คุณนายคนหนึ่ง…..
ใจบุญสุนทาน ตักบาตรทุกเช้า ตักบาตรเสร็จ ก็แต่งสำรับกับข้าว อย่างบรรจงประณีต เพื่อเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ผู้เป็นเจ้าอาวาส
ด้วยความเคารพนับถือ ในจริยวัตรของท่าน
.......................
คุณนายชอบฟังท่านคุย เล่าเรื่องต่าง ๆเรียกว่าตักบาตรเสร็จ คุณนายต้องมาวัดทุกวันถวายอาหารเสร็จก็คุยกับพระสมเด็จ
.......................
วันหนึ่ง…
หลังจากคุณนายกลับแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ
เข้าไปกราบเรียนว่า...
" คุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริง ๆแต่เคยได้ยินว่า เป็นคนใจแคบ เหลือแม่อยู่คนเดียว ปล่อยให้อดๆ อยากๆ ไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้อยู่ห้องแคบๆหลังบ้าน "
.....................
" ส่วนตัวเองและลูก ๆ อยู่ตึกใหญ่โต สะดวกสบาย
เวลาพูดจากับแม่ ก็ฟังไม่ได้ หยาบคาย ขู่ตะคอก กระแทกกระทั้น
ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด ชนิดหน้ามือ เป็นหลังมือ "
.....................
" แม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ก็ไม่ได้ ไม่ยอมให้ออก
มีแม่แก่ หลงๆ ลืม ๆ สติไม่สมประกอบคงอายเขา
มีคนเขาเล่าให้ฟัง หลายรายแล้ว เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ "
สมเด็จนั่งฟังเฉยไม่พูดว่าอะไร
......................
วันหนึ่งมีกิจนิมนต์ ไปทำบุญบ้าน ขากลับ เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย
ท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน คุณนายดีใจมาก ที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้าน
ถือเป็นมงคลอย่างสูง ที่พระขั้นสมเด็จ มาเยี่ยมบ้าน
จึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่
แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆ มากมาย
....................
ในตอนหนึ่ง…
สมเด็จท่าน ถามคุณนายว่า " พระในบ้าน " มีไหม
" มีเจ้าค่ะ…พระในบ้าน มีหลายองค์ เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้น
สมัยสุโขทัยก็มี เชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จ ขึ้นไปดูข้างบนเจ้าค่ะ "
สมเด็จท่านเฉย แล้วถามต่อว่า...
" ได้ทราบข่าวว่า คุณนายมีแม่อีกคนเดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน? "
คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จะตอบตามตรง ก็กลัวว่า สมเด็จจะเดินไปดู หากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่แล้ว ท่านจะติเตียน
.......................
อึกๆ อักๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า
" ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ออกไปเยี่ยมญาติ อีกนานจึงจะกลับ "
สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่ แล้วจึงลากลับ
คุณนายก็ยังคงไปวัด เป็นปกติ
......................
วันหนึ่ง….
สมเด็จท่านเห็นว่า วันนี้ คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาร่าเริง
อารมณ์ดีหลังการทำบุญทำทาน สมเด็จจึงถามว่า…
" พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง "
" เรียบร้อยเจ้าค่ะ ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหารบูชาเสร็จแล้ว จึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ "
" อาตมาไม่ได้หมายถึง พระพุทธรูป พระในบ้านที่อาตมาถามถึงนี่ เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ คือ แม่พระ ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม "
.....................
" แม่..ให้ชีวิตเรามา…โดยเอาชีวิตตัวเองเขาแลก
เลี้ยงดูเรามา..ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย….จนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้
แม่เหน็ดเหนื่อย….ทุกข์ทรมาน…แสนสาหัส
แม่…ทนหิว…เพื่อให้ลูกอิ่ม
แม่…ทนหนาว เพื่อให้ลูกอุ่น
แม่..ไม่เคยนอน..ถ้าลูกของแม่…ยังไม่หลับ "
......................
" ยามลูกเจ็บป่วย…..ร้องไห้
หัวใจแม่ก็เจ็บปวด…และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย
แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมด…ของลูก…มาไว้ที่แม่ ถ้าทำได้
แม่…ยอมตายเพื่อลูกได้ พระคุณของแม่นี้…..ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ….เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างน่ะโยม "
.....................
" เอาตาดู…หูใส่…เอาใจใส่ท่านบ้าง
ไม่ใช้ปล่อยให้ท่าน …อด ๆ…อยากๆ
เจ็บไข้ได้ป่วย….ก็ดูแลท่านบ้าง "
..................
" อาตมาได้ข่าวว่า….คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว
และ…ไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน
ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ อยาก ๆ
ไม่สงสารท่านบ้างหรือ….โยม "
..................
" โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน….
แต่พระในบ้านอีกองค์…..โยมไม่เคยจัดให้….
และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา…..
สังเกตดู….โยมจัดมาให้อย่างดี…..ประณีตบรรจง
แต่ก่อน…..อาตมาไม่รู้ว่า…อะไรเป็นอะไร
ก็ฉันของโยมตามปกติ….แต่ตอนนี้…บอกตรงๆ…เลยว่า
กลืนไม่ค่อยลง…มาหลายวันแล้ว "
.................
" อาตมาเป็นพระในวัด…ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้าน….ของโยมเกินไป
ถ้าพระในบ้าน…ยังอด…พระในวัด…ก็…กลืนไม่ลง
การทำบุญให้ได้บุญมานะโยม…เลี้ยงพ่อแม่…ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน
แล้วจึงถวายพระ "
.................
คุณนาย….ไม่พูดอะไร…. นั่งน้ำตาไหล….
ลูกๆที่รักทุกคน…ได้ดูแลพระในบ้านของลูกๆ…แล้วหรือยัง
ถึงแม้ว่า…จะเพียงเล็กน้อย….ก็ยังดี
บางคน…..กว่าจะรู้…พ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐ…
ก็สายเสียแล้ว…
คือ..รู้เมื่อท่านทั้งสอง…..ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว