พิธีศพ
แห่งเวหา ( Sky burial )
ชาว ธิเบตมีแนวทางในการประกอบพิธีศพ อยู่ 5 แนวทางคือ
พิธีศพโดยการลอยน้ำ ( Water Burial ) ก็จะนำศพผู้เสียชีวิตนำไปลอยน้ำในแห่งน้ำ สระ ศพจะเน่าสลายไป หรือบางส่วนก็ถูกปลากิน จึงเป็นเหตุว่าทำไมชาวธิเบตจึงไม่กินปลา พิธี ศพโดยการเผา ( Fire Burial ) จะเป็นพิธีศพของผู้มีอันจะกิน เนื่องจากไม้สำหรับเผา และน้ำมันมีราคาแพงมาก และยังหาได้ยากยิ่งสำหรับธิเบต พิธีศพโดยการฝัง ( Earth Burial ) ก็เหมือนทั่วไปแต่เนื่องจากธิเบตเป็นเทือกเขาสูง พื้นดินส่วนมากจึงเป็นหินแข็งการฝังจึงทำได้ยากลำบาก พิธี ศพโดยการดองศพ ( Embalming ) โดยการใส่ศพลงในโลงขนาดใหญ่ พร้อมกับเกลือประมาณ 3 เดือน โดยมากจะประกอบพิธีศพประเภทนี้กับ ลามะ นักบวชเท่านั้น พิธี ศพแห่งนภา ( Sky Burial ) จึงเป็นพิธีศพที่บุคคลทั่วไปมักจะประกอบพิธีศพให้แก่ญาติมิตรที่จากไปเนื่อง จากทำได้ง่าย และประหยัด
ภาพ ซ้ายเป็นภาพจากหนังสือ และขวาเป็นรูปเครื่องมือที่ใช้ประกอบพิธีศพแห่งนภา
ขั้นตอนพิธีศพแห่งนภา ( Sky Burial )
หลังจากเสียชีวิต จะนำศพไปที่วัด ทำ การ หันศพเป็นชิ้น โดยพระ หรือชนชั้นสูง หลังจาก หันเป็นชิ้นๆ พระจะทำการลับมีกับหิน พร้อมกับเดินวนรอบศพ พร้อมท่องมนต์ แล้วทำการเลอะเนื้ิอออกจากกระดูก ส่วนกระดูกจะถูก ทุบให้แตกเป็นชิ้น ด้วยด้วยค้อน หรือสันขวาน และผสมแป้ง Tsampa ซาก ศพชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งหมดจะถูกทิ้งไว้ให้นกแร้งกิน และนำพาพวกเขาขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ภาพการประกอบพิธีศพแห่งนภา อาดจะสยอง แต่มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกนี้
เท้าดอกบัว ( Foot
Binding )
Foot Binding เท้าดอกบัว เป็นค่านิยมของหญิงงามชาวจีนในยุคศตวรรษที่ 10 และได้เสื่อมความนิยมลงในยุคศตวรรษที่ 20 เมื่อเด็กหญิงชาวจีนทีมีอายุประมาณ 3 - 6 ขวบ จะถูกมัดเท้าด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย อย่างแน่นหนา เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เท้าเจริญเติบโตตามปกติ แต่เนื่องจากเท้ายังคงมีการเจริญโตอยู่ สิ่งที่ได้ก็คือการทำให้เท้าเกิดการเจริญเติบโตอย่างผิดรูป ทำให้เท้าของพวกเธอมีขนาดเพียง 10 -15 เซ็นติเมตรเท่านั้น และหญิงสาวที่มีเท้าเล็กมากจะได้รับการยกย่องว่าเป็น "เท้าดอกบัวทอง"
ขั้น ตอนการทำเท้าดอกบัว
เท้าจะถูกชโลมด้วย น้ำยาออุ่นสูตรพิเศษ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และเลือดสัตว์ น้ำยานี้จะทำให้เท้าอ่อนลงเพื่อง่ายต่อการมัดเท้าให้เล็ก เล็บ เท้าจะถูกถอดออก เพื่อป้องกันการงอกใหม่ และป้องกันการติดเชื้อที่บริเวณนิ้วเท้า นิ้วเท้า ทั้งแปดจะถูกหักลง ยกเว้นนิ้วโป้ง แล้วห่อมัดเท้าให้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการ
รูป ซ้ายลักษณะการห่อเท้า รูปขวาลักษณะเท้าที่ผิดรูปไปจากการห่อเท้า
กำเนิดและความเชื่อเรื่องเท้าดอกบัว
ที่มาที่ไปของการรัดเท้านั้น มีเรื่องเล่าว่า ในยุคต้นศตรวรรษี่ 10 จักรพรรดิ Li Yu แห่ง ราชวงศ์ถัง ได้สั่งให้นางทาสรัดเท้าของเธอด้วยผ้าไหม และขึ้นไปร่ายรำบนเวทีที่โรยด้วยดอกบัวทอง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ประเพณีการรัดเท้ากับดอกบัวทองจึงเป็นของคู่กันมา
บางกระแส ก็บอกว่า การรัดเท้าเป็นแผนที่ผู้ชายสมัยนั้นคิดขึ้นได้อย่างแยบยล เนื่องจาก ในสมัยนั้นจักรพรรดิเกรงว่า เหล่านางสนม นางบำเรอ ที่มีเท้าปกติดี จะหลบหนีออกนอกวังได้อย่างสะดวก สบาย อย่ากระนั้นเลย คิดแผนนี้ขึ้นมาดีกว่า และก็ได้ผลจริงๆด้วย บางกระแส ก็มีความเชื่อที่ว่า การรัดเท้านั้นจะทำให้อวัยวะเพศอวบอูม เป็นที่รักใคร่ของสามี มีความเชื่อว่าผู้หญิงที่ มีเท้าเล็กจะมีผู้ชายที่ดีๆ ร่ำรวยมาสู่ขอ รวม รูปภาพ เ้ท้าดอกบัว
รูป ซ้ายเป็นรูปเปรียญเทียบให้ดูเท้าของคนปกติ กับเท้าดอกบัว ภาพนี้ภ่ายเมื่อปี 1902 รูปขวาเทียบให้ดูว่ารองเท้าสำหรับหญิงที่มีเท้าดอกบัว รองเท้าใหญ่หว่าซองบุหรี่เล็กน้อยเท่านั้น
ปัจจุบัน ยังมีหญิงชาวจีนบางคนที่มีเท้าดอกบัวที่ยังมีชีวิตอยู่ แม่เฒ่าในรูปมีชื่อว่า โจวกุ้ยเจิน วัย 86 ปี ชาวหมู่บ้าน หลิวอี้ มณฑลหยุนหนัน (ยูนนาน)
รูป X-Ray กระดูกเท้าที่ผิดรูป พร้อมกับภาพลักษณะกระดูกของเท้าดอกบัว
รอง เท้่าคู่สวย ของหญิงสาวเท้าดอกบัว
มัมมี่ พระญี่ปุ่น
Mummy เป็นหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร เป็นที่สุดแห่งการปฎิบัิติเพื่อการหลุดพ้น(ตามความเชื่อของ นิกาย) แนวทางของพระเหล่านี้มุ่งเน้นที่การหลุดพ้น โดยการ ทรมาน ตนเองอย่างยิ่งยวด และมีความเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อ พระพุทธเจ้าเสร็จกลับมายังโลกอีกครั้ง พระที่เป็นมัมมี่ จะฟื้นคืนชีพมารับเสร็จได้อีกครั้ง มาดูแนวทางการปฏิบัติเพื่อเป็นมัมมี่ กันดีกว่า (สำหรับผมแล้วผมว่ามันเกินกว่าขีดจำกัดที่มนุษท์ธรรมดาจะปฏิบัิติได้ ถ้าหากขาดซึ่งศรัษา และความเชื่ออย่างแรงกล้า)
วิธี ปฏิบัติตน เพื่อเป็นมัมมี่พระ
รูป ชุดเครื่องแต่งกายพระขณะฝึกตนในป่า
รูป แบบร่างสุสานใต้ดินที่พระใช้เก็บตัวในวาระสุดท้าย
การทำโทษ โดย การปาหิน
( Stoning )
รูป คู่เกย์ ชาวอีรักสองคนที่กำลังถูกชาวบ้านที่บ้าคลั่งกำลังปาหินใส่จนเสียชีวิต หากใจแข็งพอดูคลิปวีดีโอได้ตาม Link ข้างล่างบอกตรงว่าดูแล้วหดหู่สุดตอนแรกว่าจะ Post ขึ้นบล็อกแต่มันโหดร้ายมากเลยไม่เอาดีกว่า
http://kamangir.net/2007/10/04/woman-to-be-stoned-we-have-to-stop-it/