ในบรรดาอาถรรพ์ด้านทำ เสน่ห์ด้วยไสยศาสตร์ "น้ำมันพราย" ถือว่าเป็นสุดยอดของมนต์ดำสายล่างที่เข้มขลังและน่ากลัวที่สุด
น้ำมัน พราย คือ น้ำมันที่ได้มาด้วยการใช้เทียนรนจากศพของหญิงตายทั้งกลม คือ หญิงตั้งครรภ์แล้วเสียชีวิตขณะลูกยังอยู่ในท้อง ผู้ที่สามารถรนน้ำมันพรายมาได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์แก่กล้า มีกำลังใจเข้มแข็งสูงมาก เพราะจะต้องเผชิญกับความน่าเกลียดน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด หรืออาจเผชิญกับอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณผีตายทั้งกลมได้ทุกเมื่อ
หากไม่ มีวิชาอาคมเข้มขลังและมีจิตใจที่มั่นคงอย่างแท้จริง มีสิทธิ์ที่จะเสียสติ เพราะความตื่นตะหนกสุดขีด กลายเป็นคนวิกลจริตฟั่นเฟือง หรืออาจถึงกับตายได้ง่ายๆ
น้ำมันพรายมีฤทธิ์ในทางชั่วร้าย และมีอาถรรพ์อันเข้มขลังอย่างยิ่ง หากเอาน้ำมันพรายไปแตะต้องสัมผัสถูกเนื้อของหญิงใด จะทำให้หญิงนั้นเกิดความปฏิพัทธ์ลุ่มหลงรักใคร่ในชายผู้เป็นเจ้าของน้ำมัน พรายอย่างไ
ร้สติ มีอาการเพ้อครั่งประหนึ่งคนบ้า ต้องซมซานไปหาเจ้าของน้ำมันพรายเพื่อให้เขาเชยชม ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
และเป็นที่เศร้าเสียอย่างยิ่งที่หญิง เคราะห์ร้ายคนนั้นจะกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนป้ำๆ
เป๋อๆ คุ้มดีคุ้มร้ายไปชั่วชีวิต และการถอนฤทธิ์น้ำมันพรายให้ออกไปจากตัวนั้น กระทำได้ยากยิ่ง หรืออาจไม่ได้เลย หากผู้ถอนไม่มีจิตตานุภาพแก่กล้าจริงๆ
จุด ประสงค์ในการใช้น้ำมันพรายมักเกิดจากชายที่หมายปองหญิง ซึ่งเขาไม่มีน้ำใจไมตรีตอบสนอง หรือตัวเองเป็นชายต่ำต้อยด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ แต่หวังอยากจะร่วมภิรมย์สมสู่กับหญิงสูงศักดิ์ เข้าทำนองดอกฟ้ากับหมาวัด ซึ่งไม่มีทางบรรจบพบกันได้ เพราะชาติตระกูลแตกต่างกันดุจฟ้ากับดิน
ชาย ผู้มีใจโฉดชั่วจึงได้หาทางใช้น้ำมันพรายกับหญิงนั้นให้สมประสงค์ของตัวเอง โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลร้ายแก่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไรบ้าง
เรื่อง "น้ำมันพราย" เป็นเรื่องที่มีการกล่าวถึงอย่างแพร่หลายและมีมานานตั้งแต่ครั้งโบราณ ถือกันว่าน้ำมันพรายเป็นคุณไสยอย่างหนึ่งของวิชาไสยศาสตร์สายล่าง มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชเข้าขั้นสูงสุด เนื่องจากผูกพันกับจิตวิญญาณของภูตผีปีศาจ ผู้ที่จะทำน้ำมันพรายได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ระดับสูงเท่า นั้น จึงจะได้น้ำมันพรายมาครอบครอง
มีผู้เรืองอาคมทางศาสตร์แห่งไสยะ ซึ่งรู้แจ้งเห็นจริงในการทำน้ำมันพรายท่านหนึ่ง "อาจารย์สมศักดิ์ ตำหนิงาม" ท่านยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องราวของน้ำมันพราย
อาจารย์สม ศักดิ์ มีความสนใจใฝ่รู้ในเรื่องคาถาอาคมมาตั้งแต่เด็กๆ และมีโอกาสเล่าเรียนไสยศาสตร์จากครูบาอาจารย์หลายท่านหลายสำนัก
อาจารย์ สมศักดิ์ได้เล่าถึงประสบการณ์การไปรนน้ำมันพรายโดยมีรายละเอียดว่า
ขั้น แรก จะต้องคอยสดับตรับฟังข่าวคราวว่ามีศพผู้หญิงตายทั้งกลมอยู่ที่ใดก่อน สำหรับหญิงตายทั้งกลมที่หมอผีผู้เรืองวิชาต้องการรนเอาน้ำมันพราย หากถึงแก่ความตายด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ถือว่ายังไม่**น ไม่ขลัง แต่ถ้าตายด้วยการฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย เป็นอุบัติเหตุตาย ว่าง่ายๆ คือตายโหง ถือว่าน้ำมันพรายจะเข้มขลังอย่างยิ่ง เพราะวิญญาณผู้ตายทั้งกลมจะมีอิทธิฤทธิ์แรงกล้าเปนพิเศษ
หลังจากอธิษฐานบอกกล่าวแล้วหมอผี ก้อจะสังเกตดูว่าธูปที่จุดไว้เป็นอย่างไร หากธูปที่ส่องแสงเรืองๆนั้น ได้ดับสนิทลงในเวลาไม่ถึงอึดใจ แสดงว่านายป่าช้าไม่ขัดข้อง เมื่อเป็นเช่นนั้นการรนน้ำมันพรานก้อถือว่าด่านแรกได้ผ่านไปด้วยดี แต่ถ้านายป่าช้าไม่อนุญาต หมอผีจำเป็นต้องล้มเลิกการรนเอาน้ำมันพรายแต่เพียงเท่านี้
ขืนยัง ดื้อดึงจะรนเอาน้ำมันพรายให้ได้ นายป่าช้าจะคุมผีทั้งป่าช้ามาทำร้ายจนถึงขั้นตาย แม้จะมีวิชาอาคมขลังแค่ไหน ก็ยากที่จะต้านทานวิญญาณอันแก่กล้าจำนวนมากมายเป็นกองทัพได้
เมื่อ ผ่านขั้นแรกแล้ว คณะหมอผีก้อพากันไปที่หลุมศพหญิงตายทั้งกลมคนนั้น ซึ่งจะสังเกตได้ง่าย เพราะเหนือมูลดินหลุมศพ มีหนามพุทราวางเกลี่ยไว้ตลอดหลุม หนามเหล่านี้มีไว้มิใช่ป้องกันสุนัขหรือสัตว์อื่นมาคุ้ยหลุมศพ แต่เป็นการกระทำของสัปเหร่อที่มีอาคม วางหนามพุทราสะกดเพื่อไม่ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมออกมาอาละวาด
หมอผีจะ สั่งรื้อเอาหนามพุทราออกให้หมดระหว่างที่รื้อหนามออก จะต้องบริกรรมคาถาถอน หรือคลายมนต์สะกดไปด้วย
เมื่อหนามพุทราถูกกวาดออกไปหมดเกลี้ยง หมอผีจะต้องหาหินสะกด 3 ก้อน ซึ่งวางเรียงไว้ด้านศีรษะผีตายทั้งหลม ถ้าได้หิน 3 ก้อนแล้ว หมอผีจะต้องใช้อาคมตรวจดูว่าหินก้อนใดที่สัปเหร่อลงอาคมสะกดไว้ จากนั้นก็ต้องถอนคาถาสะกดออก
การป้องกันไม่ให้วิญญาณผีตายทั้ง กลมอาละวาดเป็นวิชาไสยศาสตร์แขนงหนึ่งที่สัปเหร่อจะ
ต้องเรียนรู้คาถา สะกดหรือตรึงวิญญาณให้อยู่แต่ในหลุมศพ หลังจากถอนมนต์สะกดจากหินออกไปแล้ว หมอผีจะใช้มีดหมอปักดินแล้วงัดเปิดขึ้นมารอบๆหลุมศพทั้ง 8 ทิศ
เป็นการ เบิกธรณีก่อนที่จะให้ผู้ติดตามขุดเอาดินปากหลุมออกจนถึงฝาโลง เมื่องัดฝาโลงให้ตะปูถอนเขยื้อนขึ้นมาหมดทุกตัว แต่ยังไม่เปิดฝาโลงออก หมอผีจะให้ผู้ที่ติดตามถอยอยู่ห่างๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ผู้ เปิดฝาโลงก็คือหมอผี ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิดออกกลิ่นเน่าเหม็นของศากอศุภะ ซึ่งกำลังขึ้นอืด เพราะไม่ได้ฉีดยารักษาศพ จะกระจายตลบไปทั่วอาณาบริเวณ และในเสี้ยวเวลาที่ฝาโลงถูกพลิกเปิดถือกันว่าเป็นห้วงเวลาอันตรายสำหรับหมอ ผี
เพราะผีตายทั้งกลมที่วิญญาณ**นจริงๆจะ แผลงฤทธิ์ในจังหวะนี้ เนื่องจากมนต์ที่สะกดถูกถอนออกจนหมด
ในรายที่ ผี**นมันจะหวีดร้องเสียงยะเยือกแล้วร่างจะทะลึ่ง พรวดเหยียดยาวสูงลิบลิ่ว
เป็นการหลอกหลอนซึ่งๆ หน้า ถ้าหมอผีไม่ได้เคี่ยวกำกับวิญญาณร้ายมาอย่างโชกโชน มีหวังพิธีแตกเอาง่ายๆ
แต่ หมอผีที่สมาธิแก่กล้าก้อจะยริกรรมคาถาไปเรื่อยๆ จนกำราบวิญญาณร้ายให้อ่อนกำลังลงจนกว่าร่างที่ยืดยาวจะหดตัวต่ำลงมากระทั่ง มานั่งประจัญหน้ากัน
คราวนี้หมอผีจะทำการตัดด้ายตราสังที่มัดข้อ มือออก แล้วบอกกล่าวให้ผีรู้ว่าจะมาขอเอาน้ำมันพราย จะให้หรือไม่? ถ้าให้จะให้ตรงไหน? ถ้าผียินยอม ผีก้อจะบอกไปว่าบริเวณใดที่จะให้ใช้ไฟรนได้
เทียน ที่จะใช้รนเอาน้ำมันพรายต้องทำจากขี้ผึ้งแท้ ยาวเท่า 1 ศอกของหมอผี ไส้เทียนใช้ด้าย 80 เส้นมาฝั้น ระหว่างฝั้นก็ต้องบริกรรมคาถาสะกดวิญญาณไปด้วย และจะต้องบริกรรมไม่ให้ขาดตอน จนกว่าการทำเทียนจะสิ้นสุด
เมื่อใช้ เทียนรนจนน้ำเหลืองหรือน้ำมันละลายหยด ให้ใช้ชามโคม หรือถ้วยกระเบื้องไปรองรับ ซึ่งจะได้น้ำมันจากศพอย่างมากก็ไม่เกิน 10 หยด เมื่อได้น้ำมันมาแล้วก็เทรวมกับน้ำมันซึ่งเตรียมใส่ขวดปากกว้าง น้ำมันที่เตรียมมานี้ไมาใช่น้ำมันธรรมดา
เป็นน้ำมันที่ได้มาโดยการ ผสมผสานระหว่างน้ำมันมะพร้าวซึ่งเคี่ยวจากมะพร้าวล้างหน้าศ
พ 7 ศพ และขี้ผึ้งปิดากผีอีก 7 ศพ
มะพร้าวล้างหน้าศพก็คือมะพร้าวที่ สัปเหร่อผ่าเอาน้ำมาล้างหน้าศพก่อนเผา หลังจากผ่ามะพร้าวแล้วจะต้องไม่ให้มะพร้าวถูกพื้นดินให้เก็บไว้ในที่สูง แล้วขูดเอาเนื้อมะพร้าวทั้ง 7 ลูก ไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน แล้วเอาขี้ผึ้งที่ใช้ปาก จมูก ตา หู ศพ 7 ศพ นำไปเคี่ยวรวมกับน้ำมันมะพร้าวจนเข้ากันดี แล้วจึงเทใส่ขวดรวมไว้
หลังจากรนเอาน้ำมัน พรายเสร็จแล้ว ก้อให้มัดด้ายตราสังที่ข้อมือของศพไว้ดังเดิม
การได้ น้ำมันพรายจากผีตายทั้งกลมขั้นแรกมาแล้ว ยังใช่ไม่ได้ทันที จะต้องนำมาทำพิธีหุงต่อไปอีกจึงจะใช้ได้ การหุงหรือเคี่ยวน้ำมันพรายในขั้นตอนต่อไปให้เอาถ่านเผาผีที่หัวกองฟอนมา 7 แห่ง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเคี่ยวน้ำมันพราย
สถานที่เคี่ยว น้ำมันพรายให้ผสมผสานกลมกลืนกับน้ำมันมะพร้าวและขี้ผึ้งปิดปากผีคือทาง
สาม แพร่ง ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวส่วนไม้พายที่ใช้คนต้องใช้กิ่งพุทราตายพรายชี้ไทางทิศ ตะวันออกมาเ
หลาทำเป็นไม้พายเท่านั้น ระหว่างที่เคี่ยวหมอผีต้องบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลา
เมื่อหุงหรือ เคี่ยวน้ำมันพรายได้ดีแล้วต้องเอาไปเสกต่อในโบสถ์อีก ตำแหน่งที่วางขวดใส่น้ำมันพรายบนโบสถ์จะต้องดูว่าสายตาของพระประธานซึ่งทอด พระเนตรลง
มาตกกระทบพื้น ณ ที่ใด ให้เอาขวดน้ำมันพรายวางตรงตำแหน่งนั้น แล้วบริกรรมเสกคาถาลงไป โดยเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาที่แสงพระอาทิตย์สาดเข้ามาในโบสถ์ ได้ระดับกั
บพระเนตรของพระประธาน
แล้วจึงหยุดบริกรรมคาถา ให้กระทำแบบนี้ในโบสถ์ทั้งหมด 7 โบสถ์ จึงถือว่าสิ้นสุดพิธีกรรม น้ำพรายที่ได้ถือว่านำไปใช้งานได้แล้ว