ช่างภาพฟันธง! วิญญาณห้างดัง บรรยากาศพาไป!

ช่างภาพฟันธง! วิญญาณห้างดัง บรรยากาศพาไป
 

  ฮือฮา! วิญญาณโผล่ พ่อค้าแม่ขายอ้างเห็น "ผี" จะๆ หลังห้างดังแยกราชประสงค์ไหม้ เชื่อเป็นเจ้าที่ในศาลตายายเสียใจที่ห้างถูกไฟไหม้ ส่วนเรื่องภาพผีที่คนถ่ายติดได้ในวันห้างไฟไหม้นั้น กลายเป็นแชมป์ "ฟอร์เวิร์ดเมล์" ประจำปี ด้านผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตัดต่อภาพฟันธงไม่ใช่ผี ชี้แค่บรรยากาศพาไป...

กลายเป็นเรื่องหวาดผวาไปแล้ว หลังจากที่มีเรื่องเล่าปากต่อปากหนาหูว่าหลังจากที่ห้างดังย่านแยกราชประสงค์ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่อาถรรพ์ถูกเผาวอดจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 กลับมีคนมากมายเห็น "วิญญาณ" ออกมาปรากฏตัวสร้างความหวาดกลัวอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระลอกใหญ่ไปกับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่อ้างว่าเป็นภาพ "วิญญาณ" ซึ่งมีลักษณะเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่เค้าโครงรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเทพที่ตั้งอยู่บริเวณแยกราชประสงค์กำลังร้องไห้ ขณะห้างกำลังลุกไหม้นั้น

 
ทีมข่าว ไทยรัฐออนไลน์ ได้ลงพื้นที่หาความจริงหลังจากกระแสเรื่อง "ผี" ที่มีหนาหู ปรากฏว่า พ่อค้า-แม่ขาย และผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นส่วนมากจะได้รับรู้เรื่องวิญญาณที่ออกมาปรากฏตัวหลังจากที่ห้างถูกไฟไหม้มากมาย จนส่งผลให้ระยะหลังๆ ไม่ค่อยจะมีใครกล้าขายของตอนตะวันตกดิน

นายทศพล สมผิว พ่อค้า ที่ขายของอยู่บริเวณนั้น กล่าวกับไทยรัฐ ออนไลน์ถึงกระแสข่าวเรื่องวิญญาณเฮี้ยนมักจะปรากฏตัวออกมาให้คนเห็นว่า ยอมรับว่ามีคนเห็นวิญญาณจริง โดยคนที่เขาพบมาเล่าให้ฟังว่าตอนค่ำๆ หลังวันเกิดไฟไหม้เพียง 1 วัน เขาบอกว่าเห็นคนแก่แต่งตัวเหมือนกับคนคล้ายๆ คนโบราณอยู่ดีๆ ก็เดินออกมาจากห้างที่ไฟไหม้ด้วยท่าทางเศร้ามานั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเวทีชุมนุม ซึ่งหลังจากไฟไหม้ 1 วัน (วันที่ 20 พ.ค. 2553) ตอนนั้นรัฐบาลยังไม่เก็บกวาดเวทีใหญ่ และเก้าอี้ คนที่เห็นก็เดินเข้าไปถามคนแก่คนนั้นว่าคนอื่นๆ เขากลับบ้านกันหมด ทำไมคุณยายไม่กลับบ้าน ยายคนนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรเอาแต่ร้องไห้ พอหันหลังไปมองอีกทีคนแก่คนนี้ก็หายไปแล้ว

"พอตำรวจเข้ามาเก็บกวาดพื้นที่เราก็เพิ่งรู้ว่า ในห้างนั้นมีคนตายด้วย แต่บางคนก็บอกว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทางเพราะเมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยมีศาลตายาย ซึ่งเรื่องนี้หลายคนรู้แต่ไม่กล้าเล่าเพราะจะทำให้บรรยากาศในการขายของไม่ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อมีคนถามแล้วคนแถวนี้จะบอกว่าไม่รู้" นายทศพลกล่าว

 
ด้านหนุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างดัง กล่าวยอมรับว่า คนแถวนี้เคยได้ยินข่าวความเฮี้ยนของวิญญาณที่ออกมาให้ผู้คนเห็น ถามว่าตน และเพื่อนๆ เคยเห็นไหม ก็ไม่เคยนะ มีแต่ลือๆ ออกมา อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่เวลา 20.00 น. พ่อค้า แม่ค้า มอเตอร์ไซค์วินแถวนี้ก็จะปิดร้านหนีแล้ว มีแต่คนมารอรถเมล์แบบปละปลายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะเดินเลี่ยงๆ ไปต่อรถเมล์ที่ป้ายอื่นเพราะว่ามันมืดและน่ากลัว

"บางคนก็เจอเรื่องแปลกๆ เช่นมีเสียงร้องแปลกๆ ออกมาจากตึกก็มี หรือมีคนถ่ายรูปติดบางสิ่งบางอย่างมาได้ อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแล้วอยากให้มองว่าเนื่องจากที่ตรงนี้มีประวัติความอาถรรพ์ เมื่อมีคนทำบุญใหญ่ไปแล้วเรื่องผีๆ ก็น่าจะซ่าลงไป ซึ่งตนก็อยากจะให้มองว่าไม่ว่าจะมีผีหรือไม่ก็อยากให้มองว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้น เป็นอีกหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องเคารพสิทธิ์และไม่รุกพื้นที่ของกันและกัน" มอเตอร์ไซค์หนุ่ม กล่าว

 
สำหรับประเด็นเรื่องภาพถ่ายติดวิญญาณที่กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กัน จะเป็นการถ่ายติดวิญญาณจริงหรือตกแต่งภาพนั้น นายอำนาจ เรืองธุระกิจ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการถ่ายภาพและการตกตกแต่งภาพกราฟฟิก ซึ่งมีประสบการณ์โชกโชนมากว่า 20 ปี วิเคราะห์ภาพดังกล่าวว่า หลังจากดูองค์ประกอบของภาพดังกล่าว อาทิเช่น ที่คนมองว่าเป็นรูปร่างหน้าตา ซึ่งบังเอิญถ่ายภาพปริศนาติดตอนไฟไหม้นั้น หากลองนำภาพของห้างนี้ก่อนไฟไหม้มาเทียบกันจะเห็นได้ว่าทุกๆ อย่างมีคำอธิบายทั้งสิ้น ตาที่เราเห็นก็เป็นกล่องหรือช่องแอร์ ทรงผมก็เป็นที่อยู่ของต้นไม้หรือเป็นท่อแอร์ ส่วนแก้มที่เราเห็นเป็นวงๆ นั้นก็เป็นตัวอักษรโอของชื่อห้างนี้ ส่วนที่เราเห็นว่าเป็นปาก ก็คือภาพหน้าต่างของเหล่าร้านอาหารอินเดีย ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารไทยบนบริเวณชั้น 7 ดังนั้นฟันธงได้ว่าไม่น่าจะใช้ภาพที่ตัดต่อขึ้นมาหลอก

"แต่ประเด็นที่น่าสนใจต่อมาถามว่าแล้วนี่เป็นการตัดต่อภาพผีขึ้นมาเพื่อสร้างกระแสหรือไม่ จริงๆ จากที่ดูคุณภาพที่เขาฟอร์เวิร์ดภาพฮือฮาที่อ้างว่าเป็นภาพเทพเจ้าร้องไห้ที่ห้างชื่อดังนั้น น่าจะอัพโหลดมาจากเว็บไซต์ ซึ่งเมื่อคลิปภาพไฟไหม้นี่เพลย์แล้วก็กดหยุดแล้วก็ทำการพริ้นสกรีนออกมาเป็นภาพนิ่ง เราถึงเห็นภาพที่ออกมาเป็นลายๆ ภาพไม่ละเอียดไม่เหมือนภาพที่มาจากซีดี หรือกล้องต้นฉบับแต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยบรรยากาศหรือภาพที่ปรากฏออกมาเป็นหน้าปริศนานั้น มันชวนให้คิดว่าเป็นผี แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไร" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตัดแต่งภาพ กล่าวในที่สุด


ขอบคุณภาพจาก pod.allblogthai.com

Credit: ไทยรัฐออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2553
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...