เมื่อก่อนกฎหมายปกป้องการข่มขืนเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศได้เข็นกฎหมายปกป้องทุกเพศแล้ว อย่างไรก็ตามหลายคนอาจเคยนึกสงสัยว่าผู้ชายถูกข่มขืนได้ด้วยหรือ แล้วมันเป็นอย่างไร
ขอเริ่มจากสถิติก่อน ในปี ๑๙๙๙ Spitzberg สำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่าหนึ่งแสนคนพบว่า มีผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อถูกข่มขืนโดยผู้หญิงจนสำเร็จ ถึง ๓.๓% และอีกมีความพยายามที่จะข่มขืนอีก ๕.๕% โดยผู้หญิงนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเยอรมันก็ได้เปอร์เซ็นต์ใกล้ ๆ กับงานวิจัยด้านบน กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเป็นชายรักต่างเพศ (heterosexuals)ซะด้วย อย่างไรก็ตามสถิติเกี่ยวกับชายถูกข่มขืนนั้นมักใช้การไม่ค่อยได้ เพราะผู้ชายมีแนวโน้มที่จะปิดบังประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศมากกว่าผู้หญิง เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือกลัวถูกดูถูกเหยียดหยาม หรือโดยมองในแ่ง่ลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ชายด้วยกันนี่แหละตัวดี เหตุผลอีกประการที่ผู้ชายไม่ค่อยรายงานเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศก็คือมันได้รับความสนใจจากสื่อ และงานทางจิตวิทยา รวมทั้งการแพทย์น้อยกว่าผู้หญิงน่ะสิ (โถ พ่อคุณ แต่ช้าแต่ อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจกันไป) ผลที่ตามมาจากที่มีการรายงานอุบัติการณ์ถูกข่มขืนน้อย ทำให้งานวิจัยเรื่องความรุนแรงทางเพศที่มีต่อผู้ชายน้อยตามไปด้วย และความจริงแล้วมีหลายรัฐของอเมริกาเพิ่งจะทบทวนกฎหมายว่าด้วยการข่มขืนในทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง โดยรวมนิยามให้ผู้ชายสามารถตกเป็นเหยื่อการข่มขืนด้วย
©Creasource/Corbis
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่การข่มขืนผู้ชายมักเกิดชายรักต่างเพศที่ชอบก่ออาชญากรรมประเภทนี้ร่วมกับเพื่อนอีกคน หรืออาจเป็นหมู่คณะ (ลงแขกนั่นแหละ) เช่นเดียวกับการข่มขืนผู้หญิง การข่มขืนผู้ชายมักเกี่ยวข้องกับความรุนแรงและอำนาจเสมอ... อธิบายเพิ่มนิด...การข่มขืนผู้ชายด้วยกันมันเป็นการแสดงอำนาจเหนือกว่าเหยื่อ กูเจ๋งกว่า กูเหนือกว่า อะไรทำนองนั้น เพราะฉะนั้นจึงมีรายงานเรื่องเลสเบี้ยนบางคนถูกข่มขืน เพราะพวกเธอมีบุคลิกที่ท้าทายอำนาจของผู้ชาย หรือในกรณีผู้ชายด้วยกันก็ตามที ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่อง Fierce People มันอาจจะัช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องที่ชายแท้ข่มขืนชายแท้ด้วยกันมากขึ้น ในหนังเรื่องนี้เพราะเอกไปล้ำเส้นทางอำนาจของไอ้ตัวร้าย คือพระเอกได้ไปแทนที่ของตัวร้าย แล้วตัวร้ายมันรู้สึกถูกดูหมิ่น มันก็เลยข่มขืนพระเอกซะเพื่อแสดงอำนาจของตัวเอง ..
การถูกข่มขืนเกิดขึ้นมากในหมู่โฮโมเซ็กช่วล แต่คนข่มขืนส่วนใหญ่เป็นชายแท้ (แต่นักข่มขืนที่เป็นเกย์ก็มีบ้าง)...คล้าย ๆ กับกรณีของเลสเบี้ยนจะว่าเกย์ท้าทายอำนาจของชายแท้มันก็ว่าได้ เพราะวิถีชีวิตเกย์ หรือกะเทยมันสั่นคลอนความเชื่อแบบแมน ๆ ความเชื่อแบบปิตาธิปไตย ดังนั้นบางทีพวกนี้จะหมั่นไส้เกย์ครับ ถ้าคุณเคยอยู่โรงเรียนชายล้วน คุณจะพบเห็นหรือได้ยิน การคุกคามทางเพศต่อผู้ชายนิ่ม ๆ ตุ้งติ้ง ๆ หน่อย เช่น จับแก้ผ้า จับก้น จับจู๋ หรือทางวาจา เช่น ล้อเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือทางทวารหนัก เป็นต้น...
©Clayton J Price/CORBIS
การข่มขืนในคุกเป็นปัญหาร้ายแรงปัญหาหนึ่งเช่นกัน จากการสอบถามผู้ต้องขังจำนวน ๒๐๐๐ คนใน ๗ เรือนจำ พบว่า ๒๑% ถูกคุกคามทางเพศ ๗% ถูกข่มขืน คนข่มขืนระบุว่าตนเป็นชายแท้ เมื่อถูกปล่อยตัวจะกลับไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีก ชายที่ถูกข่มขืนหลายคนถูกกลุ่มแก็งในคุกทำร้าย ดังนั้นจึงยอมเป็นเซ็กส์พาร์ทเนอร์ให้ผู้ต้องขังที่มีอำนาจมากในคุกคนหนึ่ง เพื่อให้ปกป้องเขาจากคนอื่น สนใจประเด็นนี้อ่านเพิ่มเติมได้ในเอนทรี่ เกย์ในคุก
©GaryHoulder/CORBIS
แม้ว่าแต่ก่อนผู้ชายจะไม่กล้ารายงานการถูกผู้หญิงข่มขืน แต่ระยะหลังมานี้มีรายงานถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนแนวคิดที่ว่าผู้ชายโต ๆ แล้วถูกผู้หญิงข่มขืน ไม่ได้รับการยอมรับเพราะเชื่อกันว่าผู้ชายไม่สามารถ "แข็ง" ได้ในภาวะที่กำลังกลัวหรือวิตกกังวล แต่งานวิจัยของ Kinsey และผองเพื่อนได้ปฏิเสธความเชื่อดังกล่าว ทั้งยังเสนอว่าทั้งชายและหญิงสามารถตอบสนองทางเพศได้ในหลากหลายภาวะิทางอารมณ์ แต่การตอบสนองทางเพศระหว่างถูกล่วงละเมิดโดยเฉพาะการถึง "จุดสุดยอด" นั้นอาจสร้างความสับสนและความกังวลให้แก่เหยื่อทั้งสองเพศ ...หมายความว่า ตัวเหยื่ออาจวิตกว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงจุดฯได้ล่ะทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ชอบมันซะหน่อย นี่เราร่านเซ็กส์เกินไปหรือเปล่า หรือเราจะเป็นพวกมาโซคิสต์ ...และอื่น ๆ ๆ ๆ ๆ
©Fendis_zefaCorbis
มีงานวิจัยตัวหนึ่งศึกษา ชาย ๑๑ คนที่ถูกผู้หญิงข่มขืน ไม่มีใครยอมเล่าเรื่องการถูกคุกคาม ไม่พูดถึงมันเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้รับการบำบัดไปหลายปีต่อมา ชายเหล่านี้มีความซึมเศร้า กังวลเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ และอาจถึงขั้นสูญเสียสมรรถภาพทางเพศไปเลย มีงานวิจัยอื่นรองรับด้วยว่า ผู้ชายที่ถูกข่มขืน ไม่ต่างจากผู้หญิงที่ถูกข่มขืน คือจะได้รับผลกระทบทางอารมณ์และทางเพศเป็นระยะเวลานาน
การล่วงละเมิดทางเพศผู้ชายเกิดขึ้นในสงครามด้วย แต่เหยื่อที่ถูกข่มขืนในสงครามได้รับความสนใจจากสื่อและนักวิจัยน้อยมาก เนื่องจากความเชื่อที่ว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะตกเป็นเหยื่อทางเพศในสงครามได้ ทำให้ระบบกฎหมายแห่งชาติหลายแห่งปิดตายประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศผู้ชายในเวลาสงครามไปเลย อย่างไรก็ตามความคิดที่ว่าผู้ชายก็ตกเป็นเหยื่อทางเพศได้ เริ่มขยายวงกว้างขึ้น เมื่อศาลอาญาสากลสำหรับชาวยูโกสลาเวีย รายงานว่ามีผู้ชายจำนวนมากถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ ในช่วงที่พื้นที่แถบนั้นมีปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น