เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหญิงชราอายุ 87 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลปากท่อ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี อาศัยอยู่บ้านหลังเก่า ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้าย และกำลังจะถูกยึดเนื่องจากไม่มีเงินส่งค่าจำนอง ประกอบกับหญิงชราคนดังกล่าวไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ เพราะความชรา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีสภาพทรุดโทรม พบนางเสริม เทียมเมือง อายุ 87 ปี อาศัยอยู่คนเดียว โดยหลานชายที่นางเสริมเลี้ยงดู และมอบบ้านไว้ให้ หวังเป็นที่พักที่อาศัยของหลานและเหลนนำบ้านไปจำนองไว้กว่า 2 แสนบาท และหลังจากที่หลานชายต้องถูกจับกุมและคุมขังภายในเรือนจำราชบุรี นางเสริมต้องอยู่กับภรรยาของหลายชายและเหลน ด้วยความยากจนของครอบครัว หลานสะใภ้ได้หอบลูกย้ายกลับบ้านเกิด ต้องทิ้งให้นางเสริมอยู่คนเดียวมากว่า 2 เดือนเศษ ด้วยความชราด้วยวัย 87 ปี ทำให้สภาพร่างกายของนางเสริมไม่สามารถเดินได้ เมื่อปลายปีก่อนนางเสริมยังสามารถเดินได้เหมือนคนปกติทั่วไป และเวลาที่ร่วงเลย ทำให้สังขารร่วงตามไปด้วยจากการเดินได้ปกติ กลับต้องมาคลานด้วยหัวเข่าและแขนสองข้างแทน โดยที่นางเสริมจะคลาน จากที่นอนของตนซึ่งอยู่ที่บริเวณหลังบ้าน เพื่อมาที่หน้าบ้านตามระเบียงทางเดิน จนเมื่อกลางปีนางเสริมได้คลานมาที่บริเวณหน้าบ้านจากการที่สายตาเริ่มฟ้าฟาง และสั้นทำให้คลานตงลงจากระเบียง นอนร้องให้เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเข้ามาช่วย ซึ่งเหคุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นางเสริมเริ่มที่จะคลานไม่ได้ ต้องใช้สาเหตุจากที่หัวเข่าทั้งสองด้านเกิดผิวหนัง และเนื้ออักเสบ และด้านเป็นไตแข็ง ทำให้รู้สึกเจ็บ นางเสริมต้องใช้การกระเถิบตัวด้วยก้นแทน ทุกวันนี้จากความยากจนประกอบกับถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง นางเสริมต้องอดมื้อกินมื้อ บางวันก็ไม่มีข้าวกิน ด้วยความที่หิวและหูตาฟ้าฟาง นางเสริมต้องกินข้าวบูด ติดหม้อหุงข้าว และที่น่าเวทนา ด้วยความที่ตามองไม่ค่อยต้องทานข้าวบูดผสมน้ำยาล้างจาน เพราะคิดว่าน้ำยาล้างจานเป็นน้ำปลา อยู่เป็นประจำ ด้วยจากการที่ไม่มีรายได้ หรือเงินที่จะมาซื้อหากับข้าวกิน ส่วนเบี้ยคนชราที่ได้รับจำนวน 800 บาท ก็ต้องถูกหักไว้เป็นค่าดอกส่งบ้านและค่าใช้จ่ายอื่น เช่นค่าน้ำค่าไฟ เพื่อที่จะไม่ให้บ้านถูกตัดน้ำตัดไฟ
นางกิตติยา วิสุทธิประเสริฐ แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เพื่อนบ้าน กล่าวว่า รู้จักคุณยายมาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนคุณยายยังมีสุขภาพดี เดินเหินได้ มีอาชีพ ปีนต้นมะพร้าว และขายขนม และมีที่ดินจำนวนมากจากมรดกของพ่อแม่ และมีสามีชื่อนายสิน เทียมเมือง เป็นอาจารย์สอน และได้เสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้นางเสริมต้องอยู่กับลูกและหลานชาย ส่วนลูกของนางเสริมเดิมจะมา ประจำและหลังๆ จะมาปีละ 1 ครั้ง
ส่วนหลานก็ต้องติดอยู่ในเรือนจำ นางเสริมต้องอยู่กับหลานสะใภ้ ก่อนที่จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ซึ่งตนเกิดความสงสารจึงคอยทำข้าวมาให้กิน และต้องหลอกคุณยายเสริมว่า เหลนที่ยายเลี้ยงไปโรงเรียนยังไม่กลับ เพื่อให้คุณยายมีกำลังใจ ส่วนบ้านทราบว่าหลานนำไปจำนองไว้ และใกล้ที่จะถูกยึด เพราะไม่มีเงินส่ง มีแต่เบี้ยคนพิการที่เสียบางส่วนเป็นค่าผ่อนดอก ซึ่งผู้รับจำนองก็เมตตาให้คุณยายพักอาศัยไปก่อนจนกว่า คุณยายจะเสียชีวิต หรือหลานจะนำเงินมาไถ่ถอนคืน
ด้านนางจรัญญา กิมสร้าง ครูประจำศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากท่อ กล่าวว่า หลายครั้งที่ต้องเข้าไปพบกับภาพความเวทนาของคุณยายเสริม ที่ต้องกินข้าวบูด โดยเฉพาะข้าวบูดผสมน้ำยาล้างจาน เพราะคุณยายสายตามองไม่ชัดเจน คงจะนึกว่าเป็นขวดน้ำปลา ด้วยความหิวยายจึงนำผสมกับข้าวกิน พอยายตักกินเข้าไปก็จะบ้วนทิ้ง
“ส่วนข้าวบูดยายคงไม่รู้รสชาติ หรือด้วยความหิวยายจึงต้องกินเพื่อความอยู่รอด ด้วยความสงสารจึงเข้ามาคอยดูแลช่วงพักกลางวัน และหลังเลิกงานก่อนกลับบ้าน คอยพูดคุย และกางมุ้งให้นอน ดูแลเรื่องการอาบน้ำให้ จึงอยากวอนผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือ หรือจะมอบสิ่งของเครื่องใช้สามารถสอบถามได้ที่ ตนเองหรือ กศน.อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี สำหรับผู้ที่มีความเมตตาและสงสารคุณยายเสริม เทียมเมือง สามารถส่งทานน้ำใจได้ที่ บัญชีธนาคารออมสิน สาขาปากท่อ หมายเลขที่บัญชี 051350441286 ชื่อบัญชีนางจรัญญา กิมสร้าง หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี โทร. 095-1522173” นางจรัญญา กล่าว