สิ่ง ที่ทำให้นิยายแฟนตาซีมีความตื่นตาตื่นใจ ก็คือ “อาวุธวิเศษ” การได้เห็นผู้กล้า, เทพเจ้า, วีรบุรุษใช้อาวุธวิเศษที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจมากมายเหนือธรรมชาติชนิดสั่น สะเทือนโลก และมันสร้างชื่อให้กับพวกเขา และนี่คือ 10 อันดับอาวุธในตำนานที่ทรงพลัง
ทามิง ซารี (Taming Sari)
ทามิง ซารี หมายถึง “โล่ดอกไม้” เป็นอาวุธกริชของฮังตูวาห์ (Hang Tuah) วีรบุรุษของชาวมลายู ในตำนานเมืองมะละกา แม้รูปร่างของกริชนั้นไม่แน่ชัดนัก แต่มันถูกบรรยายว่าเป็นอาวุธมีพลังอำนาจวิเศษ เช่นผู้ใช้จะคงกระพัน และสามารถป้องกันอันตรายต่างๆ ได้ ซึ่งฮังตูวาห์ได้รับอาวุธนี้จากสุรต่านทำให้เขายิ่งเก่งมากขึ้น
อย่าง ไรก็ตาม ต่อมาฮังตูวาห์ได้ถูกเพื่อนใส่ร้าย และสุรต่านมีคำสั่งประหารเขา ฮังตูวาห์โมโหมากจึงใช้อาวุธนี้ฆ่าเพื่อนเขา และเขาก็โยนกริชลงแม่น้ำและสาบานว่าจะกลับมายังมะละกาอีกครั้ง หากแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย โดยตามตำนานเล่าว่าเขาเสียชีวิตจากโรคชรา และทุกวันนี้เมืองมะละกาก็ยังคงมีหลายสถานที่เกี่ยวข้องกับฮัตตูวาห์
Hrunting & Naegling
HruntingและNaegling เป็นชื่อของสองดาบที่เป็นอาวุธของ เบวูล์ฟ (Beowulf) นักรบหนุ่มชาวกีตส์ ที่ได้ยินเรื่องความวิบัติที่เกิดกับแผ่นดินของร็อดการ์ ว่า กษัตริย์และพลเมืองถูกปีศาจชื่อ “เกรนเดล” ออกมารบกวนจนอยู่ไม่เป็นสุข เขาจึงออกเดินทางออกจากแผ่นดินของตนเพื่อมาช่วยเหลือ และฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้สำเร็จ
คืนต่อมา มารดาของเกรนเดลปรากฎตัวขึ้น เบวูล์ฟ จึงต่อกรกับนนาง ระหว่างเขาจะเดินทางไปที่รังของนาง เขาก็ได้รับดาบวิเศษเล่มหนึ่งจากนักรบคนหนึ่งชื่อ อุนเฟียร์ธ ดาบนั้นมีชื่อว่า รุนทิง (Hrunting) หากแต่เมื่อเขาใช้ดาบนี้ต่อสู้กับนาง เขาก็พบว่าดาบรุนทิงของเขาไม่สามารถทำอันตรายต่อนางได้เลย ต่อ มาเบวูล์ฟหันไปหยิบดาบขนาดใหญ่ในหมู่สรรพาวุธที่สะสมอยู่ในถ้ำ (ในบทกวีบอกว่า ไม่มีผู้ใดสามารถยกดาบนั้นขึ้นใช้ในการรบได้เลย) แล้วเบวูล์ฟจึงตัดศีรษะนาง ทำให้กษัตริย์ร็อดการ์พระราชทานของขวัญให้แก่เขามากมาย รวมทั้งดาบ Nægling ซึ่งต่อมาเบวูล์ฟยามชราก็ใช้ดาบเล่มนี้สู้กับมังกรยักษ์ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรบครั้งสุดท้ายจนเสียชีวิต
เแกร์ บัลก์ (Gae Bulg)
แกร์ บัลก์ (หรือเรียก หอกสายฟ้า) เป็นหอกในตำนานของคูชูเลน (Cuchulainn) วีรบุรุษแห่งตำนานไอริช มีสมญานามเช่น หอกรอยบาก, หอกทรงโปร่ง, ลูกดอก ทรงโปร่ง เพราะหอกนี้มีใบมีดที่ทำเป็นรอบบาก (หรือไม่ก็ใบมีดมีเงี่ยงติดอยู่) เป็นลักษณะฟันเลื่อยเพื่อสร้างบาดแผลร้ายแรงแก่ศัตรู ในตำนานบอกว่ามันถูกสร้างมาจากกระดูกของอสุรกายจากท้องทะเลนาม คอยเชนน์ ที่เสียชีวิตจากสัตว์ตัวอื่น และคูชูเลนได้หอกมาจากอาจารย์ซึ่งเป็นวีรสตรีนาม สคาแธช (Scáthach) โดย ความพิเศษของหอกนี้คือมันเป็นอาวุธที่โจมตีเป้าหมายได้แน่นอน และเป้าหมายที่ว่าเป็นจุดตายที่หัวใจเท่านั้น เพียงแต่ต้องปาหอกนี้ด้วยเท้าเท่านั้น โดยวีรกรรมสร้างชื่อให้กับอาวุธนี้คือ คูชูเลนได้ปาหอกนี้เข้าใส่ Ferdiad เพื่อนและน้องชายร่วมสาบานที่เป็นศัตรูของเขาจนเสียชีวิตลง
พลองทองหงอคง (Ruyi Jingu Bang )
Ruyi Jingu Bang เป็น อาวุธประจำตัวของเห้งเจีย (หรือซุน หงอคงที่เรารู้จัก) โดยแต่เดิมนั้น พลองนี้เป็นของเจ้าสมุทรตงไห่ ที่ตั้งตระง่านอยู่ในมหาสมุทร และมีขนาดใหญ่มาก มันมีหน้าที่ใช้ควบคุมกระแสน้ำ ใช้ค้ำจุนมหาสมุทร ไม่มีใครสามารถเคลื่อนที่ได้ ครั้งหนึ่งซุนหงอคง เดิมพันท้าประลองกับเจ้าสมุทรตงไห่ ว่าเขาสามารถยกพลองวิเศษนี้ขึ้นได้ ฝ่ายเจ้าสมุทรตงไห่ดูถูกซุนหงอคง ว่าไม่สามารถยกขึ้นได้หรอก สุดท้ายซุนหงอคงกลับทำสำเร็จ ทำให้เจ้าสมุทรพบกับความพ่ายแพ้ และเสียพลองวิเศษให้กับ ซุนหงอคง
หลัง จากนั้นซุนหงอคงก็ใช้พลองนี้สร้างชื่อจนกลายเป็นลิงวิเศษที่ โดยพลองมีความสามารถพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกง สามารถหดได้เล็กเท่ากับเข็ม และยืดยาวได้สูงเทียมฟ้าไร้ขีดจำกัด มีหน้าหนักหลายตัน ปกติซุนหงอคงจะเก็บพลองนี้ไว้ที่รูหู
ดาบ กรัมเป็นหนึ่งในอาวุธวิเศษที่โดดเด่นในตำนานนอร์ส ว่ากันว่าเทพโอดิน ได้จำแลงกายเป็นชายชราลงมายังโลกมนุษย์แล้วเอาดาบเล่มนี้ปักไว้บนต้นโอ๊กต้น หนึ่ง มันเป็นดาบที่ดีเลิศ และคนที่จะเป็นเจ้าของมันนั้นจะต้องเป็นคนที่ดึงมันออกจากต้นโอ๊กได้เท่า นั้น
แน่ นอนว่าเหล่าผู้กล้าหลายคนจากทั่วสารทิศพยายามดึงมันขึ้นมา แต่ก็ แต่ก็ไม่มีใครสามารถดึงขึ้นมาได้เลย จนกระทั่งวีรบุรุษคนหนึ่งชื่อ “ซิกมุนด์” สามารถดึงมันขึ้นมาได้ในที่สุด แล้วดาบเล่มนี้ก็ได้สร้างชื่อให้กับซิกมุนด์มากมายตลอดชั่วอายุขัยของเขา และดาบก็หักลงในศึกครั้งสุดท้ายของเขา หากแต่เขาก็ได้ดาบที่หักให้ภรรยาโดยหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อบุตรชายในอนาคต
หลัง จากที่ซิกมุนด์ได้เสียชีวิตไปแล้ว ลูกชายของเขาที่ต่อมาก็กลายเป็นวีรบุรุษชื่อ “ซิกฟรีด” ซึ่งเขามีความประสงค์ในการจะสังหารมังกรฟัฟเนียร์ที่เฝ้าสมบัติมากมาย โดยซิกฟรีดกต้องการดาบที่ดีที่สุดในการสังหารมังกร แต่ไม่มีดาบที่ถูกใจเขาสักเล่ม จนกระทั่งมารดาได้มอบดาบกรัม (ที่หักแล้ว) ให้กับเขา แล้วนำดาบมาตีใหม่ จนซิกฟรีดสามารถใช้ดาบดังกล่าวสังหารฟัฟเนียร์ลงได้
5.Crocea Mors
ดาบในตำนานที่ครอบครองโดยจูเลียส ซีซาร์ จักรพรรดิโรมันผู้มีชื่อเสียง กล่าวกันว่าตัวดาบส่องสดใสราวกับดวงอาทิตย์ ดาบมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ความตายสีเหลือง” หากใครที่ถูกดาบนี้ฟันบาดเจ็บจะขาดใจตาย ตามตำนานเล่าว่าแต่เดิมเป็นดาบของเจ้าชายโทรจันอีเนียสที่ได้ดาบจากเทพธิดา วีนัส ซึ่งดาบนี้ช่วยให้ซีซาร์ได้รับชัยชนะกับสงครามที่เขาต่อสู้กับเจ้าชาย เนนเนียส ( Nennius ) ของอังกฤษ แม้ว่าเนนเนียสจะไม่ได้รับอันตรายจากดาบนี้มากนัก หากแต่ดาบนี้ได้ฝากบาดแผลเอาไว้ ซึ่งต่อมาเขาก็ตายจากพิษบาดแผลนี้ในที่สุด
4.เทอฟิง (Tirfing)
เทอฟิง หรือ เดลฟิงก์ เป็นชื่อดาบต้องคำสาปในตำนานของชาวนอร์ส โดยตำนานกล่าวว่ามันถูกสร้างโดยสองคนแคระ Dvalinn และ Durin โดยหลานชายของโอดิน Svafrlami บังคับ ให้พวกเขาสร้างอาวุธ (หากไม่ทำ พวกเขาจะกลายเป็นหิน เพราะไม่ได้กลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ขึ้น) ดังนั้นคนแคระจึงได้สร้างอาวุธดาบขึ้นมาว่ากันว่าแม้จะเป็นดาบวิเศษที่ไม่มี วันผุกร่อนเป็นสนิม ไม่มีวันฟันพลาดเป้า และคมกล้าระดับ "ฟันเหล็กก็เหมือนหนึ่งฟันผืนแพร"
อย่าง ไรก็ตาม เนื่องจากคนแคระที่ตีดาบถูกบังคับให้ตีขึ้นมาโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ หลังตีเสร็จคนแคระก็เลยสาปแช่งไว้ว่าหากดาบออกจากฝักเมื่อไหร่มันจะต้องฆ่า ใครสักคน และนั้นทำให้ผู้ใช้ดาบไม่ตายดีสักคน อีกทั้งตัวดาบแล้ว เทอฟิง ยังมีคำสาปอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือ "จะเป็นเหตุแห่งความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง 3 ประการ" ในตำนานเองก็กล่าวไว้ว่า หลังจากคำสาปข้อนี้สัมฤทธิ์ผลจนครบทั้ง 3 ประการแล้ว ดาบ เทอฟิงก็หลุดพ้นจากคำสาปที่คนแคระผู้สร้างลงไว้ทันที
3.Sharur
Sharur เป็นคฑาในตำนานของเทพนินอัวร์ตา" (Ninurta) นอกจากจะเป็นอาวุธแล้วมันสามารถพูดได้ นอกจากจะสามารถพูดคุยกับเทพนินอัวร์ตาแล้ว มันยังให้คำแนะนำวิธีเอาชนะปีศาจที่เก่งๆ นอกจากนั้นมันยังสามารถบินไปรอบๆ สนามรบเพื่อพ่นพิษและเปลวไฟได้อีกด้วย
คฑาดังกล่าวมีบทบาทเด่นที่สุดในช่วงที่เทพนินอัวร์ตาต่อสู้กับปีศาจ Asag ปีศาจ ที่ชั่วร้ายในตำนานของซูเมเรียที่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุโรคภัยไข้เจ็บ แม้ว่าช่วงแรกเทพจะไม่สามารถสู้กับปีศาจตนนี้ได้ หากแต่ หลังจากที่ได้คฑาวิเศษจากพ่อของพระองค์ เทพก็สามารถเอาชนะปีศาจตนนี้ได้ในที่สุด
2.Xiuhcoatl
Xiuhcoatl เป็นงูในตำนานของชาวแอซแท๊ก และยังเป็นชื่ออาวุธของเทพวิตซิลโลปอชตลี (Huitzilopochtli) เทพแห่งสงคราม (เรามักเห็นเทพองค์นี้ถือหอกกับงูด้วย) ซึ่งเทพแห่งสงครามได้ใช้อาวุธนี้ฆ่าพี่สาว Coyolxauhqui ด้วย โดยขณะที่เทพแห่งสงครามกำลังอยู่ในครรภ์มารดาอยู่นั้น พี่สาวของเขาได้เกิดรู้สึกโกรธที่มารดาของเธอตั้งครรภ์ จึงไปรวบรวมเหล่าพี่ๆ หมายจะสังหารมารดาของเธอและน้องชาย หากแต่ไม่ทันทีจะสังหาร มารดาก็กำเนิดเทพวิตซิลโลปอชตลีมาเสียก่อน โดยเทพผู้น้องเกิดมาพร้อมอาวุธคบมือ และฟาดฟันเหล่าบรรดา ตามตำนานเทพแห่งสงครามใช้มันในการแทงหน้าอกของพี่สาวตนเอง และน่าจะเป็นที่มาของการบูชายันควักหัวใจของชาวแอซแท็กด้วย
ง้าวมังกรเขียว เป็นอาวุธโบราณและเป็นอาวุธคู่กายของกวนอูหนึ่งในห้าทหารเสือแห่งจ๊กก๊ก ในตำนานกล่าวว่า เป็นง้าวขนาดยักษ์ ประดับลวดลายมังกร ยาว 3 เมตร หนัก 41-45 กิโลกรัม ซึ่งใช้สังหารขุนพลมากมาย ทั้งงันเหลียง บุนทิว ฮัวหยง บังเต๊กเมื่อ กวนอูตายในปีค.ศ. 219 ลิบองได้นำง้าวมังกรเขียวกลับมายังง่อก๊กและซุนกวนได้มอบง้าวนี้แก่พัวเจี้ ยงต่อมาพัวเจี้ยงได้นำง้าวนี้ออกไปรบกับกวนหินลูกชายของกวนอูและกวนหินได้ ฟันพัวเจี้ยงตายและนำง้าวมังกรเขียวกลับคืนมา
มีการตั้งข้อสังเกตว่าง้าวมังกรเขียวไม่น่าจะหนักมากขนาดนั้น เพราะมันเป็นน้ำหนักที่แท้จริงอาจไม่ถึง 18 กิโลกรัม อย่าง ไรก็ตามง้าวมังกรเขียวก็ยังคงเป็นอาวุธคู่กายของกวนอูจนทำให้เขากลายเป็นเทพ แห่งความซื่อสัตย์และเป็นอาวุธวิเศษที่หลายคนรู้จักกันดี