(22ส.ค.) ร.ต.ท.ธัญญะ จันทร์ลองภาส ร้อยเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุขบวนรถไฟโดยสารเที่ยวเช้า-ออกเดินรถจากสถานีต้นทางสายปราจีน -กรุงเทพฯ พุ่งเฉี่ยวชนรถยนต์เก๋งพังเสียหายยับเยิน ที่บริเวณถนนทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ตัดกับ ถนนสายคลองหลวงแพ่ง-คลองอุดมฯ พื้นที่ ม. 7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งสภาพใหม่ ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบอนด์เทา ทะเบียน ษจ- 2669 กทม. ถูกรถไฟชนจนได้รับความเสียหายยับเยินทั้งคัน นอนตะแคงข้างติดอยู่กับรั้วกั้นแนวเขตรถไฟ ที่เกิดเหตุอยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟย่อย คลองอุดมชลจร ด้านฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 500 เมตร มีนายวสันต์ ทั่งจันทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103/309 ต.คลองอุดมชลจร ซึ่งเป็นคนขับยืนข้างรถ โดยมีกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามายืนมุงดูอยู่เป็นจำนวน มาก

โดยต่างวิจารย์ถึงความน่าประหลาดใจ ที่คนขับรถเก๋งไม่ได้รับอันตราย หรือบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด หลังถูกรถไฟขบวนยาวพุ่งชนจนรถยนต์เก่งพังเสียหายยับเยินทั้งคัน ซึ่งที่เกิดเหตุมีเพียงถังกาวตัวอย่างที่ถูกบรรทุกใส่มาในรถแตก จนมีกาวน้ำสีขาวนวลไหลออกมานองเต็มพื้นรางรถไฟ

จากการสอบสวนนายวสันต์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นเซลล์แมนจำหน่ายกาวอุตสาหกรรม หลังขับรถออกจากบ้านในหมู่บ้านพฤกษา 27 ในเขต ต.คลองหลวงแพ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปติดต่อจำหน่ายกาวให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ย่านจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุบริเวณทางข้ามทางรถไฟ ได้หยุดชะลอรถ เพื่อที่จะมองดูรถไฟทั้งด้านซ้ายและขวาก่อนที่จะข้ามทาง

แต่ได้ถูกขบวนรถไฟที่พุ่งออกมาทางด้านขวา ซึ่งมีพุ่มไม้ขึ้นรกบกคลุ่มบดบังจนมองไม่เห็นรถไฟที่มาในรางด้านซ้ายสุด จากทั้งหมดมี 3 ราง ขนานกัน เข้าชนรถยนต์ของตนอย่างจัง ก่อนจะเกี่ยวลากรถเก๋งของตนไปตามเส้นทาง และพลิกคว่ำตกลงไปพิงอยู่กับรั้วกั้นเขตรถไฟ นายวสันต์ เล่าถึงนาทีระทึก

"สำหรับสาเหตุที่รอดตายได้ราวกับปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะมีพระดี คือ การตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ” นายวสันต์ กล่าว

ด้าน ร.ต.ท.ธัญญะ กล่าวว่า ผู้ใช้เส้นทางรถยนต์ตัดข้ามกับทางรถไฟต้องเป็นฝ่ายระมัดระวังรถไฟเอง เพราะรถไฟมีเส้นทางมาตามรางของตนเองอย่างชัดเจน แม้จะไม่มีแผงรั้วกั้นขณะขบวนรถไฟเคลื่อนผ่านก็ตาม