คุกเป็นสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังไว้ตามคำพิพากษาของศาล อย่างน้อยก็เพื่อกันผู้ต้องขังออกจากสังคมไปชั่วระยะหนึ่ง แต่ผู้ต้องขังบางรายก็ยังสร้างปัญหาไม่หยุด ล่าสุด มีการซุกซ่อนโทรศัพท์มือถือยัดใส่ทวารหนัก หวังลักลอบเอาเข้าไปใช้ในเรือนจำ แต่ถูกจับได้ด้วยเครื่องตรวจจับโลหะ
ปัญหางานเรือนจำของทุกประเทศ คือ การแก้ไขพฤติกรรมของผู้ต้องขังให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของสังคม ภายนอก รวมถึงการฝึกวิชาชีพ จัดระบบการศึกษา เพื่อไม่ให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกไปทำผิดซ้ำและต้องวนเวียนเข้าออกคุก
การที่จะแก้ไขพฤติกรรมนักโทษ ก็ต้องเข้าใจสังคม วัฒนธรรม และค่านิยมของคนคุก ให้มากกว่าการจำแนกเพียงหยาบๆ ตามประเภทคดี
นักทัณฑวิทยาจึงได้จำแนกประเภทผู้ต้องขังในประเทศไทยออกเป็น 11 จำพวกใหญ่ๆ ดังนี้
เก๋าคุก – เป็นนักโทษที่ติดคุกมานาน จนคุกแทบจะกลายเป็นบ้านของตัวเองไปแล้ว จึงชินชาต่อการถูกจองจำในคุก เพราะต้องวนเวียนเข้าออกอยู่เสมอ ส่วนใหญ่พวกเก๋าคุกจะเป็นนักโทษคดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง และยาเสพติด
ขาใหญ่ – ส่วนหนึ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีเส้น อาจจะเป็นเพราะเคยมีความสนิทกับเจ้าหน้าที่มาก่อน มีผู้ใหญ่หรือนักการเมืองฝากฝังให้ช่วยดูแลให้ได้รับความสะดวกในเรือนจำ ขาใหญ่บางพวกอาจะเป็นผู้ต้องขังที่มีฐานะทางการเงิน คนพวกนี้จะฝากตัวเองกับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับความสะดวกสบายในเรือนจำ และพวกที่เจ้าหน้าที่คัดไว้เป็นผู้ช่วยเหลือหรือสายลับ เพื่อทำงานในหน่วยต่างๆแทนเจ้าหน้าที่ โดยสิ่งที่ขาใหญ่แต่ละประเภทต้องการตรงกันคือ ความสะดวกสบาย และการดูแลคุ้มครอง ใช้ชีวิตในเรือนจำไปวันๆจนกว่าจะได้ออกไป
เบาปัญญา – ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังที่มีฐานะยากจนและไม่มีการศึกษา ไม่ใช่นักโทษในคดีร้ายแรง มักจะถูกหลอกใช้งาน เพราะนักโทษพวกนี้ขยันขันแข็ง ใช้งานง่าย ไม่มีปัญหาต่อระเบียบการปกครองในเรืองจำ คิดว่าการเข้ามาติดคุกเป็นการชดใช้กรรมเก่า
เพี้ยน – เป็นผู้ต้องขังกลุ่มที่สภาพจิตใจไม่สมประกอบ เป็นโรคจิตหรือโรคประสาท ซึ่งมีอยู่ทุกเรือนจำ
หัวหมอ – เป็นนักโทษที่มีการศึกษาดี หรืออาจเคยรับราชการมาก่อน หรือไม่ก็ติดคุกจนรู้ระเบียบเรือนจำและข้อกฎหมายต่างๆจนมีความจัดเจน มักจะทำตัวเป็นทนายความประจำคุก มีอาชีพรับจ้างเขียนคำอุทธรณ์ ฎีกาเกี่ยวกับคดี รวมถึงการให้คำปรึกษาหาลู่ทางต่างๆ
อิทธิพล – ผู้ ต้องขังกลุ่มนี้เคยเป็นผู้มีอิทธิพลมาก่อน ส่วนใหญ่ต้องโทษคดีค้าของเถื่อน หวยเถื่อน จัดหาหญิงไปเพื่อค้าประเวณี จึงมักวางตัวเป็นผู้มีอำนาจ จะสะสมลูกน้องที่เป็นนักเลง มักสร้างปัญหาให้เรือนจำด้วยการแบบเป็นเจ้ามือบ่อนพนันในเรือนจำ
แท็กซึ่ – มัก เป็นผู้ต้องขังที่ถูกญาติตัดขาดไม่มาเยี่ยม ทำให้ขาดแคลนเงินทองสำหรับใช้จ่ายในเรือนจำ จึงหันไปรับจ้างผู้ต้องขังที่มีเงิน พวกแท็กซี่จะทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไปซื้อของ ซักผ้า บีบนวด ล้างส้วม บางรายที่ร่างกายกำยำก็จะรับจ้างเป็นซามูไรตีหัวผู้ต้องขังอื่น
ขี้ยา – ส่วน ใหญ่ต้องคดีเสพยาเสพติดหรือลักทรัพย์ มักรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อหาช่องทางเสพยา ลักขโมยของในเรือนจำ โดยนักโทษกลุ่มนี้จะถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะมักหาช่องทางลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำด้วยวิธีการต่างๆ ถ้าหายาเสพติดไม่ได้ก็จะนำยาแก้ปวด จำพวกพาราเซตามอล หรือนำทินเนอร์จากโรงฝึกอาชีพมาเสพทดแทน โดยพวกขี้ยาจะรับจ้างทำงานคล้ายกับพวกแท็กซี่
พ่อค้า- เป็นนักโทษที่มีฐานะดีอาจจะเป็นกลุ่มอิสระ หรือเป็นลูกน้องของพวกขาใหญ่ พวกพ่อค้าจะไม่สนใจอะไรนอกจากการค้าขายในเรือนจำ วิธีการของพ่อค้าจะรับซื้อของฝากจากญาตินำมากักตุนแล้วขายต่อแบบผ่อนชำระให้ แก่ผู้ต้องขังในเรือนนอน โดยสินค้าที่ตระเวนขานได้แก่ ยาทัมใจ ขนม บุหรี่ รวมถึงของใช้อื่นๆ
น้อง – คือ ผู้ต้องขังที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน อาจเป็นกระเทยมาก่อนติดคุก หรืออาจเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่มาพบพฤติกรรมรักร่วมเพศในเรือนจำ โดยพวกน้องจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้ต้องขังที่มีรสนิยมทางด้านนี้ บางครั้งก็มีการทะเลาะวิวาทแย่งชิงน้อง
เสือเดี่ยว – แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
พวกแรกเป็นผู้ต้องขังในคดีอุกฉกรรจ์ปล้น ฆ่า ต้องโทษหนัก พวกนี้จะวางตัวเงียบไม่ยุ่งกับใคร และจะวางตัวอยู่ในระเบียบรือนจำ ทำงานฝึกอาชีพไปเรื่อยๆ แต่เจ้าหน้าที่จะคอยจับตานักโทษพวกนี้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะพวกนี้จะหางช่องทางหลบหนีแหกหักเรือนจำตลอดเวลา
ส่วนพวกเสือเดี่ยวอีกประเภท เป็นผู้ต้องขังคดีทั่วไป แต่มีพฤติกรรมเก็บตัว ไม่สังสรรหรือวุ่นวายกับใคร
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือหลักทัณฑวิทยา นัทธี จิตสว่าง อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์