไม่มีใครสงสัยเรื่องการซื้อของใช้ต่างๆ อาจเป็นเพราะเขาขับรถไปซื้อยังพื้นที่อื่น
"อัลเฟร็ด ดูบานอฟสกี" พนักงานสถานีบริการน้ำมันวัย 42 ปี ที่เคยเป็นผู้เช่าห้องพักอยู่ที่ชั้น 1 ในบ้านฟริตเซิลยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ฟริตเซิลตั้งกฎไม่ให้ผู้เช่าเข้าไปยุ่งกับห้องใต้ดินและสวนหลังบ้าน และฟริตเซิลก็มักจะหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งเขายังเคยได้ยินเสียงเคาะแปลกๆ ดังมาจากใต้พื้นห้อง แต่เขาไม่เคยสนใจหรือเอะใจมาก่อนว่าจะเป็นเสียงของอลิซาเบธขอความช่วยเหลือ หลังรู้เรื่องราวดังกล่าวทำให้เขาอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขเป็นอย่างมาก
โดยก่อนหน้านี้ฟริตเซิลเคยถูกจับในคดีข่มขืนมาแล้วแต่ติดคุกไม่นานก็ออกมาอยู่ในสังคมได้ปกติ ทั้งในปีพ.ศ. 2529 เขายังเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม มาตินาร์ พอสช์ หญิงสาววัย 17 ปี ที่ถูกฆ่ายัดศพใส่ถุงพลาสติกทิ้งไว้ในเขะทะเสาบมอนด์ซี เนื่องจากจุดพบศพอยูใกล้กับโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ฟริตเซิลเคยเป็นเจ้าของ ทั้งมาตินาร์ยังมีหน้าตาคล้ายกับอลิซาเบธมากอีกด้วย แต่ก็ไม่พบหลักฐานที่จะเอาผิดฟริตเซิลในคดีนั้นได้
จนกระทั่งเขามาก่อเหตุกักขังและข่มขืนลูกสาวตนเอง ทั้งยังเผาอำพรางศพทารกแฝด ทำให้ฟริตเซิลถูกตัดสินความผิดในข้อหาข่มขืนและกักขังหน่วงเหนี่ยวมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีตามกฎหมายออสเตรีย
แต่ที่ที่ฟริตเซิลถูกขังนั้นไม่ใช่คุกแต่เป็น "โรงพยาบาลจิตเวชในกรุงเวียนนา" ที่มีสภาพความเป็นอยู๋ดีกว่าคุกหลายเท่าเลยทีเดียว และถ้าเขาติดคุก 15 ปี เขาก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอผ่อนผัดลดโทษจำคุกได้อีกด้วย ดังนั้นเขาอาจติดคุกจริงๆ เพียงแค่ 14 ปีกว่าเท่านั้น แต่ลูกสาวของเขากลับต้องถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินนาน 24 ปีแถมถูกข่มขืนทุกวันอย่างโหดร้าย มันช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ....
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "soccersuck"