เทพบุตรกะเทย

คำว่า “กะเทย” นี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hermaphrodite...เฮอร์มาโฟรไดต์ หมายถึง ความผิดปกติในคนหรือสัตว์ ซึ่งเกิดมีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศรวมอยู่ในร่างเดียวกัน

                สงสัย ไหมครับว่า อวัยวะของทั้งสองเพศนี้รวมกันอยู่ได้อย่างไร อย่างเช่น อวัยวะเพศชายอยู่ข้างบน ส่วนอวัยวะเพศหญิงอยู่ข้างล่าง หรือเป็นไปในทางกลับกัน


ไม่ใช่หรอกครับ เท่าที่ผมเคยอ่านพบ อวัยวะสืบพันธุ์ของ ทั้งสองเพศที่กะเทยมี เป็นอวัยวะที่ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่เช่น ในช่องท้องมีต่อม เพศหญิง คือ รังไข่ และ ก็มีต่อมเพศชาย คืออัณฑะที่ไม่ลงถุงอยู่ด้วย แต่ก็เป็นต่อมเพศที่ไม่สมบูรณ์ทั้งสองเพศ ส่วนอวัยวะเพศภายนอกก็สับสนจนบอกไม่ ถูกว่าเป็นเพศใดกันแน่ เช่น บางทีมีลำลึง Penis  แต่ไม่มีอัณฑะลงถุงอยู่ภาย นอกร่างกาย หรือบางทีมีเนินเพศคล้ายจะเป็นโยนี แต่ Clitoris ก็ใหญ่ยาวกว่าปกติเสียจน เกือบจะเหมือนลึงค์ แต่ก็ไม่ใช่ลึงค์ที่แท้จริง เพราะไม่มีท่อปัสสาวะ กลับปรากฏว่าท่อ ปัสสาวะอยู่ใต้ลึงค์ลงมา คล้ายๆท่อปัสสาวะของเพศหญิง แต่ต่อลงมาแทนที่จะ เป็นช่องคลอด กลับกลายเป็นเนื้อตันๆ อย่างนี้เรียกว่า กะเทยแท้ ...True Hermaphrodite ครับ ส่วนกะเทยเทียม False Hermaphrodite นั้น เขาว่าจะมีต่อมเพศอยู่ในร่างกายเพียงอย่างเดียว คือ ไม่ อัณฑะ ก็รังไข่ แต่อวัยวะเพศภายนอก กลับมีลักษณะ ตรงข้ามกับต่อมเพศที่ตนมี เช่น มีรังไข่ (ที่ไม่สมบูรณ์) แต่อวัยวะเพศภายนอกกลับเป็นลึงค์ที่มี ท่อปัสสาวะสมบูรณ์ แต่ไม่มีอัณฑะ เพราะไปมีรังไข่เสียแล้ว หรือมีอัณฑะ แต่อวัยวะเพศภายนอกเป็นแบบเพศหญิงอย่างชัดเจน มีคลิตอริสปกติ มีช่องปัสสาวะและช่องคลอด แต่ผ่าลงไปที่บริเวณแคมใหญ่ (Major Labia) กลับพบอัณฑะที่ไม่สมบูรณ์ฝังอยู่เป็นต้น

หันมาดู พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตย์สถานบ้าง ได้ให้ความหมายของคำว่า กะเทยไว้ 2 อย่าง ซึ่งผมจะขอใส่หมายเลขกำกับไว้ด้วยเพื่อจะได้อ้างถึงได้สั้นๆ หน่อย

                ความหมายอย่างที่
1.     คือ คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชาย และ หญิง
2.     อย่าง ที่ 2 คือ คนที่มีจิตใจ และ กริยาอาการตรงข้ามกับเพศของตน
ผม ว่าความหมายอย่างที่ 2 นี้ ออกจะขัดๆกับความหมายอย่างที่ 1 ยังไงก็ไม่ทราบซีครับ เพราะถ้า กะเทย เป็นคนที่มีอวัยวะเพศทั้งชาย และ หญิงแล้ว ก็ชี้ชัดไม่ได้ว่าเป็นเพศใด แล้วคนๆนั้นจะมีเพศตรงข้ามได้ไง ใช่ไหมครับ?

ฉะนั้น ความหมายอย่างที่ 2 นี้ ผมว่าน่าจะตรงกับที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Transvestite หมาย ถึง บุคคลผู้ได้รับความพอใจในทางเพศ จากการสวมใส่เครื่องแต่งกายของเพศตรงข้าม (แน่นอนละครับ คนที่ได้รับพอใจเช่นนี้ ก็ย่อมมีจิตใจ และ กริยาอาการของเพศ ตรงข้ามด้วย) บางท่านแปล Transvestite ว่า “ลักเพศ” (อ่านว่า ลัก-กะ-เพศ).ซึ่งเมื่อเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แล้ว พบว่า ลักเพศ มี 2 ความหมาย

1.                 ทำหรือ แต่งตัวปลอมแปลงให้ผิดไปจากเพศของตน...เออ! ดู ท่าทางจะใช้ได้...แต่พออ่านตัวอย่างที่ท่านยกไว้ซีครับ ...เช่น คฤหัสถ์แต่งตัวปลอมเพศเป็นสมณะ...ชักงงแฮะ พลิกกลับไปดูคำว่า เพศ พบให้ความหมายไว้ว่า ถ้าเป็นคำนาม หมายถึง รูปที่แสดงให้รู้ว่าหญิง หรือ ชาย ถ้าเป็นคำที่ใช้ใน ไวยากรณ์ หมายถึง ประเภทคำในบาลี และ สันสกฤต ตรงกับ ลิงค์ หรือลึงค์ และบอกด้วยว่า บาลี คือ เวส สันสกฤต คือ เวษ...ก็พอเข้าใจละครับ ที่ท่านต้องเอาคำว่า คฤหัสถ์ กับ สมณะ มายกเป็นตัวอย่างเรื่องลักเพศ ก็เพราะท่านเอาเรื่องชาย-หญิงไปอยู่ในความหมายที่ ...
2.                 ของ คำว่า ลักเพศ บอกไว้ว่า เป็นภาษาพูดหมายถึง ทำนอกลู่นอกทาง เช่น ดื่มน้ำทางหูถ้วย...อือม์...นี่ถ้าไม่เปิดพจนานุกรมจะไม่รู้เลยนะครับว่าการ ทำอย่างนี้เรียก “ลักเพศ”

เอาล่ะครับ จบเรื่องความหมายของคำไวแค่นี้เถอะ มาเข้าเป้าหมายของเราดีกว่า คือ ผมอยากจะบอกว่า เฮอร์มาไฟรไดต์...Hermaphrodite นี้ ก็มาจากชื่อของเทพใน นิยาย กรีก-โรมัน อีกน่ะแหละ เทพองค์นั้นชื่อ เฮอร์มาโฟรไดตัส.....Hermaphroditus เป็นบุตรของเทพ เฮร์มีส Hermes กับเทวี อะโฟรไดตี Aphorodite หรือที่ โรมันเรียกว่า เมอร์คิวรี Mercurry กับ วีนัส Vnus นั่นเอง ชื่อ Hermaphroditus ก็มาจากการเอาชื่อบิดา Hermes สนธิกับชื่อ มารดา Aphrodite

Hermes หรือ Mercurry

ใน ตอนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมานั้น เฮอร์มาโฟรไดตัส เป็นบุรุษเพศโดยสมบูรณ์ ครั้นโตเป็นหนุ่ม ก็ มีคราวนหนึ่ง เฮร์มาโฟรไดตัส ไปลงสรงสนาน ในน้ำพุแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางอัปสร ชื่อ ซาลมากิส Salmacis นาง เห็น เฮอร์มาโฟรไดตัส มีรูปงาม ก็ หลงรัก และ เข้าโอบกอด เฮอร์มาโฟร์ไดตัส ไว้แน่นเหนียวในแอ่งน้ำพุนั้น พลางพลอดพร่ำคำวอนให้ยุวเทพ เชยชมนางแต่ เฮร์มาโฟรไดตัส เฉยเมยไม่สนใจไยดีเอาเลย นางจึงตั้งจิตเอ่ยคำอธิษฐานต่อเทพเจ้าทั้งปวง ขอได้ประสิทธิ์ประสาทให้นางบรรลุความสำเร็จสมปรารถนาในความรักอันร้อนแรงของ นาง โดยดลบันดาลให้นางได้ร่วมอภิรมย์สมสู่กับ เฮอร์มาโฟรไดตัส ในที่ทั้งปวงตลอดกาลด้วยเถิด ทวยเทพก็กลายเป็น “เทวดา ท่าจะบ๊องส์” ไป เสียแล้ว ทำพิลึกพิลั่นไ ด้ปรดประสิทธิ์ประสาทให้นาง ซาลมากิส กับ เฮร์มาโฟรไดตัส ผสมผสานผนึกร่างเข้าด้วยกันเป็นกายเดียวไม่ให้แยกออกจากกันได้เลย

เสร็จ ซีครับ ตังแต่นั้นมา เฮอร์มาโฟรไดตัส ก็เลยมีสองเพศกลายเป็น กะเทยไป และฝรั่งก็เอาชื่อ เฮอร์มาโฟรไดตัส มาใช้เป็น เฮอร์มาโฟรไดต์ หมายถึง กะเทย ฝรั่งก็ยังงี้แหละครับ ชอบเอาอะไรที่ฟังแล้วขลังดีมาตั้งเป็นชื่อให้อ่าน แล้วต้องอธิบายกัน ม่ายงั้น พวกครูบาอาจารย์ ก็ไม่มีอะไรฝอยในชั้นเรียนน่ะซี

Ares หรือ Mars

อ่าน เรื่องตอนนี้แล้ว คุณนึกสงสัยบ้างไหมครับว่า เอ...ก็เทวี อะโฟรไดต์ หรือ วีนัส นี่น่ะ มีบุตร และธิดากับ เอรีส Ares หรือ มาร์ส Mars เหมือนกันนี่นา...งั้นย้อนประวัติ สั้นๆของเธอเสียหน่อยคงจะดีนะครับ

ตามมหากาพย์ อิเลียด ของ โฮเมอร์ กล่าวว่า วีนัส เป็นธิดาของ ยูปิเตอร์ Jupiter เกิดแต่นางอัปสร ไดโอนี Dione แต่บทกวี ชั้นหลัง กล่าวว่า วีนัส หรือ อะโฟรไดต์ Aphrodite ผุดขึ้นมาจากฟองทะเล คำว่า Aphro อัน เป็นที่มาของชื่อ Aphrodite ในภาษากรีกนั้น แปลว่า “ฟอง” แหล่งกำเนิดของเทวีอยู่ในทะเลแถวๆ เกาะ ไซเธอรา Cythera จากนั้นถูกคลื่นซัดไปจนถึง เกาะ ไซปรัส Cyprus ดัง นั้น เกาะทั้งสองจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับ เทวี วีนัส ด้วย และ บางที วีนัส ก็มีชื่อตามชื่อเกาะทั้งสองนี้ว่า ไซเธอเรีย Cytherea และ ไซเพรียน Cyprian เมื่อ เทวี วีนัส ถูกคลื่นซัดไปติดอยู่ที่เกาะ ไซปรัส นั้น เทวีผู้รักษาทวารแห่งเขาโอลิมปัสลงมารับ และ พา วีนัส ขึ้นไปยังเทพสภา เทพ ทุกองค์ต่างตะลึงลาน และ ถึงขั้นหลงใหลในความงามของ วีนัส และ ต่างอยากได้เทวีองค์นี้เป็นคู่ครอง แม้แต่ เทพบดี ยูปิเตอร์เอง ก็อยากจะได้เหมือนกัน (นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ เพราะยูปิเตอร์น่ะ จอมเจ้าชู้อยู่แล้ว) แต่เทวีวีนัส ไม่สน (และอาจจะนึกในใจว่า “วันแรกก็จะโดนเสียแหลว ...ตายแหล่ว...ตายแล้ว อะไรกันหว่า” ยูปิเตอร์จึงแกล้งประทาน วีนัส ให้แก่ วัลแคน Valcan เทพ รูปทรามผู้มีเท้าแปเป๋ เป็นรางวัลตอบแทนความชอบ ที่ วัลแคน ประกอบอสนีบาตถวาย และ เป็นการลงโทษเทวี วีนัส ในเหตุที่ไม่ยินดีในองค์เทพบดี



Venus

แต่ วีนัสเสียอย่างไม่วิตกกังวลอะไรหรอก เทพองค์แรกที่ วีนัส พิศวาส คือ มาร์ส Mars หรือ เอรีส Ares เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งเป็นบุตรของ ยูปิเตอร์ เกิดกับเจ้าแม่ ยูโน Juno ซึ่งเป็นเทวีภคินีของ ยูปิเตอร์นั่นเอง เทวี วีนัส กับ มาร์ส มีบุตรสอง ธิดาหนึ่ง คือ อีรอส หรือ คิวพิด Cupid กับ แอนดิรอส Anteros และ เฮอร์ไมโอนี่ Hermione
ส่วน เทพ เฮอร์มีส หรือ เมอร์คิวรี จะได้แอบมาร่วมอภิรมย์สมสู่ กับ เทวี วีนัส ตอนไหนนั้น ผมยังอ่านไม่เจอครับ แต่ ถ้าพิจารณาจาก คุณลักษณะเฉพาะ ของ เมอร์คิวรี่แล้ว ก็พอจะเห็นเค้า เฮอร์มีส หรือ เมอร์คิวรี่ เป็นบุตรของ ยูปิเตอร์กับนาง มาย หรือ เมยา Maia เมอร์ คิวรี่ เป็นเทพที่มีผู้รู้จักมาก รูปของเธอคุ้นตาคนมากกว่าเทพองค์อื่นๆ คนมักนำรูปของเทพองค์นี้ หรือ อย่างน้อยก็ของวิเศษอย่างหนึ่งของเธอ คือ เกือกมีปีก มาเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเร็ว นอกจากนั้น หมวก และ ไม่ถือศักดิ์สิทธิ์ของ เมอร์คิวรี่ ก็มีปีกเหมือนกัน เทพองค์นี้ ไปได้รวดเร็วยิ่งนัก ถึงขนาดกล่าวกันว่า ไปเร็วเพียงความคิด ทีเดียว
หมวก และ เกือกมีปีกของ เมอร์คิวรี เรียกว่า เพตตะซัส Petasus และ ทะเลเรีย Talaria ได้รับ ประทานมาจาก ยูปิเตอร์ ซึ่งโปรดให้เธอป็น เทพสื่อสาร ประจำพระองค์ ส่วนไม้ถือศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า กะดูเซียส Caduceus เดิม เป็นของ เทพอะพอลโล ใช้ต้อนวัวควายในครอบครอง ครั้งหนึ่ง เมอร์คิวรี ขโมยวัวของ อะพอลโลไปซ่อนไว้ อะพอลโล รู้ระแคะระคายว่าอะไรเป็นอะไร จึงมาทวงถาม แต่ เมอร์คิวรี ปฏิเสธ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น อะพอลโล จึงไปฟ้องเทพบดีผู้บิดา ยูปิเตอร์ จึงไกล่เกลี่ยให้ เมอร์ควรี่ คืนวัวให้เจ้าของ อะพอลโล ได้วัวคืนไปแล้ว ก็ไม่ถือสา ที่เทพผู้น้อง ล่วงเกิน เวลานั้น เมอร์คิวรี่ ถือ พิณคันหนึ่งอยู่ เป็นพิณเจ็ดสายชนิดหนึ่งของกรีก เรียกว่า ไลร์ Lyre พิณ คันนี้ เมอร์คิวรีประดิษฐ์ขึ้นเองจาก กระดองเต่า อะพอลโล อยากได้จึงขอแลกกับไม้ถือ กะดูเซียส เมอร์คิวรี จึงมีไม้ถือ กะดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ แต่บัดนั้นมา เดิมไม้ถือ กะดูเซียส เป็นไม้ถือมีปีกลุ่นๆ ต่อมา เมอร์คิวรี ไปพบงูสองตัว กำลังต่อสู้กัน จึงเอาไม้ถือสอดเข้าไประหว่างกลางเพื่อห้ามการวิวาท งูทั้งสองก็เลื้อยขึ้นพันไม้ถือโดยหันหัวเข้าหากัน และ อยู่คู่กับไม้ถือโดยหันหัวเข้าหากัน และอยู่คู่กับ ไม้ถือ กะดูเซียส ตลอดมา ซึ่งภายหลังก็ใช้เป็นสัญลักษณ์ ของ การแพทย์มาจนบัดนี้
เมอร์คิวรี นอกจากจะเป็นเทพสื่อสารประจำองค์เทพบดี ยูปิเตอร์ แล้ว ยังทำหน้าที่ติดต่อส่งข่าวในระหว่างเทพองค์อื่นๆ อีกด้วย และ ยังเป็นเทพครอง ทางด้านวิทยาศาสตร์ การพาณิชย์ การเดินทาง เป็นเทพแห่งคารมคมคาย และ เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลง ทั้งเป็น มัคคุเทศก์ นำวิญญาณคนตาย สู่ ยมโลกด้วย
เห็น คุณลักษณะ ของ เมอร์คิวรี หรือ เฮอร์มิส แล้ว คงจะไม่สงสัยนะครับว่า เมื่อเจอกับ วีนัส หรือ อะโฟรไดตี เทวี แห่งความรัก และความงาม เทวีผู้ไม่เกรงใคร แม้แต่ ยูปิเตอร์ (เพราะเห็นไส้เห็นพุงว่า “มั่วแหลก” ) เข้าแล้ว จะมีอะไรเหลือ นอกจาก เฮอร์มาโฟร์ไดตัส ถือกำเนิดขึ้นมา
แต่ เสียท่าตรงที่ว่า เฮร์มาโฟรไดตัส ไม่คล่องตัว และ รอบจัดเหมือน เทพบิดา และ เจ้าแม่เลย นางอัปสร ซาลมากิส เว้าวอนอย่างนี้ ไหนๆ ก็ไหนๆ เสียเลย นาง ซาลมากิส ก็จะไม่ขอทวยเทพให้ช่วยนางเข้าผนึกร่าง กับ ยุวเทพ และ เฮอร์มาโฟร์ไดตัส ก็ไม่ต้องเป็น กะเทย...สบายมาก
เอ.....ถ้า เฮอร์มาโฟร์ไดตัส ไม่เป็น กะเทย แล้ว ฝรั่ง จะเอาคำไหนมาเรียก กะเทย ล่ะ .....ชะดีชะร้าย จะต้องมายืมชื่อ “อิลราช” ของไทยเราเข้ามาน่ะนา.....อ๊ะ! แบบ นี้ก็ “เป็นเรื่อง” ล่ะซี จริงไหมครับ.....
Credit: http://atcloud.com/stories/52549
#กระเทย
Messenger56
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
4 มิ.ย. 53 เวลา 15:41 11,945 4 88
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...