ณ ใจกลางกรุงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีตึกสูงตระหง่านห้อมล้อมพื้นที่เล็กๆ ที่เรียกว่า “โรงเรียน”เอาไว้ เวลาผ่านไปคงไม่มีใครคิด...ว่าในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์แห่งนี้ จะยังมีโรงเรียนไม้สองชั้น ตั้งอยู่กลางกรุงเทพมหานคร และที่แห่งนั้นคือ สุขุมวิท ซอย 8 เป็นย่านของราคาที่ดินฮิตฮอตติดอันดับสูงลิบลิ่วของประเทศ เมื่อเราเดินเข้ามาถึงกลางซอย ก็พบโรงเรียนไม้สองชั้นด้านขวามือ นั่นคือ“โรงเรียนวรรณวิทย์”
แค่เห็นป้ายชื่อโรงเรียน ที่แลดูเก่าและมีมนต์ขลัง มองเข้าไปแล้วรู้สึกได้ทันทีว่า ทุกอย่างเหมือนถูกตัดภาพกลับไปในอดีต ก่อนเราจะก้าวเข้าสู่ประตูรั้วเล็กๆ ภาพเบื้องหน้าคือใต้ถุนที่มีชั้นบน เราได้เดินลอดใต้ถุนดังกล่าวไป พบกับที่อ่านหนังสือลอยฟ้า สนามเด็กเล่นที่เล็กมากๆ ก่อนจะเจอกับสนามปูน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโรงเรียน สุดสนามปูนด้านหน้าและด้านขวา เป็นอาคารไม้ 2 ชั้นรูปตัวแอล ซ้ายมือเป็นโรงอาหาร ถัดมาเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของหญิงวัย 96 ปี
ย้อนกลับไปในอดีต
พุทธศักราช 2489 “หม่อมผิว สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา” ได้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “โรงเรียนวรรณวิทย์” ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่มีพื้นที่เพียง 3 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือคนยากจนในละแวกนั้น ให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือภายใต้อาคารมุงจาก มีหม่อมผิวเป็นครูใหญ่และสอนหนังสือด้วยตัวเอง แรกเริ่มเดิมทีมีนักเรียนเพียง 8 คนเท่านั้น และยังไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด จนต่อมาสักระยะจึงมีการเก็บค่าเทอมบ้าง แต่หม่อมผิวก็อนุโลมให้กับผู้ปกครองที่ยังไม่มีเงินเพียงพอมาจ่าย
จากวันนั้น สู่วันนี้ “พุทธศักราช 2559”
โรงเรียนวรรณวิทย์เปิดทำการเรียนการสอนเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ โรงเรียนแห่งนี้มีอายุถึง 70 ปี และมีครูใหญ่คนใหม่ ที่ชื่อว่า “หม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์” อายุ 96 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้องของหม่อมผิว รับหน้าที่ครูใหญ่สืบต่อมาจนปัจจุบัน ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจำนวนนักเรียนและคุณครู ที่ ณ เวลานี้มีมากถึง 410 คน ส่วนครู 35 คน บางคนอายุกว่า 80 ปี
ประทับใจ...จับจิต
คุณครูหญิง วรรณโกวิท ครูประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 วัย 58 ปี ผู้เป็นหลานสาวของ ม.ร.ว.รุจีสมร พาพวกเราเข้าไปกราบและพูดคุยกับท่าน เนื่องจากวันนั้นตรงกับวันครู (16 มกราคม 2559) พอดี การสนทนาเริ่มต้นขึ้นอย่างสนุกสนาน โดยท่านแทนตัวเองอย่างเป็นกันเองว่า “ยาย” แม้ครูใหญ่จะมีอายุที่มากแล้ว แต่ท่านยังคงมีความทรงจำที่เป็นเลิศ และมีอารมณ์ขบขันอย่างมาก พูดคุยไป ก็ยิงมุกกันไปมาตลอดเวลา บางครั้งก็แซวช่างภาพว่า “นี่เธอเป็นช่างภาพเหรอ ช่วยถ่ายยายสวยๆ ให้เหมือนกับอายุ 49 ได้มั้ย...” และท่านก็หัวเราะจบการพูดทุกครั้ง
น้ำใจท่านเท่ามหาสมุทร
“หลายคนบอกให้ยายขึ้นค่าเทอม เพราะรายจ่ายมีมากขึ้น แต่ยายไม่คิดจะขึ้นเลยแม้แต่น้อย แค่นี้ก็ยังมีคนค้างค่าเทอมเลย ถ้าเราขึ้นค่าเทอม เด็กๆ จะไปเรียนที่ไหนกัน พ่อแม่เขาต้องทำกิน หาเช้ากินค่ำ ต้องดิ้นรน ยายก็คิดแบบนี้ ทุกคนเกิดมาเป็นคน มันต้องสู้นะ”
“ของขวัญ” สุดปรารถนา
ครูใหญ่ พูดชัดเจนว่า ของขวัญเพียงอย่างเดียวที่ยายต้องการในวันครู ยายอยากให้นักเรียนเป็นคนดี ขอแค่นี้พอ... เราถามว่า ท่านอยากได้อะไรเพื่อตัวท่านเองมั้ย ท่านบอกไม่แล้ว แค่ที่มี ก็พอแล้ว ยายแก่แล้ว ยายอยากให้ทุกคนเป็นคนดี แค่นั้นพอ
ความสุข...ภายในรั้วเล็กๆ
ด้านคุณครูหญิง เล่าหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนวรรณวิทย์ให้ฟังมากมาย ทุกอย่างล้วนแต่มีความหมาย สำคัญในทุกเรื่องราว มันบ่งบอกถึง “ความสุข” ในฐานะที่เป็นครูในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งได้ทำหน้าที่สอนหนังสือมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนเวลาล่วงเลยมาปี 2559 ปัจจุบันคุณครูหญิงมีอายุ 58 ปี ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้วัยเกษียณเข้ามาทุกที แต่เธอยังคงมีรอยยิ้ม ที่ยิ้มแย้ม สดชื่น มีความสนุกสนานในการสอนหนังสือ แถมมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยด้วย
โรงเรียนเล็กปั้นคนดัง
หลานสาวครูใหญ่ บอกว่า หลายคนจบไปจากที่นี่ ประสบความสำเร็จมากมาย ทุกคนก็กลับมาที่โรงเรียน ส่วนครูที่นี่รวมถึงครูใหญ่ ก็ดีใจอย่างมากที่เห็นพวกเขาประสบความสำเร็จ อย่างคนดังก็มี ตั๊ก บริบูรณ์, อรัญญา นามวงศ์, ดาวใจ ไพจิตร และสุมาลี ชาญภูมิดล นี่คือความภาคภูมิใจของเรา
เรื่องราวแสนอบอุ่นของสถานที่แห่งนี้ เล่ากี่ครั้งก็คงไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่เข็มนาฬิกายังเดินไม่มีวันหยุดอย่างไร ความเป็นไปของโรงเรียนวรรณวิทย์...ก็เช่นกัน "ไทยรัฐออนไลน์" ขอนำเรื่องราวของหม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์ มาสดุดีวันครู 16 มกราคม 2559 ...แม้จะผ่านวันนั้นมาแล้วก็ตามที
ปาเจราจริยาโหนติ คุณุตตรานุสาสกา
ครูบาอาจารย์เป็นผู้ทรงคุณค่าอันประเสริฐยิ่ง เป็นผู้พร่ำสอนศิลปวิทยาการ
ปัญญาวุฒิกเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหัง
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่านเหล่านั้น ผู้ให้โอวาท ผู้ทำให้ปัญญาเจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ครู อาจารย์เหล่านั้น ด้วยความเคารพ