http://www.khaojing.com/12915/
สาวจิตสุดวิปริต!!ชอบตัด"จ้าวโลก"ของผู้ชาย ไว้ดูเป็นที่ระลึก!?
หากใครเป็นคนชอบติดตามเรื่องราวคดีฆาตกรรมสุดสยองแล้ว ชื่อหนึ่งที่น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีต้องมี ซาดะ อาเบะ สาวญี่ปุ่นสุดวิปริตที่ก่อเหตุฆาตกรรม คิซิโซ อิชิดะ แฟนของตัวเองด้วยการใช้เชือกรัดคอ ซึ่งเธอได้วิธีนี้มาจากการที่แฟนของเธอเองชอบเล่นเซ็กซ์แบบ Autoerotic Asphyxiation หรือการสำเร็จความใครด้วยตัวเองพร้อมกับให้ร่างกายขาดออกซิเจนโดยการใช้เชือกรัดคอ ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุข นั่นจึงกลายมาเป็นวิธีที่เธอใช้ฆ่าแฟนหนุ่มตัวเอง ก่อนจะก็ใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ซาดะ อาเบะคือนักแสดงเกอิชาคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกับชายอยู่หลายคน แต่คนที่เธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สุดนั้นคือ “คิชิโซ อิชิดะ” เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ซึ่งที่นี้เองที่ทำให้ทั้งสองได้เริ่มรู้จักกัน เมื่อ ซาดะ มาทำงานเป็นเด็กฝึกงานแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และหมกหมุุ่นไปด้วยเซ็กซ์ ทั้งคู่นั้นร่วมเพศกันบ่อยครั้งทั้งในร้านอาหารแม้จะมีพนักงานคนอื่นอยู่ หรือไปจองโรงแรมแล้วมีเซ็กซ์กันข้ามวันข้ามคืน
แต่แท้จริงแล้วตัว ซาดะ นั้นคือชู้ของ คิชิโซ เพราะเขานั้นมีภรรยาตัวจริงอยู่แล้ว ซึ่ง ซาดะเองก็หึงโหดไม่ใช่เล่น เธอขู่ว่าหากเขานอกใจแล้วเธอจะใช้มีดฆ่าเขา
ทั้งคู่มีความสุขกับความรักและเซ็กซ์นี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม ปี 1936 ที่ได้จองโรงแรมกันเพื่อร่วมกิจกรรมอย่างปกติที่เคยทำมา แต่ครั้งนี้ ซาดะ เตรียมมีดมาด้วย และวางไว้ที่หว่างขาของ อิชิดะ แล้วขู่ว่าที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่นอกใจเธอ คิชิโซ ก็ไม่ได้เครียดและหัวเราะเพราะคิดว่าเธอล้อเล่น เมื่อเริ่มเกมรักกันทั้งสองได้คิดหาวิธีใหม่ๆเพื่อสร้างความตื่นเต้น โดย คิชิโซนั้นให้ ซาดะใช้เชือกรัดคอของเขาขณะที่เขากำลังสำเร็จความใคร่ แล้วเมื่อปล่อยเชือก อิชิดะบอกว่าเขารู้สึกมีความสุขมากๆกับร่างกายที่ทรมานอย่างนั้น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่า Autoerotic Asphyxiation ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมสำเร็จความใคร่แบบหนึ่งที่จะช่วยตัวเองโดยทำให้ร่างกาย
ขาดออกซิเจนด้วยการรัดคอหรือแขวนคอ ซึ่งเมื่อถึงจุดสุดยอดไปพร้อมกับการปล่อยเชือก และได้รับออกซิเจนล่อเลี้ยงกลับคืนมานั้น พวกเขาก็จะรู้สึกสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่
เพราะความติดใจในวิธีนี้ พวกเขาทำกันต่อเนื่องจน อิชิดะ เริ่มหายใจไม่ออกและปวดศีรษะจนต้องอาศัยยากล่อมประสาทหลายเม็ด ซึ่งนั่นเองทำให้เขาเริ่มประสาทหลอนและพูดอย่างไร้สติว่า ให้ ซาดะ ใช้เชือกรัดคอเขาอีก และอย่าหยุดเพราะเขาอาจจะปวดหัวอีก
นั่นจึงเป็นที่มาของความคิดที่จะฆาตกรรมแฟนของตัวเอง ซึ่งเหตุนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 1936 ซาดะก็ใช้เชือกรัดคอ คิชิโซ จนเสียชีวิต แล้วหลังจากนั้นเธอก็ได้เฉือนอวัยวะเพศของ คิชิโซ เก็บเป็นที่ระลึกโดยห่อปกนิตยสารไว้ ผ่านไปสามวันเธอก็ถูกจับกุม พร้อมกับมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และสารภาพกับตำรวจว่าลงมือฆาตกรรม คิชิโซ อิชิดะ จริง และสาเหตุที่เฉือนอวัยวะเพศนั้นก็เพราะหากเลือกเอาส่วนหัวหรือร่างกายมันคงจะยากเกินไป เลยอยากเก็บส่วนนี้ของเขาไว้ เพราะมันเป็นสิ่งที่จะช่วยรำลึกถึงเธอและเขาได้มากที่สุด
หลังจากนั้น ซาดะก็ถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีฆาตกรรม 6 ปี ซึ่งเป็นการตัดสินที่เธอไม่พอใจเพราะเธอต้องการโทษประหารชีวิต สุดท้ายเธอก็ถูกจำคุกได้ 4 ปี ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา
วีรกรรมของ ซาดะ อาเบะ นั้นถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เธอไม่ได้ถูกสังคมรุมประณาม แต่กลับมีเสียงชื่นชมด้วยซ้ำว่าเป็นสตรีที่กล้าหาญภายใต้สังคมที่ผู้หญิงถูกกดขี่ นอกจากนี้เรื่องราวของเธอยังถูกนำไปสร้างภาพยนตร์อีกด้วย
A Woman Called Sada Abe(1975)
Cindytalk - Renegade Hybrid No.4 - Sada Abe
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เอาเรื่องของซาดะมาสร้างคือ “ A Woman Called Sada Abe(1975)” หรือแปลเป็นไทยว่า “ผู้หญิงคนนั้นชื่อซาดะ”เป็นภาพยนตร์อีโรติก ผลงานกำกับของโนโบรุ ทานากะ โดยภาพยนตร์จะเล่าประวัติบางส่วนของซาดะ แต่จะเปลี่ยนรายละเอียดของคดีเล็กน้อย เน้นฉากร่วมเพศแบบซาดิสต์กัด รัดคอร่วมกันกับคู่ร่วมนอน(เปลี่ยนจากคิซิโซ เป็น คิชิ) ความรักท่ามกลางกิเลศร้อนรุ่มได้พัฒนากลายเป็นหึ่งหวงตัณหาและความตาย ก่อนที่จะถึงฉากจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการจับกุมซาดะ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวประสบผลสำเร็จในญี่ปุ่นและถูกนำฉายในซานฟรานซิสโกในปี 1998 /////////////////////////////////////////
In the Realm of the Senses(1976)
ถัดไปหนึ่งปีนางิสะ โอชิม่าผู้กำกับชื่อดังของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ได้ทำภาพยนตร์ช็อกความรู้สึกคนดูและแหวกธรรมเนียมของภาพยนตร์ญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง โดยนำเรื่องของซาดะ อาเบะมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในเรื่อง “In the Realm of the Senses(1976)” หรือ “อาณาจักรแห่งความรู้สึก” โดยภาพยนตร์นำเสนอแง่มุมของการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง วิตถาร พิสดารก่อนที่จะจบด้วยฉากช็อกคนดู ด้วยฉากเพศสัมพันธ์ของจริงไม่ปิดบัง จงใจเสนอภาพการร่วมเพศอันอุจาด เพื่อเปรียบเปรยปรัชญาว่า แท้จริงอะไรกันแน่ที่ “ลามก” ยิ่งกว่ากัน ระหว่างความคลั่งชาติคลั่งสงคราม หรือความลุ่มหลงในกามารมณ์ และภาพยนตร์โป๊ ดังกล่าวถูกแบนในหลายประเทศทั่วโลก
Sada(1998)
ต่อมาในปี 1998 ก็มีหนังที่ดัดแปลงจากเรื่องของซาดะอีกเรื่องคือ “Sada(1998)” กำกับโดยโนบุฮิโกะ โอบายาชิ โดยเนื้อหาได้ได้เน้นฉากเพศสัมพันธ์มากนักแทบไม่มีฉากโป๊เปลือยอะไรเลย หากแต่เน้นเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของซาดะมากกว่า ตั้งแต่เหตุการณ์วัยเด็กที่ถูกนักเรียนชายขื่นใจตอนอายุ 14 ก่อนที่จะกลายเป็นโสเภณีและพบกับคิชิโซทั้งคู่ต่างลุ่มหลงพึงพอใจในอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งนำไปสู่จุดจบอันโด่งดัง ซึ่งภาพยนตร์เต็มไปด้วยศิลปะการเล่นสีการเล่นฉากภาพสีสลับขาวดำ และแทรกปรัชญาลงไปโดยเน้นช่วงเวลาที่ซาดะก่อคดีนั้นญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ช่วงทำสงคราม ความตกต่ำเศรษฐกิจ การปกครองโดยทหาร
ทุกวันนี้เรื่องราวของซาดะ อาเบะยังคงเล่าขานเป็นตำนานต่อไป
CREDIT : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1322763