ประวัติความเป็นมาของ "ชา"
วันนี้ ชาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันมากในสหราชอาณาจักร คนอังกฤษดื่มชากันมากกว่า 14 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งก็ประมาณ 4 ถ้วยต่อวัน ประเทศที่ส่งออกชามากที่สุดในโลกคืออินเดียและศรีลังกา และมากกว่าครึ่งหนึ่งของชาที่ส่งออก ถูกดื่มโดยประเทศที่อยู่ในสหราชอาณาจักร
ชาวอังกฤษไม่ใช่ชาติแรกที่ดื่มชา หากแต่จะเป็นชาวจีนที่ได้ดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ฉ่า" หรือ "เต๊" มาก่อนอย่างน้อย 4000 ปีก่อนที่ชาจะถูกส่งเข้าลอนดอนเป็นครั้งแรกในทศวรรษที่ 1630 ชาได้ถูกดื่มเป็นครั้งแรกโดยจักรพรรดิ์ เฉิน หนาง ของจีน ในปี 2737 ก่อน ค.ศ. จักรพรรดิ์ได้ออกเดินทาง และได้หยุดพักในบริเวณพุ่มไม้ ในขณะที่กำลังต้มน้ำไว้สำหรับดื่มอยู่นั้น ใบไม้ซึ่งต่อมานักพฤษศาสตร์เรียกมันว่า Cameillia sinesis หรือใบชา ก็ได้ปลิวตกลงไปในหม้อต้มน้ำขององค์จักรพรรดิ์ เมื่อจักรพรรดิ์ได้ดื่มน้ำ ก็ทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก และชาก็เป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชาวอังกฤษยังคงใช้คำแสลงในการพูดว่า "ชา" สำหรับชา ซึ่งมีการออกเสียงคล้ายคลึงกับภาษาจีนว่า "ฉ่า"
ชาวอังกฤษคนแรกที่เดินทางมาถึงประเทศจีนคือ กัปตัน เวดเดล ซึ่งเดินเรือมาถึงท่าเรือที่มาเก๊า ในปี ค.ศ.1637 ต้องการที่จะเข้ามาทำการค้ากับประเทศจีน แต่เขากลับไม่เป็นที่ต้อนรับของชาวโปรตุเกสและชาวจีนนัก และการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น โดยอังกฤษมีเรือรบและปืนที่ทรงอนุภาพมากกว่า และในที่สุด กัปตัน เวดเดล ก็ได้รับอนุญาตในทำการค้าขายและเดินเรือกลับไปยังลอนดอนพร้อมกับสินค้าจำนวนมาก รวมไปถึงสิ่งที่เรียกว่า ชา ด้วย ซึ่งมันก็คือน้ำเปล่าที่มีสมุนไพรชนิดหนึ่งต้มอยู่ด้วย
หลายปีต่อมา น้ำที่มีสมุนไพรต้มอยู่ด้วยนี้ ยังไม่ได้ขายในสหราชอาณาจักร จนกระทั่งปี ค.ศ.1662 กษัตริย์อังกฤษคือ พระเจ้าชาลที่ 2 ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงโปรตุเกสคือ แคทเธอลีน แห่งบากันซา ผู้ซึ่งนำความโชคดีมาสู่ลอนดอน ธุรกิจการขายชาเริ่มเกิดขึ้น ทำให้การดื่มชากลายเป็นสิ่งที่นิยมกันในลอนดอนและในที่สุดก็ขยายไปทั่วทั้งเกาะอังกฤษ