ซายาโกะ คุโระดะ เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น มีพระเชษฐาเป็นเจ้าชายนะรุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
พระองค์เป็นพระราชธิดาที่อายุน้อยที่สุดในพระอนุชาทั้ง 3 พระองค์ เราอาจเข้าใจว่าถ้าเป็นเจ้าหญิงองค์เล็กอาจจะซุกซนและเอาแต่ใจ แต่ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้ามเลย สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีทรงรักและเป็นห่วงพระองค์มาก ให้การศึกษาและเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตั้งแต่เล็ก ถึงแม้จะรู้ว่าพระธิดาโตขึ้นจะแต่งงานออกนอกวัง
ตามกฎมณเฑียรบาลของญี่ปุ่นหากเจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับสามัญชน ต้องสละยศเจ้าหญิงและหลุดพ้นความเป็นราชวงศ์ เมื่อปี 2005 องค์หญิงได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลคุโระดะตามพระสวามี หากเจ้าหญิงซายาโกะเป็นคนที่เอาแต่ใจตั้งแต่เยาว์วัย การเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่สามัญชนคงเป็นเรื่องยากลำบากในการใช้ชีวิตพอควร เมื่อครั้งเวลาผ่านไปจึงรู้ได้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีได้ทรงเลี้ยงพระองค์มาเป็นอย่างดี ณ วันนี้เธอเป็นสตรีญี่ปุ่นที่ดีคนหนึ่ง
ถึงแม้เจ้าหญิงซายาโกะมีหน้าตาธรรมดาและไม่ได้สวยจนน่าสนใจ แต่เธอมีจิตใจที่ทรงเมตตาและมีพระปรีชาความสามารถ ซายาโกะชื่นชอบการเต้นรำแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมมาก เธอได้ออกแสดงเต้นรำที่โรงละครแห่งชาติญี่ปุ่นแล้วหลายครั้ง เธอเป็นนักเต้นรำที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น นอกจากนี้ซายาโกะยังชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาก จากแหล่งข่าวเผยว่าเมื่อครั้งจัดงานอภิเษกสมรส ชุดแต่งงานสีขาวที่ใช้ในงานนั้นออกแบบโดยอ้างอิงจากชุดของนางเอกเรื่องลูแปงที่สาม (เมื่อทรงพระเยาวน์เจ้าหญิงซายาโกะทรงชื่นชอบลูแปงที่สามมาก)
เมื่อซายาโกะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอได้เข้าทำงานต่อที่ศูนย์วิจัยปักษีวิทยา Yamashina พระองค์ทรงทำงานสัปดาห์ละ 2 วัน นับเป็นราชวงศ์ญี่ปุ่นองค์แรกที่ทำงานเพื่อรับเงิน ราชวงศ์ญี่ปุ่นโดยปกติแล้วมีรายได้จากภาษีเลี้ยงดูของประชาชน แต่ซายาโกะทรงใช้แรงพระกายาทำงานเพื่อรับเงินเดือน นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก
ก่อนอภิเษกสมรส เจ้าหญิงได้ทรงปฏิบัติหน้าที่ในวังเป็นอย่างดี ทรงเสด็จประพาสต่างประเทศบ่อยครั้งจนมีฉายาว่า "ทูตต่างประเทศแห่งราชวงศ์"
เจ้าหญิงซายาโกะทรงกตัญญูมาก เมื่อครั้งสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะทรงป่วยเป็นภาวะเสียการสื่อความ เจ้าหญิงก็อยู่ข้างๆพระชนนีด้วยตลอดเวลา เมื่อครั้งสมเด็จพระจักรพรรดิต้องเข้ารับผ่าตัด เจ้าหญิงก็อยู่ข้างๆด้วยกันกับพระชนนีที่โรงพยาบาลตลอดเวลาที่พระชนกประทับโรงพยาบาล
สามีของซายาโกะคือคุโระดะ โยชิกิ โดยนายโยชิกิเป็นพระสหายร่วมชั้นของเจ้าชายอะกิชิโนะ ซึ่งเป็นพระเชษฐาของเจ้าหญิงเอง ซึ่งทั้ง 2 คนได้รู้จักตั้งแต่ยังวัยรุ่น จากนั้นเวลาก็ผ่านไปหลายปีจนมาถึงวันหนึ่งในช่วงฤดูหนาว เมื่อเจ้าชายอะกิชิโนะได้ทรงจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารในพระราชวัง เจ้าหญิงซายาโกะได้พบกับโยชิกิอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาทั้ง 2 คนได้เกิดความรักขึ้นและทรงอภิเษกสมรสหลังจากนั้น
เจ้าหญิงทรงสวมใส่ชุดอย่างเป็นทางการ 12 ชิ้น เพื่อทำพิธีการอำลาแก่ศาลเจ้าบรรพบุรุษแห่งราชวงศ์
เจ้าหญิงทรงสวมชุดแต่งงานตกแต่งด้วยไข่มุกสีขาว ชุดทำจากผ้าไหมสีขาวยาวจรดข้อเท้า
เจ้าหญิงทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งในราชวงศ์ออกจากพระราชวัง โดยมีมอเตอร์ไซค์ตำรวจ 4 คันคุ้มกันหน้าหลังตลอดเวลา เพื่อเสด็จไปยังโรงแรมอิมพีเรียล
ระยะทางจากพระราชวังถึงโรงแรมอิมพีเรียลเพียง 1.5 กิโลเมตร แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยประชาชนตะโกนร้องว่า "บันไซ" เพื่ออวยพรแสดงความยินดี
สมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินีและครอบครัวพระราชโอรส พร้อมด้วยบุคคลในราชวงศ์และครอบครัวของฝ่ายชาย รวมทั้งหมด 31 คนเข้าร่วมพิธีงานแต่งงานในวันนี้
เมื่อยื่นเอกสารเรียบร้อยหลังพิธีแต่งงาน ซายาโกะ โนริ ก็เปลี่ยนชื่อเป็น ซายาโกะ คุโระดะ จากนี้ต่อไปเป็นเพียงสามัญชนไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์
ในอดีตเจ้าหญิงมีตำรวจคอยคุ้มกันรักษาความปลอดภัย แต่ตอนนี้เป็นเหมือนเช่นประชาชนธรรมดาทั่วไปที่มีโรงพักตำรวจในท้องที่คอยดูแลเท่านั้น
เมื่อเป็นเพียงแม่บ้านในครอบครัว ซายาโกะมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการด้วยตนเอง เช่น การไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ทำอาหารและการทำความสะอาด ฯลฯ
ซายาโกะต้องไปสอบใบขับขี่ก่อนงานอภิเษก เพราะหลังจากนั้นเธอจะไม่มีคนขับรถอีกต่อไป ได้ยินมาว่าหลังจากที่แต่งงานไปแล้ว การเข้ามาเยี่ยมภายในพระราชวังเธอก็ต้องขับรถของเธอเอง
แม้ว่าหลังจากที่เจ้าหญิงสละฐานันดรศักดิ์กลายเป็นสามัญชนจะต้องช่วยเหลือตนเอง แต่เธอก็ไม่ได้ยากลำบากนัก ทางราชสำนักญี่ปุ่นได้มอบเงินจำนวน 150 ล้านเยน (หรือประมาณ 45 ล้านบาท) ที่พระองค์จะได้รับตามกฎมณเฑียรบาลและสามีของพระองค์ก็ทำงานรับราชการมีรายได้ต่อปีประมาณสิบล้านเยน
ถึงองค์หญิงจะเสด็จออกนอกวังและสละฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดาและพี่น้องนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย