1. คนจบจากสถาบันดัง เรียนสูง เกรดดี มีโอกาสมีอีโก้มากเกินไป
Google เปรียบคนที่เรียนเก่งมากๆ เมื่อทำงานอาจกลายเป็นคนจับจดทำอะไรไม่จบเพราะมัวขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบชนิดผิดไม่ได้ และยอมให้คนอื่นติติงเห็นต่างไม่ได้
Google ต้องการคนที่มีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะน้อมรับความเห็นและถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าเสมอ หากเปรียบกับวลีไทยๆ ก็คือ คนที่ทำตัวเป็นน้ำพร่องแก้วย่อมมีที่ให้เติม แต่คนที่เป็นน้ำเต็มแก้วนั้นสอนหรือเรียนรู้อะไรอีกไม่ได้เลย
2. คนที่สร้างผลงานและมีประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบคือทรัพยากรบุคคลที่มีค่ามาก
คนเก่งๆ ที่ประสบความสำเร็จ มีผลงาน มีประสบการณ์ โดยที่เรียนไม่จบมีมากมายแต่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เราไม่สามารถใช้วิธีเข้าไปสรรหาพวกเขาตามสถาบันชั้นนำแบบที่บริษัทใหญ่ๆในอดีตนิยมทำ (ตั้งโต๊ะซื้อตัวหน้ามหาวิทยาลัยในฤดูจบการศึกษา)
หลายทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาในระบบอันแพงลิ่วก็ไม่ส่งมอบผลิตผลบัณฑิตที่มีคุณภาพได้ตามปรัชญามาแต่ไหนแต่ไร บัณฑิตจำนวนมากจบมาพร้อมกับหนี้สินและความรู้ที่ไม่สามารถนำไปหาเงินใช้หนี้ให้ตัวเองได้
ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่ Google เจอคนเก่งๆ ที่ปรากฏตัวอยู่นอกระบบการศึกษา มันเปรียบเสมือนการเจอของจริงที่ต้องล่าพามาเป็นทรัพยากรบุคคลของบริษัทให้ได้
3. ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วมีความสำคัญกว่า IQ
Bock บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในสถาบันการศึกษาในระบบไม่อาจเป็นหลักประกันได้ว่าจะเป็นคนทำงานเก่ง ทั้งนี้สภาพแวดล้อมในรั้วมหาวิทยาลัยถูกจัดวางมาเสมือนห้องทดลอง เขาเรียกว่า “artificial environment” อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดมาแล้วและนักศึกษาก็ถูกสอนให้คิดแบบเป็นเส้นตรงและอยู่ในกรอบ
สำหรับกูเกิ้ล… ความฉลาดแบบ IQ มีความสำคัญน้อยกว่าความสามารถในการเรียนรู้เร็วแบบเรียนไปทำไปปรับตัวไป! พวกเขามองหาคนที่มีความสามารถในการคิดและจับต้นชนปลายข้อมูลดิบต่างๆ ที่แตกกระจายเป็นส่วนๆ มาตกผลึกทางความคิดและสร้างแนวทางการทำงานหรือแก้ปัญหาได้ โดยมีแบบทดสอบเพื่อใช้พิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเรียกว่า structured behavioral interviews...