สวาซิแลนด์ กษัตริย์เลือกพระชายาสาวบริสุทธฺ์จากระบำต้นกก

ไม่เคยอายที่ใครจะดูถูกเหยียดหยามเราอย่างไร เราก็คือเรา เรามีประเพณีวัฒนธรรมที่ดีสืบทอด
จากบรรพชนซึ่งเราต้องหวงแหนและส่งต่อไป ยังรุ่นลูกรุ่นหลาน”

‘สวาซิแลนด์’
    ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาใต้  ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
มี อาณาเขตติดกับแอฟริกาใต้ประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่ และ โมซัมบิก





ประเทศสวาซิแลนด์ เริ่มก่อตั้งประเทศเมื่อประมาณกลางศตวรรษที่ 18
โดยชนเผ่า Nguni ซึ่งเดิมอยู่แอฟริกากลาง
ได้อพยพเคลื่อนย้าย  ลงมาอาศัยอยู่ทางแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งเป็นราชอาณาจักร สวาซิแลนด์ปัจจุบัน เรียกเผ่าตนเองว่า Swazi
นอก จากนั้น ยังประกอบด้วยชนเผ่าซูลูและชนเผ่า Tsonga– Shangaan
อยู่ภายใต้ การปกครองของกษัตริย์ Ngwane III
ซึ่งถือว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของราช อาณาจักรสวาซิแลนด์ในปัจจุบัน
 


ตามขนบธรรมเนียมของ สวาซิแลนด์นั้น
พระมหากษัตริย์ทรงมีพระชายาเป็นจำนวนมาก
โดยทรง เลือกจากสาวเผ่าต่าง ๆ ทุกเผ่าที่มีในประเทศ
เพื่อให้เกิดความผูกพันกับ ประชาชนเผ่าต่างๆ
อย่างเช่น King Sobhuza II ทรงมีพระราชโอรสและธิดารวมถึง 600 พระองค์
 
King Sobhuza II ในปี ค.ศ. 1981 ครั้งเจ้าหญิงมาการ์เร็ตเสด็จเยือนสวาซิแลนด์

ประเพณี ในการคัดเลือกพระมหากษัตริย์
จะคัดเลือกจากพระมารดาพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งที่มีเพียงพระราชโอรสองค์เดียว
และยังไม่อภิเษกสมรสเป็นผู้ขึ้นครอง ราชสมบัติ
     
ในระหว่างที่ยังไม่มีการสถาปนากษัตริย์ขึ้นครอง ราชย์นั้น
จะให้ Queen Mother เป็นผู้สำเร็จราชการแทน
บุคคลที่เป็นผู้คัดเลือกพระมหากษัตริย์ คือ Inner Council
ซึ่งได้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่อาวุโสไม่จำกัดจำนวน

Queen Mother จึงเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศควบคู่ไปกับพระมหากษัตริย์
หรือ ในกรณีกษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศ
Queen Mother จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
นอกจากนั้น จะเป็นผู้นำประเทศในด้านการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียม
ประเพณีและวัฒนธรรมของ ประเทศ
     
Queen Mother อาจจะเป็นพระราชชนนีของพระมหากษัตริย์  องค์ใหม่ก็ได้
จะเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อกษัตริย์เสด็จสวรรคต
และ จะปกครองประเทศระยะหนึ่งจนกว่าจะมีการสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่

เช่น กรณีของ Queen Mother องค์ปัจจุบันซึ่งมีพระนามว่า Ntombi
(ซึ่งเป็นพระ ราชมารดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน) 
ได้ครองราชย์ภายหลังจาก King Sobhuza II สวรรคตเมื่อ ค.ศ. 1982
จนกระทั่งมีการสถาปนา King Mswati III
ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือน เมษายนในปี ค.ศ. 1986
ได้เสด็จมาเป็นพระราชอาคันตุกะเข้าร่วมฉลองสิริ ราชสมบัติครบ 60 ปี ในครั้งนี้  ด้วย 


สมเด็จพระราชาธิบดีสวา ติที่ 3  แห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์
(His Majesty King Mswati III of the Kingdom of Swaziland)
เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 จากจำนวนพระโอรสทั้งหมด 67 พระองค์
ในสมเด็จพระราชาธิบดีซบบูซา ที่ 2
และ เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในสมเด็จพระราชชนนีเนตอมบี
เป็นพระประมุขตาม ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
 


พระองค์เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2511
ณ กรุงอัมบาบาเน ราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ ปัจจุบันมีพระชนมพรรษา 38 พรรษา (ปี 2549)
ทรงมีพระชายา 12 พระองค์ (ยังมิได้สถาปนาผู้ใดเป็น  พระมเหสี)
มีพระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดา 7 พระองค์
ทรง ศึกษาระดับมัธยมปลายที่ Sherbourne School, Dorset จากสหราชอาณาจักร
ทรง โปรดกีฬาทางน้ำ สควอช และการออกกำลังพระวรกายโดยทรงพระดำเนิน


เจ้าหญิงลาดูเบ
ที่ตามเสด็จด้วยในงานพระราชพิธี
เฉลิม ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีครั้งนี้นั้น
เป็นพระราชชายาองค์ที่ 12 มีพระนามเดิมว่า "โนธานโด ดูเบ"
ซึ่งพระชนมายุพึ่งครบ 18 ชันษาในปีนี้



ภาพ Reed Dance ในเทศกาลประจำปี"อัมลังกา"

ในเทศกาลประจำปี"อัมลังกา" หรืองานเต้นระบำต้นกก
(Reed Dance) เมื่อสิงหาคม 2547
สาวน้อย "โนธานโด ดูเบ" ซึ่งมีตำแหน่งมิสทีนเอจสวาซิแลนด์
ประจำ ปี 2546 วัย 16 ปี เป็น 1 ในสาวบริสุทธิ์จากทั่วประเทศ
ที่ได้รับเชิญ เข้าร่วมงานเต้นระบำให้สมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3
ได้ทอดพระเนตร ผลปรากฏว่า
เธอคือผู้ที่พระองค์ทรงเลือกมาเป็นชายาองค์ล่าสุด
ประกอบ พิธีอภิเษกสมรสด้วยเมื่อ 11 มิถุนายน 2548
ปัจจุบันมีพระธิดา 1 พระองค์
และ เจ้าหญิงลาดูเบจึงต้องยุติการศึกษา
ซึ่งกำลังเรียนอยุ่ที่ดรงเรียนมัธยม มาแตร์ โดโรโลซ่า
ไว้เพียงแค่นั้น
 
ไทยและสวาซิแลนด์สถาปนา ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2534




 


 
...

"ซิคฮานยีโซ" (Sikhanyiso)

เจ้าหญิง รัชทายาทแห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์
ดินแดนซึ่งประชาชนส่วนใหญ่
ยังคง ใช้ชีวิตแบบชนเผ่า
เปลือยร่างกายท่อนบน
ห่มท่อนล่างด้วยหนังสัตว์และ ใบไม้ ใบหญ้า
มีพิธีกรรมลึกลับน่าพิศวง

อุตสาหกรรมที่ทำรายได้ เข้าประเทศ
เป็นหลักเพียงอย่างเดียวคือ น้ำอัดลม
เพราะเป็นแหล่ง วัตถุดิบที่สำคัญ
ในการผลิตน้ำซ่าสีดำ
ที่เรียกว่า โคคา-โคล่า


เจ้าหญิงซิคฮานยีโซ
เป็นพระธิดาพระองค์โตใน กษัตริย์เอ็มสวาติ
กับพระชายาพระองค์ที่ 3 โคสิคาติ ลาบิกิซา
1 ในพระชายา 13 พระองค์ของพระประมุขแห่งสวาซิแลนด์
ซึ่งพระชายาทั้ง 13 พระองค์นี้
ยังไม่มีใครได้รับการสถาปนาเป็นมเหสี

ดังได้กล่าวไว้ แต่กระทู้ข้างต้น
ตามประเพณีสวาซิแลนด์
กษัตริย์สามารถมีพระชายาได้ มากมาย
โดยจะเลือกหญิงสาวพรหมจารีจากทุกเผ่าในประเทศ
จากงานชุมนุม หญิงสาวบริสุทธิ์ในเทศกาล "อัมฮลังกา" (Umhlanga)
หรือเทศกาลระบำต้นกก ที่จัดขึ้นทุกปี
5 วันในช่วงท้ายฤดูร้อนที่เมืองลุดซิดซินี ใกล้กรุงอัมบาบาเนเมืองหลวง

เพราะฉะนั้น จำนวนพระชายาของกษัตริย์สวาซิแลนด์
จึงเปลี่ยนแปลงในทางเพิ่มจำนวนขึ้น เรื่อยๆ



สำหรับเทศกาลระบำต้นกกในปีที่ผ่านมา
ซึ่งจบวัน สุดท้ายในวันที่ 5 กันยายน
รุ่งขึ้นก็เป็นวันครบรอบเฉลิมพระชนมพรรษา  40 พรรษา
ของสมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 กษัตนิย์องค์ปัจจุบัน
และยัง เป็นวันครบรอบ 40 ปี การฉลองเอกราช
จากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ที่เรียกว่า The 40-40
จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก



โดยมีเจ้าหญิงซิคฮานยีโซซึ่งต้องเปลือยอกร่วมงาน นี้ด้วยหลายครั้ง
ได้เป็นผู้นำสาวๆ มาเต้นระบำถวายพระพรพระบิดา
อย่าง เป็นการเป็นงานกว่าที่เคย

ในสวาซิแลนด์ผู้คนเปรียบกษัตริย์ของเขา อย่างสูงส่ง
และเกรงขามว่า เป็นสิงโต (The Lion)
ส่วนเจ้าหญิงซิคฮา นยีโซ พระธิดาจอมแก่นพระองค์นี้
เปรียบเป็นนกทูราโค (Turaco) นกประจำชาติของสวาซิแลนด์



ด้วยสีสันสดใส ดูมาดมั่น รักอิสระ ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ
ปกติจะโปรดแต่งตัวแบบแฟชั่นจ๋าในชุดมินิสเกิร์ต สไตล์สาวตะวันตก
เสพติด iPod และดนตรีแร็ป ฯลฯ
ทำให้เราต้องลบภาพ เดิมๆ ของเจ้าหญิงในจินตนาการไปหมด
ความเปรี้ยวของพระองค์เป็นที่สะดุด ตา
จนนิตยสารฟอร์บส์จัดให้พระองค์อยู่ในลำดับที่ 20 ของราชวงศ์ที่ฮอตที่สุดของโลก
ด้วยความที่ทรงเป็นเจ้าหญิงนักขบถ
จึง ทรงต่อต้านระบบการปกครองโดยผู้ชายและทรงนุ่งยีนส์เป็นกิจวัตร
 

...
และดูเหมือนว่า ในบรรดาพระโอรสพระธิดา
ทั้งหมด 26 พระองค์
เจ้าหญิงซิคฮานยีโซดูจะ ทรง
ได้เปรียบทุกพระองค์
ในการที่จะได้ลุ้นสืบบัลลังก์ต่อจากพระบิดา
แม้ จะไม่เคยมีผู้นำเป็นผู้หญิงมาก่อนก็ตาม
เพราะพระองค์ทรงเป็นหญิงรุ่น ใหม่
ที่รู้จักติดอาวุธให้พระองค์เองด้วยการศึกษา
โดยเสด็จศึกษาต่อ ที่
มหาวิทยาลัยไบโอลา ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ
สาขาการพูดและการละคร

“ไม่เคยอายที่ใครจะดูถูกเหยียดหยามเราอย่างไร
เรา ก็คือเรา
เรามีประเพณีวัฒนธรรมที่ดีสืบทอดจากบรรพชน
ซึ่งเราต้องหวง แหนและส่งต่อไป
ยังรุ่นลูกรุ่นหลาน”





ครั้งหนึ่งเจ้าหญิงเคยตรัส
ขณะ ที่ทรงศึกษาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
ทรงต่อสู้กับคำสบประมาท ดูถูกเหยียดหยามสารพัด
เรื่องที่พระองค์ทรงเป็นราชวงศ์ผิวสี
ที่มา จากชนเผ่าในทวีปแอฟริกา
เรื่องที่พระบิดามีพระชายานับสิบคน
และบาง คนมีอายุน้อยกว่าพระองค์ด้วยซ้ำ
พระองค์ทรงปรึกษาเรื่องนี้กับพระสหาย ตลอด
และพระสหายรักก็ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
ด้วยการนำเรื่อง ทั้งหมดไปเขียนไว้ในไดอะรี (ออนไลน์!)

นอกจากนี้ ทรงเป็นพรีเซนเตอร์ในการต่อต้านโรคเอดส์
ในสวาซิแลนด์ ตามพระราชประสงค์ของพระบิดา
ที่มีรับสั่งห้ามหญิงอายุต่ำกว่า 23 ปีมีเพศสัมพันธ์
สาบานตนว่าจะรักษาพรหมจรรย์จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร
เพื่อ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่พสกนิกร
เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะประชาชนกว่า 40% ของสวาซิแลนด์
ติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว

เพราะ แม้กษัตริย์จะมั่งคั่งด้วยธนสารสมบัติเป็นอันดับ 15 ของโลก
(ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์) และยังเป็นราชวงศ์สุดท้ายของแอฟริกา
แต่สวาซิแลนด์ก็เป็น ประเทศยากจนที่ติดอันดับโลก
ในแง่ที่ว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเป็นเอดส์มากที่สุดในโลก!

Credit: http://atcloud.com/stories/73902
#สวาซิแลนด์
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
5 มิ.ย. 53 เวลา 03:15 16,929 10 134
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...