หลาย คนอาจมองอาวุธ “ธนู” ไม่เท่เท่ากับดาบ หรือทวน เพราะเป็นอาวุธยิงไกล ไม่ทันเท่าอาวุธระยะประชิด ความรุนแรงต่ำ อย่างไรก็ตามอดีตที่ผ่านมา มีหลายศึกที่แสดงให้เห็นว่า “ธนู” เป็นอาวุธที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์การรบได้เท่ อย่างหล่อ บางศึกก็เปลี่ยนจากผู้พ่ายแพ้มาเป็นผู้ชนะได้
10.ทหารมองโกลเทพยิงธนู
สิ่ง ที่กองทัพมองโกล เป็นกองทัพน่ากลัวที่สุดในเวลานั้นก็คือ มองโกลเป็นนักธนูมือฉมัง จากบันทึกได้ระบุว่า ทหารมองโกลสามารถยิงธนูแต่ละนัดไปได้ไกลถึง 500 เมตร (ครึ่งกิโล) ซึ่งเป็นระยะไกลและความเร็วพอๆ กับปืนเล็กที่ใช้ทุกวันนี้ อีก ทั้งทั้งยังมีพลังอำนาจทำลายสูงสามารถเจาะทะลวงและยึดคาร่างศัตรูชนิดดึงไม่ ออก อีกทั้งยังทะลุเกราะศัตรูแม้จะเกราะหนาขนาดไหนก็ตาม และที่น่ากลัวก็คือมองโกลยิงธนูแม่นมากทั้งๆ ที่อยู่บนหลังม้าตลอดเวลา
9.นักยิงธนูไกลของอังกฤษ
นักยิงธนูไกล (Longbowmen) ของอังกฤษ ขึ้นชื่อว่ามีชื่อเสียงมากยุคกลาง ถือ ว่าเป็นกองกำลังสำคัญที่ทำให้อังกฤษเอาชนะหลายสมภูมิ ไม่ว่าจะเป็น โดยเฉพาะสงครามร้อยปี ทำให้อังกฤษเชี่ยวชาญอาวุธธนูต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกษัตริย์หลายครั้ง กล่าวกันว่าคันธนูทำมาจากต้นเอล์ม ยาว 5-7 ฟุต (ความยาวขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้) นักยิงธนูล้วนมีความสามารถยิงเร็ว เจาะเกราะ อีกทั้งยิงในระยะไกลถึง 300 เมตร (ถือว่าไกลมากในสมัยนั้น)
8.แอเมนโฮเทปที่ 2
แอเมนโฮเทปที่ 2 (Amenhotep II) เป็นชื่อของกษัตริย์อียิปต์โบราณที่มีความสามารถ โดยเฉพาะการทหาร อีกทั้งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว แอเมนโฮเทปที่ 2 เป็น นักกีฬาที่มีพรสวรรค์มากกล่าวคือเป็นทั้งนักวิ่ง นักมวยปล้ำ และ ก็เป็นนักยิงเก่งมาก เก่งแบบเทพ ตามตำนานเล่าว่า พระองค์เรียนรู้การยิงธนูมากจากเทพเจ้ามิน (God Min) ตั้งแต่ยังหนุ่ม คันศรของพระองค์มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่จะใช้งานมันได้ คันศรของพระองค์หากยิงไปจะมีอำนาจทำลายล้างสูง มันแข็งแรงพอที่จะยิงทะลุโล่ทองเหลือง (บ้างก็ว่าทองแดง) ได้อย่างหมดจด บ้างก็ว่าพระองค์สามารถยิงลูกธนูได้ถึงสี่ครั้งจากหลังรถม้าที่กำลังวิ่ง อยู่
7.โยอิจิโชว์การยิงธนูหยุดทัพเรือไทระ
นาสึโนะ สึเคทาสะ โยอิจิ (Nasu no Yoichi) เป็นซามูไรที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลมินะโมะโตะ ในสงครามเก็มเปย์ (ยุคเดียวกับคุโร โยชิสึเนะและเบงเคย์)
คน ไทยค่อนข้างรู้จักสงครามเก็มเปย์น้อย สั้นๆ ง่ายเป็นสงครามในก่อนยุคเซ็นโกคุและเป็นสงครามของตระกูลใหญ่คือไทระและ ตระกูลมินะโมะโตะ (ที่มีโยชิสึเนะเป็นขุนพล) ผลคือตระกูลไทระพ่ายแพ้และต้องสูญสิ้นอำนาจ ในขณะที่ตระกูลมินะโมะโตะก็เข้าครองอำนาจในที่สุด
โยอิจิเป็นซามูไรเชี่ยวชาญเรื่องการยิงธนู และวีรกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาก็คือ การรบที่ยาชิมะ เมื่อปี 1184 ซึ่ง เขาและโยชิสึเมะกับทหาร 100 คนและเรือไม่กี่ลำป้องกันจากกองทัพเรือของไทระ และด้วยความกล้าหาญโยอิจิเขาได้ขี่หลังม้าลงในทะเลเพียงลำพังแล้วใช้ธนูยิง ทหารไทระที่อยู่บนเรือ จนกองทัพของไทระขวัญเสียและล่าถอยไป (กล่าวกันว่าโยอิจิยิงธนูเพียงลูกเดียวปักยอดเสาเรือของศัตรูได้อย่างแม่นยำ ทั้งๆ ที่เรือยู่ไกล และลมพัดแรงมาก )
และหนึ่งเดือนต่อมาตระกูลไทระก็พ่ายแพ้ย่อยยับจนสิ้นตระกูล ใน ช่วงปั้นปลายโยอิจิได้บวชเป็นนักบวช และให้ลูกหลานสืบทอดตระกูลแทน หลังจากนั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของเขาก็สูญหายไป หลักฐานส่วนใหญ่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เชื่อกันว่าเขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 64 ปีในระหว่างพิธีเคารพผู้เสียชีวิตในสงครามเก็มเปย์
6.สปาร์ตันพ่ายแพ้กับกองทัพธนู
สปาร์ตัน ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบที่เก่งกาจ ไม่กลัวตาย เป็นที่หวาดกลัวต่อเหล่าศัตรู แต่อย่างไรก็ตามมีบุคคลหนึ่งที่ทำให้สปาร์ตันยอมแพ้และยอมจำนนแบบหมดรูป เขาคนนั้นก็คือเดโมสทีนิส (Demosthenes) แห่งเอเธนส์ ในระหว่างการต่อสู้ในสงครามเพโลโพนี ระหว่างสปาร์ตา และเอเธนส์
ตามประวัติศาสตร์เดโมสทีนิสสามารถเอาชนะสปาร์ตันในระหว่างการต่อสู้ในเกาะสแฟคทีเรีย (Sphacteria) เกาะเล็กๆ ไม่กี่ไมล์ห่างจากสปาร์ตา ซึ่งทหารสปาร์ตันได้ยึดเอาไว้เพื่อเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงของฝ่ายเอเธนส์
อย่าง ไรก็ตามเดโมสทีนิสสามารถได้ตีเกาะอื่นๆ ได้ก่อนหน้าแล้ว ทำให้เกาะสแฟคทีเรียถูกตัดขาด แม้เขาจะพยายามจะเจรจาให้สปาร์ตันที่อยู่จำนวน 440 คนยอมจำนน แต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นเดมสทีนิสจึงใช้กลยุทธ์อันงดงาม โดยเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก คือเขาให้พลธนูของเอเธนส์อ้อมไปหลังค่ายสปาร์ตาและเริ่มยิงธนูโจมตีจากทาง ด้านหลัง และนั้นทำให้สปาร์ตันยอมจำนนพ่ายแพ้ในที่สุด (เสียชีวิตไป 148 คน) และนั้นเป็นการบันทึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สปาร์ตันยอมจำนน แทนที่จะสู้จนตัวตายครั้งแรก
5.ลิโป้ยิงธนูห้ามทัพอ้วนสุด
เหตุการณ์ลิโป้ยิงธนูเพื่อช่วยเล่าปี้นั้นมีการยืนยันแล้วว่าเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยสามก๊ก เรื่องมีอยู่ว่าอ้วน สุดได้ให้กิเหลงเป็นแม่ทัพยกทัพใหญ่มายกไปตีเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย เวลานั้นเล่าปี่ยังเป็นทัพที่อ่อนแออยู่ไม่สามารถต้านทานกองทัพใหญ่ของอ้วน สุดได้ เล่าปี่จึงได้เขียนจดหมายขอให้ลิโป้มาช่วย ซึ่งเวลานั้นลิโป้คือเทพสงครามแห่งยุค ใครๆ ก็กลัว
แต่อย่างไรก็ตาม ลิโป้ไม่อยากเลือกฝั่ง ลิ โป้เลยใช้วิธีเรียกผู้นำทั้งสองฝ่ายเลี้ยงเจรจาสามฝ่าย เสนอให้กองทัพอ้วนสุดยอมถอยกลับ แต่กิเหลงไม่ยอม ลิโป้ต่อรองว่าให้มาดูตนเสี่ยงทายว่าหากตนยิงธนูถูกปลายทวน ภายในหนึ่งร้อยก้าว ก็ขอให้ทั้งสองยกเลิกทัพ กลับไป ซึ่งกิหลงรับปากเพราะไม่เชื่อว่าลิโป้จะทำได้ แต่ผลปรากฏว่าลิโป้สามารถยิงถูกได้จริง ๆ ทำให้กองทัพอ้วนสุดต้องถอยชั่วคราวเป็นการสงบศึกชั่วคราว เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงให้กับลิโป้มาก และทำให้เล่าปี่รอดพ้นอันตราย ซึ่งต่อมาเล่าปี่ก็กลายเป็นผู้นำของจ๊กก๊กที่มีบทบาทสำคัญในสามก๊ก
4.งักฮุย
งักฮุย (หรือ เยว เฟย์) เป็นหนึ่งในรักรบกู้ชาติคตนสำคัญในประวัติศาสตร์ประเทศจีน มีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ กล่าวกันว่าเขาเป็นเทพนักรบของจีน และยังยกย่องว่าเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์
ตาม บันทึกได้เขียนว่างักฮุยมีรูปร่างใหญ่โต มีพละกำลังมาก ชอบกังฟูและวรยุทธ์ อีกทั้งยังมีฝีมือการยิงธนูที่แม่นยำ ในตำนานเล่าว่าเขามีสายตาที่ดีมาก สามารถมองไกลอย่างชัดเจน และสามารถใช้งานธนูที่หนักกว่า 300 ชั่ง อย่าง ไรก็ตามเทพนักรบผู้นี้ต้องถูกประหารจากการใส่ร้ายของขุนนางฉินฮุ่ย ศพของงักฮุยถูกนำไปฝังไว้ที่ภูเขาชีเสียหลิ่งริมทะเลสาปซีหูเมืองหังโจวมณฑล เจ๊อะเจียง ปีคริสต์ศักราช 1221 มีผู้มาสร้างสุสานงักฮุยและศาลเจ้างักฮุยที่นั่น ส่วนขุนนางฉินฮุ่ยถูกชาวบ้านสาปแช่งชั่วลูกชั่วหลาน
3.มินาโมโตะ โนะ ทาเมะโทโมะ
เช่นเดียวกับซามูไรนาสึโนะ สึเคทาสะ โยอิจิ มินาโมโตะ โนะ ทาเมะโทโมะ (Minamoto no Tametomo) เป็นซามูไรที่มีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกัน และเขาเป็นนักธนูที่เก่งกาจ ธนูของเขาสามารถยิงทะลุเกราะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างหมดจด และสร้างชื่อโดยการยิงธนูมากมายหลายศึก ว่ากันว่าเขาสามารถชมเรือของไทระด้วยการยิงลูกศรลูกเดียวด้วยการเจาะท้อง เรือจนจน
ต่อมาเขาก็ถูกเนรเทศไปยังเกาะร้าง อิซุโอชิมะ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะอิซุ เพราะขัดแย้งกับตระกูลโมโตะ บางตำนานเล่าว่าเขาถูกจัดเอ็นที่แขนซ้ายไม่สามารถใช้มือยิงธนูได้ และเขาก็ได้ฆ่าตัวตายด้วยการหั่นท้องของตัวเอง ว่ากันว่าเป็นนักรบคนแรกที่ทำฮาราคีรี (หลายตำนานเขียนการตายของทาเมะโทโมะต่างกัน)
(ตามตำนานยังเล่าอีกว่ารัฐบาล บอกให้ทาเมะโทโมะจ่ายภาษี หากแต่เขาปฏิเสธ รัฐบาลจึงส่งเรือรบไปยังเกาะของทาเมะโทโมะ เขาจึงตอบโต้ด้วยการยิงธนูขู่ ผลสุดท้ายกองทัพเรือได้ล่าถอยเพราะกลัวฝีมือของทาเมะโทโมะ และปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว)
2.ฟินน์ผู้ยิงธนูทำลายคันธนูของฝ่ายตรงข้าม (Finn, the Man Who Hit Another Archer’s Bow)
ไม่มีใครรู้ราย ละเอียดของนักธนูคนนี้มากนัก หลายคนมักเรียกเขาว่า “ฟินน์” ซึ่งเขาโดดเด่นในเรื่องการยิงธนู ปรากฏตัวในช่วงการต่อสู้ในสงครามการรบทางน้ำที่ สโวลเดอร์ ที่มีชื่อเสียงของอูโลฟ เชิทโคนึ่ง (King Olaf Tryggvason) มหากษัตริย์เดนมาร์ก โดยระหว่างการสู้รบกษัตริย์ได้เห็นยาร์ก อีริก (Jarl Eirik) หนึ่งในผู้นำของกองทัพเรือของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งกษัตริย์เห็นว่าเป็นโอกาสเปลี่ยนกระแสสงคราม เขาจึงสั่งให้นักยิงธนูของพระองค์ยิงธนูเพื่อฆ่ายาร์ก ซึ่งมีการบันทึกไว้ว่า
“นักยิงธนูได้ยิงสองลูกศรหวังฆ่ายาร์กแต่พลาด แต่ดอกที่สองนี่ใกล้พอที่จะเดาได้ว่าลูกธนูมาจากทิศไหน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังเตรียมยิงธนูดอกที่สาม ยาร์กสั่งนักธนูเอกของพระองค์ ฟินน์ ให้ยิงกลับ ฟินน์ยิงธนูไปถูกคันศรของซัตรูฝ่ายตรงข้าม และทำให้คันศรอันนั้นพังคามือศัตรูไปในที่สุด”
1.ชีเปย์ผู้ยิงม้าของเจงกีสข่าน
เริ่มต้นด้วยมองโกล จบด้วยมองโกลชีเปย์ (Jebe) เป็นนายพลที่ซื่อสัตย์ของเจงกีสข่าน และเก่งที่สุดแน่นอนว่าจิบิจะเป็นผู้เก่งกาจเรื่องการยิงธนู หากแต่การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่นั้นไม่ค่อยดีมากนัก เพราะจิบิเป็นศัตรูของเจงกีสข่าน
เรื่อง ราวที่ว่าเกิดขึ้นระหว่างที่เจงกีสข่านสู้รบกับชนเผ่าศัตรู ราวปี 1201 จู่ๆ ก็มีนักรบผู้หนึ่งได้ยิงใส่คอม้าที่เจงกีสข่านขี่ จนเจงกีสข่านเกือบตายและโกรธ เขาถามใครว่าใครยิงธนู และแล้วนายทหารคนดังกล่าวก็ได้ยืนขึ้นสารภาพว่าเขาต้องการฆ่าเจงกีสข่าน อย่างไรก็ตามนายทหารก็เสริมอีกว่าหากเจงกีสข่านปล่อยเขามีชีวิต เขาจะซื่อสัตย์รับใช้จนถึงที่สุด และนั้นทำให้เจงกีสข่านก็ไม่ได้ลงโทษทหารผู้นั้น เพราะเห็นว่าเขามีความกล้าหาญ แถมฝีมือการยิงธนูดี น่าจะยิ่งใหญ่อนาคต พร้อมให้ชื่อใหม่แก่นายทหารผู้นั้นว่า “ชีเปย์” (หรือภาษาจีนเรียก จื่อเปี๋ย) แปลว่า “ลูกศร” และภายหลังก็กลายเป็นนายพลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของมองโกลที่สร้างผลงานใน สมรภูมิรบในเอเชียและยุโรป
0.โฮ้วอี้ผู้ยิงธนูดับดวงอาทิตย์
โฮ้วอี้ (Houyi) เป็น นักยิงธนูในเทพปกรณัมจีน เล่ากันว่าใน เหยาฮ่องเต้ โลกมนุษย์มีดวงอาทิตย์พร้อมกันถึง 10 ดวง ซึ่งดวงอาทิตย์ทั้ง 10 นี้พร้อมใจกันส่องแสงสว่างมาแก่โลกมนุษย์ ทำให้มนุษย์ได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่งโฮ้วอี้จึงได้รับบัญชาจากเง็กเซียน ฮ่องเต้ให้ยิงธนูจัดการกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสร้างความเดือนร้อนแก่โลก มนุษย์ จึงลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมกับฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ซึ่งเป็นคนรัก
โฮ้ว อี้ลำพองใจยิงดวงอาทิตย์ดับไปถึง 9 ดวงจาก 10 ถือเป็นการกระทำเกินเหตุ เง็กเซียนฮ่องเต้จึงขับไล่โฮ้วอี้ลงจากสวรรค์ไปอยู่ยังโลกมนุษย์ ฉางเอ๋อก็ได้ตามโฮ้วอี้ลงไปด้วย เมื่อโฮ้วอี้มายังโลกมนุษย์แล้ว โฮ้วอี้ได้ใช้ฝีมือยิงธนูปราบปรามสัตว์ร้ายต่าง ๆ จนกระทั่งผู้คนยกให้วีรบุรุษและแต่งตั้งให้เขาเป็นฮ่องเต้
อย่าง ไรก็ตาม ต่อมาโฮ้งอี้เขากลับกลายเป็นผู้ปกครองที่โหดร้าย และต่อมาเขาก็ถูกชายผู้หนึ่งชื่อ เฟิงเมิ่ง ใช้ธนูแอบยิงโฮ้วอี้ที่ต้นคอจนกระทั่งถึงแก่ความตาย ส่วนฉางเอ๋อก็แอบดื่มน้ำอมฤทธิ์ทำให้มีชีวิตเป็นอมตะ และกลับไปอยู่ยังดวงจันทร์เพียงลำพัง